รีวิว jumanji : the next level

เป็นภาพยนตร์แนวตลกผจญภัย กำกับโดย เจค แคสแดน ผู้กำกับคนเดิมจากภาคก่อนอย่าง Jumanji : Welcome To Jungle และ ภาพยนตร์สุดเซ็กซี่อย่าง Sex Tape และ Bad Teacher มาพร้อมด้วยทีมนักแสดงเก่าและใหม่อย่างคับคั่ง ไม่ว่าจะเป็น ดเวย์น จอห์นสัน, คาเรน กิลแลน, เควิน ฮาร์ต, แจ็ก แบล็ก, แดนนี ดิวิโต้, นิก โจนาส

และ อควาฟิน่า มาร่วมผจญภัยในเกมมหัศจรรย์ที่รอบนี้ไม่ใช่ป่าดงดิบแบบที่เราเคยเข้าใจเมื่อปี 2017 เพราะรอบนี้เกมได้เปลี่ยนไปแล้ว เมื่อผู้เล่นกลุ่มเก่ารู้เรื่องเกมมากเกินไป และนั่นนำมาสู่การผจญภัยครั้งใหม่ ที่นอกเหนือจากต้องเอาชีวิตรอดจากเกมแล้ว ยังต้องเอาตัวรอดจากปัญหาในชีวิตจริงอีกด้วย  รีวิวหนังฝรั่ง

Jumanji ถือเป็นเฟรนไชน์ของสิ่งบันเทิงที่มีชื่อเสียงพอสมควรในอเมริกา เพราะด้วยความที่ภาพยนตร์ภาคต้นฉบับที่นำแสดงโดย นักแสดงที่ล่วงลับไปแล้วอย่าง โรบิน วิลเลี่ยม ในปี 1995 ได้เนรมิตเรื่องราวมหัศจรรย์ จากหนังสือเด็กชื่อเดียวกันของ คริส ฟาน แอลสเบิร์ก ทำให้เกิดอนิเมชั่นซีรีส์ และภาพยนตร์ลำดับต่อมาอย่าง Zathura ในปี 2015

ที่ได้เปลี่ยนจากเกมกระดานตะลุยป่า เป็นตะลุยอวกาศ แต่กระแสตอบรับทางรายได้ก็ไม่ดีจนต้องพับโปรเจกต์ภาคต่อ จนกระทั่งในปี 2017 มีการปลุกโปรเจกต์นี้กลับมาปรับให้เข้ากับสมัยใหม่ ทำให้หนังทำรายได้ไปกว่า 1000 ล้านเหรียญ และในปี 2019 Jumanji: The Next Level เกมดูดโลก ตะลุยด่านมหัศจรรย์ ความมหัศจรรย์จะยังคงมีมนต์ขลังเหมือนครั้งก่อนหรือไม่ มาอ่านเรื่องย่อกันก่อนเลยครับ   ดูหนังออนไลน์

รีวิว jumanji : the next level

“3 ปีหลังจากเหตุการณ์ตะลุยป่ามหัศจรรย์ ชีวิตของเหล่าวัยรุ่นแห่งเมืองเบรทฟอร์ด ได้แยกย้ายไปใช้ชีวิตของตัวเอง แต่ยังคงติดต่อกันอยู่เสมอ ยกเว้น สเปนเซอร์ หัวหน้ากลุ่มที่ชีวิตเขาดูจะย่ำแย่ไปทุก ๆ ด้าน และเกมจูแมนจี เกมสำหรับคนที่อยากหนีจากโลกความจริงจึงมาพาเขากลับเข้าไปอีกครั้ง เดือดร้อนถึงผองเพื่อนที่รู้เรื่องและตามไปช่วย

แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนเดิม เมื่อญาติผู้ใหญ่สองเพื่อนรักของสเปนเซอร์ดันโดนดูดเข้ามาในเกมด้วย มิหนำซ้ำ เหมือนเกมจะรู้ทันพวกเขามากกว่าที่คิด พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคใหม่มากมาย เพื่อช่วยให้สเปนเซอร์ค้นพบความหมายในตัวเองอีกครั้ง”  jumanji สปอย

อีกหนึ่งหนังที่ต้องฉวยโอกาสน้ำขึ้นให้รีบตักของจริง เพราะผู้สร้างเองก็ไม่น่าจะคาดคิดว่าหนัง Jumanji: Welcome to the Jungle (2017) ที่สานต่อจากหนังแฟนตาซีปี 1995 Jumanji จะสามารถฮิตได้ระเบิดระเบ้อเพียงนี้ รายได้ทั่วโลก 962 ล้านเหรียญ อีกนิดเดียวจะแตะพันล้านเหรียญแล้วเชียว หนังภาคต่อก็เลยถูกเข็นตามหลังออกมาภายใน

2 ปี หนังเพิ่งเปิดกล้องเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้เอ๊ง แล้วก็ปิดกล้องเมื่อพฤษภาคม จากนั้นก็เข้าสู่ขั้นตอนหลังการถ่ายทำแบบเร่งด่วนเพื่อให้ทันออกฉายธันวาคมนี้ บ้านเราฉายชนกับ Star Wars : Rise of the Jedi แต่ที่อเมริกาได้ฉายก่อนสัปดาห์นึง ก่อนที่สตาร์วอร์สจะมาแชร์โรงฉาย  ดูหนัง

การดำเนินเรื่อง 

ภาคนี้ได้ทีมงานเดิมกลับมากันพร้อมหน้าทั้งหน้ากล้องและหลังกล้อง มีเพิ่มเติมหน่อยก็ที่ เจค คาสดาน ผู้กำกับลงไปร่วมเขียนบทเองด้วยในภาคนี้ ทีมงานน่าจะสนุกกับการเลือกหยิบจุดเด่นที่คนดูชอบจากภาคแรกมาใส่ในภาคนี้ได้ครบถ้วน ทั้งเรื่องความสามารถพิเศษ และจุดอ่อนของแต่ละคาแรกเตอร์ในเกม และมีการอ้างอิงถึงเหตุการณ์เด่น ๆ

ในภาคก่อนอยู่บ่อยครั้ง บางมุกก็อิงจากเหตุการณ์ในภาคที่แล้วอีกด้วย ถ้าใครไม่เคยดูภาคที่แล้วความสนุกจะหายไปเยอะเชียวล่ะ และอีกหลาย ๆ สีสันที่เพิ่มเติมเข้ามาในภาคนี้ ทั้งตัวละครใหม่ ๆ ฉากใหม่ ๆ ที่ภาคนี้ไม่อยู่ในป่าแล้ว แต่พาไปตะลุยทะเลทราย และพาไปปีนภูเขาหิมะ ทำให้หนังต้องเพิ่มงบประมาณมาใช้ในงานซีจีอีกมาก

โดยเฉพาะฉากฝูงลิงโจมตี และฉากนกกระจอกเทศวิ่งไล่ ซึ่งทั้งสองฉากเป็นฉากที่สนุกตื่นเต้นของภาคนี้เลยล่ะ ทำให้งบประมาณของภาคนี้โดดไปเป็น 125 ล้านเหรียญ ภาคที่แล้ว 90 ล้านเหรียญ  ดูหนังออนไลน์

สองรายหลักที่ถูกเพิ่มเข้ามาแล้วถูกใช้เป็นองค์ประกอบหลักในภาคนี้คือ แดนนี เดอวิโต และ แดนนี โกลเวอร์ สองนักแสดงอาวุโสจากยุค 80s หลาย ๆ คนน่าจะจำแดนนี เดอวิโต ได้จากบท เพนกวิน ตัวร้ายจากหนังแบทแมน Batman Returns ปี 1992 และได้ประกบคู่กับ อาร์โนลด์ ชวาร์เซเนกเกอร์ ใน Twins หนังคอมมีดี้ปี 1988 ,

ส่วน แดนนี โกลเวอร์ ก็มีบทบาทจดจำคือ จ่าเมอร์ทัฟ จากแฟรนไชส์ Lethal Weapon ที่ได้ประกบคู่กับ เมล กิ๊บสัน ทั้งสองรายมาในสภาพคุณตาสูงวัยที่เดินกระย่องกระแย่ง ทั้งคู่ได้เปิดตัวในช่วงต้นเรื่องแพร้บนึง แดนนี เดอวิโต มาในบท เอ็ดดี้ คุณตาของสเปนเซอร์ ตัวเอกจากภาคก่อน ส่วน แดนนี โกลเวอร์ มาในบท ไมโล

เพื่อนเก่าแก่ของเอ็ดดี้ ที่มีเรื่องราวหมางใจกันในอดีต ทั้งคู่บังเอิญโดนดูดไปร่วมผจญภัยในเกม Jumanji รอบใหม่นี้ ซึ่งระหว่างที่หนังเดินหน้าไปก็ค่อย ๆ เผยเหตุหมางใจของเพื่อนเก่าเพื่อนแก่คู่นี้    jumanji สปอยหนัง

รีวิว jumanji : the next level

พล็อตเรื่อง

การที่ได้สองรุ่นใหญ่นี้มาเป็นแม่แบบก็นับว่าเป็นสีสันใหม่ของภาคนี้ เพราะเราได้เห็น ดเวย์น จอห์นสัน ที่ต้องเลียนแบบบุคลิกของ แดนนี เดอวิโต ซึ่งก็เห็นได้ชัดว่าดเวย์นดูพยายามดี แต่ที่ฮากว่า เควิน ฮาร์ต ที่ต้องเลียนแบบบุคลิกของ แดนนี โกลเวอร์ ที่พลิกบทบาทจากรายที่พูดมากเสียงแหลม ๆ มาเป็นคนพูดช้า ๆ เนิบ ๆ แล้วพอนำไปใช้ในฉากคับขันที่ทุกคนต้องคอยฟังไมโลค่อย ๆ เอ่ยแต่ละคำก็ชวนลุ้นและฮาดี ดูหนังฟรี

อควาฟินา เป็นคาแรกเตอร์ใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้าในภาคนี้ในบท “หมิง ตีนแมว” ที่เธอต้องเจอโจทย์ยากด้วยการแสดงเลียนหลาย ๆ คาแรกเตอร์ต้นแบบ เพราะอีกสีสันหนึ่งที่เติมเข้ามาในภาคนี้ คือคาแรกเตอร์ในเกมสามารถสับเปลี่ยนตัวตนกันได้ บรรดานักแสดงแต่ละคนก็เลยต้องเปลี่ยนบุคลิกกันสนุกสนาน แล้วก็เพิ่มช่องให้สอดแทรกมุกฮาได้มากขึ้น

รายใหม่ในภาคนี้ที่หลายคนคุ้นหน้ากันดีก็คือ รอรี แม็กเคน ที่รู้จักกันดีในบท เดอะ ฮาวนด์ จาก Game Of Thrones ก็ถูกใส่เข้ามาในบท “ไอ้เคราโหด” ตัวร้ายของภาคนี้ แต่ Jumanji คือหนังแฟนตาซี-คอมมีดี้ นี่นะ บรรดาตัวร้ายในหนังก็เลยไม่อยู่ในสถานะที่น่ากังวลกับเหล่าฝ่ายดีเท่าใดนัก ลดสถานะมาเป็นตัวประกอบที่ทำให้เรื่องราวเดินหน้า

ไปได้แค่นั้น แต่อารมณ์ในภาคนี้ที่ผิดแผกไปอย่างเห็นได้ชัด คือสัดส่วนด้านดราม่าของหนังที่กินพื้นที่ในเรื่องราวพอควร ทั้งดราม่าระหว่างเพื่อนรักรุ่นดึก เอ็ดดี้กับไมโล ที่ทำได้ซึ้งเล็กน้อย เพราะเป็นการเปิดใจกันผ่านภาพลักษณ์ของคาแรกเตอร์ในเกม ที่้ต้องพึ่งจินตนาการของผู้ชมพอควร และดราม่าระหว่างรุ่นเยาว์ของ สเปนเซอร์และมาร์ธา ที่เป็นฉากเดียวในหนังที่ชวนตะขิดตะขวงใจ ทำมั้ยต้องมาเคลียร์ปัญหาใจกันระหว่างที่ไต่หน้าผาอยู่ด้วยนะ   jumanji เรื่องย่อ

รีวิว jumanji : the next level

รีวิว jumanji : the next level บทสรุป

Jumanji: The Next Level เป็นเหมือนการต่อยอดสิ่งที่ภาคก่อนไม่ได้ทำ อย่าง ประเด็นของชีวิตจริง ๆ นอกโรงเรียน ที่เราอาจจะเคยคิดว่าเราเคยเป็นคนที่เก่งที่สุด เคยเป็นคนที่ดีที่สุด แต่สุดท้ายเมื่อเราข้ามไปอีกสังคมนึง เราจะพบว่า เราเองก็เป็นคนที่ยังดีไม่พอสำหรับสังคมนั้น และอาจทำให้เราอยากจะกลายเป็นแบบคนอื่น ทั้ง ๆ ที่จริงแล้ว

เราก็มีดีของเราโดยไม่ต้องพยายาม แค่ยอมรับมัน หรือแม้แต่การเปิดอกคุยกันกับคนที่เราเชื่อมั่นและไว้ใจ อาจจะต้องมีกระทบกระทั่งกันบ้าง แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เราเข้าใจกันมากขึ้น ซึ่งถือเป็นดราม่าที่เรียกน้ำตาจริงจังกว่าภาคก่อนและมันก็ช่วยทำให้หนังมีความพิเศษในระดับหนึ่ง

สรุป จุดขายจากภาคก่อนหน้ามาครบ เพิ่มเติมสีสันใหม่ ๆ อีกมาก ดูได้เพลิดเพลินตลอด 2 ชั่วโมง ได้ทั้งลุ้นและเสียงหัวเราะ และได้ดูภาพซีจีอลังการ ฉากหนีฝูงลิงบนสะพานแขวนเป็นฉากที่สนุกสุดแล้วในภาคนี้ แต่ถ้าชั่งน้ำหนักรวมแล้วความฮาน้อยกว่าภาคแรก แต่ใครที่ได้ดูภาคก่อนแล้ว ภาคนี้ก็ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง หนังมีฉากหลังเครดิตจบแบบไม่ต้องนั่งรอนะครับ เป็นเหตุการณ์ที่เชื่อมโยงไปภาคต่อไป   jumanji บทสรุป

หนังใช้เกมเป็นเหมือนตัวเชื่อมกับเหล่าตัวละครให้มีการเรียนรู้เพิ่มขึ้น โดยการใส่เงื่อนไขใหม่ ๆ รูปแบบสถานที่ บริบทใหม่ ๆ ที่ไม่เหมือนเดิม โดยยังมีมุกตลกถกเถียงกันผ่านตัวละครเหมือนภาคก่อนเช่นเคย แต่เอาเข้าจริง ๆ ถ้าเปรียบเทียบภาพยนตร์ภาคนี้เป็นภาคต่อเกม ก็คงบอกว่ามันเป็นเหมือนส่วนขยายของเกมมากกว่า

เพราะทุกอย่างอยู่ในธีมเดียวเช่นเดียวกับภาคก่อน โดยเฉพาะการเดินเรื่องที่ยังคงยึดแบบภาคเก่า คือตะลุยไปเรื่อย ๆ เจออีเวนท์ใหญ่ พักบ้าง อะไรบ้าง เจอบอส เลยไม่ได้รู้สึกถึงความแปลกใหม่เท่าไหร่ อาจจะมีอะไรเพิ่มเข้ามาบ้างให้ตื่นเต้น แต่ก็นั่นแหล่ะที่ทำให้รู้สึกเฉย ๆ ไปบ้าง เพราะฉากแอ็คชั่นหรือผจญภัยในเรื่องก็ตามมาตรฐาน แต่เพลงประกอบยังรักษาความอลังการไว้อย่างดีเยี่ยม

รีวิว jumanji : the next level

โดยรวมหนัง

Jumanji: The Next Level ขนมาเกือบทั่วฟ้าเลยกับนักแสดงที่ออกมาโลดแล่นในเรื่อง และแต่ละคนก็เรียกได้ว่ามีของเจ๋ง ๆ มาโชว์ตลอด แต่เพราะหนังจงใจให้ตัวละครไม่ได้เป็นไปตามลักษณะของนักแสดง เราจะได้เห็นนักแสดงในเรื่องทำอะไรที่ไม่เคยเห็นแน่นอน และมันก็ได้ผลด้วย เพราะมันตลกจริง ๆ ทำให้เห็นมุมมองใหม่ ๆ

ในเรื่องควบคู่ไปด้วย ทั้งท่าทางการพูด การกระทำ ซึ่งเป็นรายละเอียดที่ชูโรงของภาคนี้เลย อยากให้ติดตามดูให้ดี โดยเฉพาะแจ็ค แบล็ค กับผลงานภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายในชีวิตของเขา หลังประกาศอำลาวงการภาพยนตร์ ที่จัดเต็มจัดหนักจริง ๆ ในขณะที่นักแสดงคนอื่นก็ทำหน้าที่ได้ดี ยิ่ง อควาฟิน่า คือขโมยซีนของเรื่อง

จนอยากดูเรื่อง Farewell หนังรางวัลแห่งปีที่เธอแสดงเลย ถ้าโรงฉายมันมีให้นะ

ติดตามรีวิวหนังเรื่องอื่นๆได้ที่ หนังฝรั่ง netflix

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *