สวัสดีคนชอบดู การ์ตูนฝรั่ง วันนี้เราจะมารีวิว อนิเมชั่นน่าดูปี 2022 เรื่อง Puss in Boots : The Last Wish แมวเหมียวผู้ใช้ดาบสุดหล่อเท่ หรือจะบอกว่ามันน่ารักดีก็บอกไม่ถูก แต่เอาเป็นว่า มันคือแมวเสน่ห์แรง เนื้อเรื่องจะเป็นอย่างไร และ ในภาคนี้จะมีอะไรโดดเด่น และ มีอะไรแปลกใหม่ กว่า พุซ อิน บู๊ทส์ 2011 ภาคที่แล้ว เราจะมาเล่าให้ทุกๆคนที่ชอบดูภาพยนต์อนิเมชั่นได้อ่าน

เนื้อเรื่องย่อ Puss in Boots : The Last Wish 2022

สำหรับเจ้าเหมียว พุซ ที่ชอบความผจญภัยเสี่ยงชีวิตมาโดยตลอด ในที่สุดเขาต้องพบเจอกับความน่าหวาดกลัว เป็นครั้งแรก เพราะเขาต้องไปเจอกับ เจ้าหมาป่ามัจจุราช ที่ได้เข้ามาเตือน พุซ ว่าต่อไปนี้ เขาจะเหลือ ชีวิตสุดท้ายก่อนที่จะต้องตายและไปพบยมบาลในนรก เขาจึงเลือกที่จะเนรเทศตัวเอง ไปอาศัยอยู่กับ มาม่าลูน่า ผู้ที่เป็นผู้เปิดที่พักพิงให้พวกเหมียวจรจัด

และที่แห่งนั้น เขาจะได้พบกับ เพอร์โร เจ้าสนุขพันธุ์ ชิวาว่า ไร้เจ้าของ ที่คิดว่าตัวมันเองนั้นเป็นแมว และ ได้รู้สึกผูกพันธุ์กัน แต่ทว่า เรื่องความสงบสุข ที่เจ้าเหมียว พุซ ฝันหาก็เป็นจบลงด้วยความผิดหวัง หลังจากที่ โกลดีล็อก และ ครอบครัวหมีป่า ที่เดินทางมาจ้างพุซให้ไปทำหน้าที่ขโมย แผนที่ที่นำไปสู่ดาวประทานพร

และผู้ที่ครอบครองแผนที่นั้น คือ แจ็ก ออร์เนอร์ เจ้าหนุ่มเจ้าของโรงงานผลิตขนมปังชื่อดัง แต่ประเด็นคือ ไม่ใช่แค่พุซคนเดียวเท่านั้นที่ยังต้องการแผนที่สู่ดาวประทานพร เพราะเขาได้ไปเจอกับ คิดตี้ ซอฟต์พอว เจ้าแมวเหมียว หญิงเก่าของเขา จะบอกว่าเมียเก่าก็ว่าได้ เธอดันมีฝีมือสุดเก๋า ที่เจ๋งกว่าพุซอย่างชัดเจน

แต่สิ่งที่ไม่คาดคิด ก็เกิดขึ้น เพราะว่า ทั้ง 3 คนนั้นดันมี ผลประโยชน์ร่วมกัน จึงได้เริ่มออกเดินทางเพื่อที่จะตามหาดาวประทานพร เพื่อให้เจ้าเหมียวส้มของเราได้กลับมามี 9 ชีวิตเหมือนเดิม โดยมีคู่แข่ง ตัวสำคัญอย่าง แจ็ก ออร์เนอร์ และ ครอบครัวหมีป่าของ โกลดี ล็อกส์ และนี้คือ เนื้อเรื่องย่อ พุซ อิน บู๊ทส์ ภาค 2 แบบไม่สปอย

Puss in Boots : The Last Wish

ความรู้สึกหลังดู พุซ อิน บู๊ทส์ ภาค 2 เหมาะกับทุกวัยแน่นอน

อย่าแรกเลยความบ้าบิ่นของทีมงาน อย่าง ดรีมเวิร์คส์ ที่เลือกเล่นธีม ที่ดูผู้ใหญ่สุดๆ อย่างอาการผิดปกติของร่างกายคือ อาการกลัวความตาย มาเล่าในภาพยนต์ อนิเมชั่น ของของเด็กๆ แต่ในขณะที่การ์ตูนเรื่องอื่นๆ นั้น ในการตลาดทั่วๆไปนั้น จะเป็นการเอาการผจญภัยไปผสมผสานกับความรักของมิตรสหาย และ ครอบครัว ซึ่งสำหรับเจ้าเหมียวสุดหล่อนั้น ดันมีความตายในการ ดำเนินเรื่องเพื่อเอาชีวิตเป็นเดิมพัน และ ออกเดินทางเผื่อชีวิตตัวเอง

เพื่อเรียนรู้คุณค่าของการมีชีวิตก็ทำให้ผมชมเด็กๆ ที่ดูนั้น ก็จะมีความคิดที่เติบโตตามตัวละครไปอีกแบบ และ ถือว่าสุดยอดมากๆในเลยทีเดียว เพราะผู้ชมแต่ละวัยที่แตกต่างกันออกไปจะได้สารจากอนิเมชั่นเรื่องนี้แบบแตกต่างกันไปอีก

และความรู้สึกที่วัยรุ่นอย่างผมนั้นได้ดู ก็จะรู้สึกว่า การเติบโตจากเด็กจนเริ่มโตเป็นผู้ใหญ่นั้น มันทำให้เกิดความกลัวลึกๆในใจ ที่ทุกๆคนต้องเผชิญหน้ากับมัน และ มีความรู้สึกจริงที่ร่วมด้วย ประเด็นหลักเลยคือ การเห็นเจ้าแมวส้ม พุซ เข้ากระบะทรายแมว และ พยายามปรับตัวเข้ากับเพื่อนๆใหม่ที่ชื่อ เพอร์โร ก็ทำให้ผมวัยรุ่นอย่างผม นี้รู้สึกรีเลท เข้ากับตัวละครได้ง่ายมาก

และถ้าหากภาพยนต์นั้นมีฉากผจญภัยตื่นตาตื่นใจ มากเท่าไร คนดูอย่างเราก็คงจะได้เห็นว่า สิ่งที่น่าจดจำพวกนี้ไม่สามารถพบได้ใน การเล่นโทรศัพท์ หรือ เปิดคอมเพื่อดูไปวันๆ แต่ต้องออกไปใช้เวลากับชีวิตที่มีจำกัดไม่มาก ต่างหากล่ะ

แต่ถ้าหากเป็นผู้ใหญ่ที่อายุ ราวๆ 30 ถึง 40 ปี ก็จะได้สารจากอนิเมชั่นเรื่อง puss in boots 2 เต็มเรื่อง ก็คือ ความสัมพันธ์ และ ความรับผิดชอบต่างๆ เพราะตัวละครพระเอก อย่าง พุซ แมวส้มเอง ก็ปมลึกๆที่ผิดต่อบาปในอดีต ที่เขาต้องการเปลี่ยนตัวเองและรอการที่จะแก้ไขมัน และรวมถึงการได้ไปขอโทษจากใจถึงคนอื่น ที่ตัวเองได้ทำผิดต่อเขาด้วย และที่สำคัญก็คือ การได้เห็นค่าและความสำคัญของตัวเอง

ส่วนอีกส่วนก็คือ ในภาพยนต์เราจะได้เห็น กรณีของครอบครัวเข้าหมี ของโกลดีล็อกส์ นั้นจึงทำให้ตัวบทของ พอล ฟิซเซอร์ ไม่ได้เป็นแค่ภาพยนต์อนิเมชั่นภาคต่อ ธรรมดาๆ ของ พุซ อิน บุท เพียงเท่านั้นแต่เป็นหนังที่ มีการเติบโตขึ้นมาพร้อมๆกันกับ แฟนเชร็ค ที่เชื่อว่าเป็นพ่อแม่หรือมีครอบครัวให้แนะนำให้ชมและได้ข้อคิดกลับไปบ้านอีกด้วย

แต่อนิเมชั่นภาคนี้ ยังมีสิ่งที่ ฟิซเซอร์ดูจะเล่นหนักพอตัวเลยล่ะ ก็คงจะเป็น มุกสุดมืดมน ที่ตัวละคร เพอร์โรที่กล่าวถึงเมื่อข้างต้นว่า ” ทำไมฉันถึงได้มาอยู่ในชุดที่เหมือนกับถุงกระสอบได้ “

และนั้นเป็นเรื่่องน่าหดหู่ แต่เขากับเล่าไปและหัวเราะไปด้วย และเราขอเตือนเอาไว้ตรงนี้ก่อนเลยว่า หากใครที่มีเพื่อนหรือคนที่ท่านรักที่มีความรู้สึกไวกว่าคนอื่น หรือ จิตใจอ่อนไหวง่าย ซึ่งมุกนี้อาจส่งผลอย่างน่าตกใจต่อสภาพจิตใจได้ ซึ่งตอนดูเองต้องยอมรับตรงๆเลยว่า มีความตกใจนิดหน่อยนะ ว่าทำไมผู้กำกับถึงใช้มุกอันมืดมนนี้เข้ามา

Puss in Boots : The Last Wish

ตัวละครหลักในภาพยนต์อนิเมชั่น เรื่อง Puss in Boots ภาค 2 ที่พลาดไม่ได้

เอาล่ะครับ เรามาเริ่มกันที่ ตัวเองอย่าง พุซ กันเลย ต้องบอกว่าเป็นตัวละคร ที่ในภาคนี้จะเล่าอัดแน่นไปที่ความสิ้นหลัง และ ความกลัว ที่เกิดขึ้นเมื่อเขารู้ว่า ชีวิตเขาทั้ง 9 ชีวิตนั้น เหลือเพียงชีวิตสุดท้าย ซึ่งการเดินทางของเขา ใน พุซ อิน บูท ภาค 2 นั้น เขาต้องยอมรับ และ ละทิ้งอีโก้สุดห้าวหารของตัวเองทิ้งไป และ ต้องทำใจเปิดอกสู้ยอมรับความจริงที่จะเกิดขึ้นอย่างมั่นใจ

ต่อมา Kitty Softpaws บทบาทของตัวละครครั้งนี้เหมือนจะพยายามสื่อ ให้เห็นถึงเรื่องการให้อภัย และ ทำใจยอมรับกับ ความเจ็บปวดที่ผ่านมา ซึ่งเธอนั้นจะให้ข้อคิดดีๆกับเรา ว่า “เรื่องบางเรื่องที่มันผ่านไปแล้วนั้น ตัวเราก็ต้องยอมรับและ ปล่อยความรู้สึกแย่ๆที่ผิดบาปให้กับคนๆนั้นได้เหมือนกัน โดยไม่ต้องไปคิดให้มันหนักสมอง”

มาเจ้าสุนัขจรจัด Perrito เป็นตัวละครหน้าใหม่ ที่ภาคแรกไม่มีให้เห็นกันในภาคนี้นั้นเขาได้เป็นสุนัขไม่มีเจ้าของที่หลงทางมาเจอกับเจ้าแมวส้มอย่าง พุซ โดยที่เรื่องราวของตอนพบกันครั้งแรกนั้น มันเป็นตัวละคร เอ๋อๆบ้าๆบอ เหมือนกับเป็นตัวแทน ด๊องกี้ เจ้าลาที่ชอบพูดมาใน เซริค แต่กลายเป็นว่าตัวละครบ๊องๆตัวนี้ ดันได้ใจผู้ชมหลายๆคนอย่างที่ไม่น่าเชื่อกันเลยทีเดียว และที่สำคัญเป็นตัวมันเองอีกต่างหากที่ ที่เป็นตัวชี้นำทางที่ถูกต้องให้ พุซ ได้เข้าใจ ว่าคุณค่าความสำคัญของ ชีวิตที่แท้จริงนั้น เป็นอย่างไร

และถ้าถามว่าตัวหลักๆมีแค่นี้หรอ ?

บอกไว้ก่อนเลยว่า ไม่ใช่ครับ เพราะว่านอกจากตัวละครสำคัญๆ3ตัวที่กล่าวมาแล้วนั้น ดันมีตัวละครเสริมสำคัญ อย่าง โกลดี ล็อกส์ ที่ไม่ได้ออกโรงมาเพียงเพื่อเป็นตัวประกอบเท่านั้น เพราะว่าครอบครัวของเจ้า ล็อกส์ ที่มีหมี 3 ตัว กับเด็กผู้หญิงผมสีทองก็มีส่วนสำคัญในเรื่อง ที่เล่าถึงครอบครัวของเขาเอาไว้แบบ แนบเนียน ด้วย และ ส่วนตัวเจ้าหมาป่าที่ได้รับบทสำคัญเป็น ยมบาล ผู้ที่คอยไล่ตามเพื่อรอเก็บชีวิตของพุซ ที่ 9 ซึ่งเป็นชีวิตสุดท้ายของ พุซ พระเอกแมวส้ม ตัวนี้ ซึ่งหมาป่าก็ยังเอาได้ใจผู้ชมไปส่วนนึงเช่นกัน

แต่ตัวที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ ตัวร้าย เพราะว่ามีตัวเอก ก็ต้องมีตัวร้ายใช่มั้ยล่ะ ถ้าพูดถึงตัวร้ายก็ต้องเป็น แจ็ก ฮอล์เนอร์ ที่เราก็คิดว่าอาจจะได้ใจคนดูไม่ไปเท่าไร เพราะอะไรไปดูเอา แต่ต้องยอมรับว่า เรื่องชีวิตของตัวละครนั้นก็มีความสะท้อนถึงปมอย่างลับๆ ว่าหากเราใช้ชีวิตที่เอาแต่ยึดติดอยู่กับเรื่องเดิมๆในอดีต เราก็จะอาจจะเป็นคนที่มีปมแบบ แจ็ก ฮอล์เนอร์ ที่เป็นตัวละครที่เห็นแก่ตัวและไม่เคยคิดถึงหัวอกคนอื่น หรือ อาจจะเป็นคนเหมือน พุซ ก็ได้ที่ เป็นตัวละครที่มักจะหนีปัญหา และใช้ชีวิตไม่มีจุดหมายและสิ้นหวัง เพียงแค่ กลัวที่จะต้องยอมรับความจริงที่จะเกิดขึ้น ถ้าอยากรู้ว่าเป็นอย่างไรนั้นอย่าพลาดในการ puss in boots 2 พากย์ไทย กันนะครับ

Puss in Boots : The Last Wish

puss in boots รายได้ ทะลุ 130 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

puss in boots รายได้ เท่าไร ?หลังจากที่ผ่านสุดสัปดาห์ของปี 2022 ได้แค่ 3 วันเท่านั้นภาพยนตร์Animation เรื่องที่ 2 ที่นำแสดงโดยแมวส้มนักดาบที่เด็กๆหลงใหล จาก Series ชื่อดังอย่าง Shrek สำหรับ พุซ อิน บู๊ท 2 ของค่ายสตูดิโอ ดรีมเวริค ปัจจุบันทำรายได้ทะลุ 130 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยที่สามารถสร้างรายได้รวมสะสมทั้งหมด 129.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตั้งแต่ที่เปิดตัวเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2022 แล้ว

โดยที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เปิดตัวในพื้นที่แห่งใหม่ถึง 18 แห่งซึ่งรวมทั้งในประเทศออสเตรเลียอีกด้วยและอีกทั้งยังมีการเข้าฉายในอีก 72 ภูมิภาค โดยที่รายได้ในต่างประเทศอยู่ที่ 22.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ของในช่วงสุดสัปดาห์ที่ 2 เห็นได้ชัดว่าเพิ่มขึ้นไปถึง 15 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียวจากช่วงคริสต์มาสที่ผ่านมาและรายได้รวมทั่วโลกอยู่ที่ 68.8 ล้านเหรียญ โดยยังไม่มีการรวมถึงการที่เข้าฉายในเอเชียของประเทศจีน นั่นจึงทำให้ภาพยนตร์ Animation อย่าง พุซ อิน บูท ภาค 2 ได้ไล่ตาม Sing 2021 จากค่าย Studio Illumination  ติดๆ

ส่วนรายได้ในประเทศ ได้ติดอันดับ 2 ของ Box Official โดยยังคงตามหลังภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อย่าง Avatar The way Of Water 2022 ที่รายได้ในประเทศเพิ่มขึ้นถึง 31% อยู่ที่ประมาณ 60.7 ล้านเหรียญสหรัฐ เลยทีเดียว

จุดเด่นของ Puss in Boots : The Last Wish 2022 ที่ทำให้เราประทับใจสุดๆ

ต่อมาเราจะมาพูดถึงจุดเด่นของอนิเมชั่นเรื่อง พุซ อิน บู๊ทส์ ภาค 2 กัน ด้วยความยาวของภาพยนตร์ที่มีความยาวถึง 101 นาที ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นการโชว์ไปที่ความสวยงามและ ลายเส้นของตัวละครอนิเมชั่น แบบ 2D และ 3D ซึ่งต้องขอชมเชยเลยว่าทำออกมาได้ดีสุดๆ รวมถึงฉากแอ็คชั่นที่ดูตื่นเต้นเร้าใจ ไปกับสีสันของตัวละครและฉาก แล้วบทบาทของตัวละครยังเป็น การที่ผสมผสานระหว่างเสียงดนตรีและ และอารมณ์ของตัวละครได้อย่างเพอร์เฟค

ซึ่งใครที่เคยดู สไปเดอร์แมน Into the Spider Vers แล้วรู้สึกว่าชื่นชอบ ต้องขอกล่าวไว้ตรงนี้เลยว่าไม่ควรพลาดด้วย เพราะสำหรับพล็อตเรื่องที่ ไม่ซับซ้อนและมีความตรงไปตรงมา ไม่มีอะไรแอบแฝง ที่ทำให้เข้าใจยาก

โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการดำเนินเรื่องแบบเข้าใจง่ายเพื่อให้ เด็กและครอบครัวได้ดูและเข้าใจ และที่สำคัญเลยพวกสัตว์ต่างๆในภาพยนตร์ ทั้งหมาแมวเห็นฉากที่ทำหน้าตาน่ารักๆตาโตๆ ทำเอาเราอยากจะเข้าไปขยุ้มพุงกันเลยทีเดียว

และอีกสิ่งหนึ่งที่อยากจะชื่นชมมากที่สุด และ จะปล่อยผ่านไม่ได้เลย ก็คือการพากย์เสียงของ Antonio banderas ที่เป็นตัวสำคัญของเรื่อง บอกเลยว่าการภาคแบบว่าดุดันไม่เกรงใจใคร ทั้งแอ๊บแบ๊วสนุกสนาน เฮฮา และฉากที่อ่อนๆก็ทำได้ดีสุดๆ

พุท อิน บูด ภาค 2

จุดอ่อน ของ จุดเด่นของ Puss in Boots 2 และ ประเด็นรองที่น่าสนใจ

  • จุดอ่อนของภาพยนต์เรื่อง puss in boots the last wish พากย์ไทย

แน่นอนว่าถ้ามีข้อดีก็ต้องมีข้อเสียกันบ้าง สำหรับจุดอ่อนของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือ ด้วยการที่ผู้สร้างนั้นต้องการให้มีบทของตัวละครในเรื่องเยอะๆ ในช่วงท้ายๆ ก็ดันเป็นว่าตัวละครนั้นดันมาแย่งซีนกันเอง ทุกตัวละครจะโผล่มาได้ในฉากเพื่อต่อสู้ยังดุเดือดและดุดัน แต่พอมาถึงจังหวะช่วงซีนสำคัญนั้น ก็คือจุดไคลแม็กซ์นั่นแหละ กลับเป็นว่า ฝืดกันไปแบบงงๆ

  • ประเด็นรองที่พลาดไม่ได้

ต่อมาเราจะมาพูดถึงประเด็นรองของเรื่อง ที่มีความน่าสนใจมากๆ ก็คือ เรื่องราวในชีวิตของเจ้าหมาจรจัดชิวาวา ที่ชื่อ perito แนะรวมไปถึง แมวสาวที่เป็นถ่านไฟเก่าของ พุซ ที่เข้ามาเติมเต็มช่องว่างของหนังให้มีชีวิตชีวามากขึ้นไปอีก

โดยที่ perito ช่วยเปลี่ยนความคิดของพระเอกของเรา ที่เคยด้านชาและห้าวหาญ ให้เป็นแมวที่มีความคิดอ่อนโยนมากขึ้น และความสำคัญก็คือการมองโลกในแง่ดีของเฟอร์นิโต้นั่นแหละ มันได้ช่วยให้เจ้าแมวส้มของเรานั้นปฏิบัติภารกิจได้สำเร็จลุล่วงได้ง่ายมากขึ้น

แล้วประเด็นต่อมาก็คือความคิดสร้างสรรค์แบบใหม่ และการดำเนินเรื่อง รวมถึงงานภาพต่างๆ ก็ดูว่าจะแปลกหูแปลกตามากกว่าเดิม รวมถึงมุมกล้องที่ใช้เทคนิคการสร้าง คล้ายๆกับ เรื่องสไปเดอร์แมน Into The Spider verse 2018 ซึ่งตัวละครนั้นจะอยู่ในลักษณะของอนิเมชั่น 3D แต่ว่าพื้นหลังนั้นจะผสมผสานความลงตัวสไตล์แบบ 2d ซึ่งมันก็ดูเจ๋งไปอีกแบบ

พุซ อิน บรู๊สท์ 2

สรุปบทความรีวิว และ วิจารณ์ภาพยนต์แอนิเมชัน พุซ อิน บู๊ทส์ ภาค 2

และบทความรีวิวทั้งหมดนี้ เป็นเพียงแค่เนื้อเรื่องบางส่วนและความคิดเห็นบางส่วนโดยส่วนตัวของผมเอง หลังจากที่ดู พุซ อิน บู๊ทส์ ภาค 2 เพียงเท่านี้คงไม่เรียกว่าการสปอยใช่ไหมครับ เพราะทั้งเนื้อเรื่อง นั้นมีความยาวถึง 101 นาทีเลยทีเดียว

ในเรื่องยังมีรายละเอียดอีกเยอะแยะมากมายที่ให้เราได้ตามไปค้นหา และเอามาคิดใส่สมอง จนเยอะแยะไม่หวาดไม่ไหว จนทำให้เราอยากจะซื้อตั๋วเพื่อมาดูซ้ำอีกรอบเลย ถ้าเอาจริงๆก็อาจจะมัวแต่ไปนั่งขำกับมุกฮาๆในเรื่องที่ใส่มาแบบไม่หยุดยั้ง และอินไปกับภาพที่สวยๆ รวมถึงดวงตาลกลมโตสุดน่ารักของแมวส้มพระเอกของเรา และสุดท้ายนี้ใครที่ดูแล้วสามารถมาแชร์ความคิดเห็นกับผมได้เลยนะครับ รับรองว่าสนุกแน่นอนแล้วพบกันใหม่ที่บทความรีวิวการ์ตูนอนิเมชั่น ในชุดหน้า

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *