รีวิว The Lego Movie 2
เมื่อเอเลี่ยนบุกจับตัว ไวล์ดสไตล์ (เอลิซาเบธ แบงส์) และผองเพื่อน เอ็มเม็ต (คริส แพร็ต) จำต้องเลิกแบ๊วแล้วใส่มาดเข้มออกเดินทางข้ามอวกาศเพื่อไปต่อกรกับ ควีนวอตเอฟว่าวอนนาบี (ทิฟฟานี แฮดดิช) ที่จับเพื่อนเอ็มเมตมาล้างสมอง แถมยังบังคับให้ แบตแมน (วิล อาร์เน็ต) แต่งงานกับเธอบังหน้าเพื่อหวังทำลายโลก และในขณะที่เอ็มเมต หมดสิ้นหนทางก็ได้พบกับ เร็กซ์ แดนเจอเวสต์ (คริส แพร็ต) ผู้มีอดีตดำมืดที่ยื่นมือมาช่วยเหลือ งานนี้เอ็มเม็ต จะช่วยเพื่อนของพวกเขาได้หรือไม่ ต้องติดตาม
สำหรับภาคต่อนี้ ฟิลลอร์ดและคริส มิลเลอร์ สองผู้กำกับภาคแรกขยับมาเขียนบทแล้วส่งต่องานกำกับให้ ไมค์ มิตเชล โดยนอกจากการขนคาแรคเตอร์อันจากหนังหลายแฟรนไชส์ดังๆมาปรากฎตัวเรียกเสียงฮาแล้ว สิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือหนังภาคนี้ถูกคิดบทมารัดกุมขึ้น
มีดราม่าครอบครัวที่ดูจับต้องได้มากขึ้นแต่ยังไม่ทิ้งมุกจิกกัดที่ดูจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว โดยไฮไลต์สำคัญของภาคนี้คือการที่มันถูกแปลงให้มีความเป็นมิวสิคัลมากขึ้น เพลงแต่ละเพลงนอกจากเล่าเรื่องแล้ว ยังอุตส่าห์แต่งเนื้อเพลงมาล้อเลียนหนังซูเปอร์ฮีโร่ หรือจิกกัดชีวิตตัวละครได้อย่างมีสีสัน
ที่สำคัญเพลงยังเล่นสนุกกับคนดูตั้งแต่ต้นยังท้ายเครดิต (คือมีแม้กระทั่งเพลงที่แต่งเพื่อเอนด์เครดิตโดยเฉพาะอ่ะ คิดดูว์) แบบที่ใครฟังเพลงในหนังแล้วไม่หลอนติดหัวนี่คงเป็นคนใจแข็งมาก แถมยังตื๊ดซะจนอยากเปิดผับในโรงหนังให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
สำหรับมุกในหนังนี่ก็แบ่งได้หลายประเภท ตั้งแต่มุกจิกกัดซูเปอร์ฮีโร่ที่นอกจากจะแซวแบตแมนเป็นเพลงได้ฮาและเจ็บแสบมากแล้ว ยังมีมุกที่กัดตัวสตูดิโอตัวเองอย่างหนังฮีโร่ของดีซีที่ดูจะยังเป็นรองมาร์เวลอยู่หลายช่วงตัว หรือจะเป็นความล้มเหลวของหนังจักรวาลดีซีอย่างจัสติสลีคก็เล่นแบบไม่เกรงใจวอร์เนอร์กันเลยทีเดียว
แสดงให้เห็นถึงความสร้างสรรค์อันไร้ขอบเขตแถมยังอยู่ในเรตที่เด็กยังดูได้ด้วยนะ เพียงแต่มุกซูเปอร์ฮีโร่ดูจะเหมาะกับวัยรุ่นตอนปลายถึงผู้ใหญ่ที่เข้าโรงหนังในช่วง 15 ปีที่ผ่านมามากกว่าเด็กเล็กๆนะครับ
อีกอันที่ประทับใจคงเป็นมุกเช็คอายุคอหนัง เพราะขุดมาทั้ง ดาย ฮาร์ด ที่อุตส่าห์มี บรูซ วิลลิส ฉบับเลโก้ ด้วย นอกจากนี้ยังอ้างอิงหนังดังๆตั้งแต่ Back to the future, The Matrix และอีกมากมาย โดยที่มุกเหล่านี้ก็ยังไปตอบโจทย์ของหนังว่าด้วยการเติบโตได้อย่างช่างคิดอีกด้วยนอกนั้นก็เป็นมุกแซวคนบันเทิงประปรายที่ถ้าใครไม่รู้จักก็อาจไม่เก็ต
ได้เหมือนกัน จนมุกส่วนใหญ่ของหนังดูจะเหมาะกับคนที่ผ่านหนังและเพลงยุค 90 มาแบบหนักหน่วง เสพย์สื่อบันเทิงทั้งหนังทั้งเพลงหนักๆเลยถึงจะเข้าใจมุกในหนังที่เล่นกัน 5 บาท 10 บาทแทบทุกนาที
อีกส่วนประกอบความสนุกคือบรรดานักแสดงที่มาให้แสดง นอกจากคริส แพร็ต ที่พากย์ 2 ตัวละครและบรรดาหน้าเก่าเสียงเก่าที่ยังพากย์ได้สนุกเหมือนเดิมแล้ว หนังยังเพิ่ม ทิฟฟานี แฮดดิช ตลกสาวที่มาให้เสียงราชินีวอตเอฟว่าวอนนาบี แถมร้องเพลงได้ไพเราะอีกด้วย
จนหนังออกมาครบเครื่องความสนุกสุดๆไปเลย ซึ่งการที่หนังเพิ่มคาแรกเตอร์มากขึ้นก็ทำให้มีนักแสดงรับเชิญมาพากย์เสียงให้ความบันเทิงมากขึ้นอีกเป็นเท่าตัวอีกด้วย
โดยรวมผมยังคิดว่าหนังเรื่องนี้ทำออกมาได้สนุก และมีชั้นเชิงในหลายๆฉาก ฉากที่เป็น Musical เพลงก็ทำออกมาได้ดีและกวนใช้ได้เลย ถ้าดูภาพรวม ผมจำได้ว่าผมชอบภาคแรกมากกว่านี้ แต่ถ้านับเรื่องความกวน กับประเด็นภาคต่อ ผมมองว่าภาคนี้ทำได้ดีกว่า มันเลยแอบเทียบกันยากอยู่เหมือนกัน เอาเป็นว่าใครชอบภาคแรก ก็แนะนำให้ตีตั๋วไปดูภาคนี้ครับ น่าจะโดนไม่แพ้กัน
รีวิว The Lego Movie 2
เพราะความเป็นเด็กหลับใหลอยู่ในตัวคุณ ทุกคน THE LEGO MOVIE เป็นหนังที่เล่าเรื่องราวให้เราได้หวนคิดถึงยุคสมัยที่เราเติบโตขึ้นมากับของเล่นชิ้นเล็กๆที่ช่วยเสริมสร้างจินตนาการของผู้เล่นได้เป็นอย่างดี ตัวต่อหลากสีนี้ทำให้เราออกแบบสถาปัตยกรรมบ้านและตึกอันหลากหลาย ช่วยพัฒนาความคิดให้เด็กๆอยากจะออกแบบสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอๆ
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตัวต่อเลโก้ถูกดัดแปลงให้เป็นภาพเคลื่อนไหวซึ่งมันถูกเรียกว่าเป็น Brickfilm โดยนำของเล่นต่างๆนำมาทำเป็นภาพแบบ Stop Motion เพื่อทำให้เกิดการเคลื่อนไหว เกิดขึ้นครั้งแรกในปี 1973 และถูกพัฒนาต่อเนื่องมาเรื่อยๆจนกระทั่งกลายเป็นหนังขนาดยาวที่ถูกส่งตรงลงดีวีดีเพื่อเป็นการ์ตูนฉบับครอบครัว แต่ก็ไม่เคยมีครั้งไหนยิ่งใหญ่ที่สุดเท่ากับการขึ้นจอใหญ่ของ THE LEGO MOVIE
THE LEGO MOVIE เล่าเรื่องราวของ เอ็มแมต (คริส แพตต์) ช่างก่อสร้างเลโก้ที่มีวิถีชีวิตอันแสนธรรมดา เขาตื่นเช้าขึ้นมาทุกวันทำกิจวัตรซ้ำซากไปเรื่อยๆ จนกระทั่งอยู่มาวันหนึ่ง เขาก็ถูกเข้าใจผิดว่า เป็นบุคคลสำคัญในการที่จะช่วยกอบกู้โลกจากวายร้ายอย่าง
ลอร์ดบิสสิเนส(วิลล์ เฟอร์เรลล์) ทำให้เอ็มแมตต้องร่วมผจญภัยไปกับ ไวด์สไตล์(อลิซาเบธ แบงค์) ฮีโร่สาวสุดเท่, วิทรูเวียส(มอร์แกน ฟรีแมน) พ่อมดชราที่ก้าวเข้ามาเพื่อทำนายชีวิตของแอ็มแมต, แบทแมน(วิลล์ อาร์เน็ตต์) ซูปเปอร์ฮีโร่จอมกวนประสาท จนเป็นที่มาของเรื่องชวนหัวปวดประสาทและเสียงฮา
แม้จะเข้าฉายในประเทศไทยค่อนข้างช้า แต่กระแสจากต่างประเทศนั้นคงอาจจะต้องกล่าวได้ว่า THE LEGO MOVIE ได้รับเสียงตอบรับจากนักวิจารณ์ดีมาก ประกอบกับการทำเงินบนตารางบ๊อกซ์ออฟฟิศอย่างถล่มทลาย ทำให้ความน่าสนใจของตัวหนังพุ่งสูงขึ้นไปอีก
จะว่าไปแล้วกลวิธีในการเล่าเรื่องนั้นถ้าใครเติบโตมากับของเล่นชิ้นนี้จะรู้สึกผูกพันกับเรื่องราวได้ไม่ยาก อีกทั้งแฟนการ์ตูนอย่างดีซีคอมมิกส์ก็คงจะตลกไปกับการที่ซูเปอร์ฮีโร่ในดวงใจของพวกเขาอาทิ แบทแมน,ซูเปอร์แมน, วันเดอร์วูแมนและกรีนแลนเทิร์น โดนจับมาล้อเลียนจนหมดความเก๋าเท่แบบในภาพยนตร์ ก็นับได้ว่าเป็นการสร้างเสียงหัวเราะได้เป็นอย่างดี
เสน่ห์อีกประการหนึ่งของ THE LEGO MOVIE คือการทำให้ผู้ชมสัมผัสได้ถึง “ความผูกพันระหว่างคนกับของเล่น” ซึ่งจุดพลิกผันของเรื่องถูกนำเสนอแบบหักมุมมากๆในตอนท้ายจนคนดูเกิดอาการอึ้งกิมกี่ไปตามๆกัน (สปอยล์ไม่ได้จริงๆครับต้องติดตามจากภาพยนตร์เท่านั้น) ซึ่งเป็นจุดเกื้อหนุนสำคัญที่คลายปมปริศนา รวมถึงการสร้างเหตุผลรองรับให้กับเหตุการณ์พิลึกพิลั่นที่เกิดขึ้นมาตลอดทั้งเรื่อง
นอกเหนือไปจากนี้เพลงอย่าง Everything is Awesome จึงกลายเป็นบทเพลงสำคัญที่มีนัยยะของการร่วมมือร่วมใจ ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด และทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่มีคุณค่าในตัวเอง ไม่ว่าเราจะเป็นใครก็ตาม แค่เพียงเราเชื่อมั่นในตัวเอง เพราะบางครั้งการเป็นคนที่พิเศษที่สุดก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะขาดคนอื่นๆในชีวิตไปได้ เพราะทุกสิ่งล้วนแล้วแต่ต้องพึ่งพาอาศัยกัน
ความรู้สึกหลังดู
นที่สุดตัวต่อเลโก้ก็ได้เป็นตัวเอกแบบเต็มตัวเสียทีหลังจากต้องพึ่งพาบารมีของ ภาพยนตร์หรือตัวละครดังๆมาคอยดันให้เกมเกิด ล่าสุดกับหนัง The Lego Movie ที่โด่งดังทำเงินถล่มทลายทั่วโลกและแน่นอนต้องมีวีดีโอเกมตามมาซึ่งก็จัดเต็มมากันครบทุกเครื่องไม่ว่าจะเป็นรุ่นเก่ารุ่นใหม่ออกให้ครบหมด
แต่อย่าเพิ่งดูถูกว่าเป็นเกมที่สร้างจากตัวต่อจะดูเชยเพราะกราฟิกในเกมถูกยกระดับให้แตกต่างจากเกมเลโก้ภาคก่อนๆมากโดยเฉพาะบนเครื่อง NextGen ที่สวยงามราวกับได้นั่งเล่นตัวต่อเลโก้จริงๆแสงสีเรียกว่าจัดเต็มไม่ต่างจากในภาพยนตร์เลย แน่นอนว่าเสียงพากย์ก็มาเต็มรูปแบบ เพลงประกอบก็อลังการงานก่ีสร้างเพราะได้โปรดักชั่นระดับฮอลลีวูดเป็นคนทำให้และยังมีคัทซีนเป็นคลิปจากในภาพยนตร์ติดมาด้วย แน่นอนว่ามันต้องบอกเนื้อเรื่องในหนังแน่ ซึ่งในขณะเขียนรีวิวอยู่หนังยังไม่เข้าโรงดังนั้นใครจะเล่นเกมก็ควรจะไปตีตั๋วชมเสียก่อนน่าจะดี
ส่วนจุดเด่นของภาคนี้นั้นนอกจากเนื้อเรื่องที่ยกเอาโลกของเลโก้มา แต่ยังไม่วายมีแขกรับเชิญเป็นตัวละครดังๆจากค่าย ดีซี คอมมิค ที่ขนมาทั้ง แบทแมน ซูเปอร์แมน วันเดอร์วูแมน และ กรีน แลนเทิร์น จนเกือบจะกลายเป็นเกม เลโก้ ดีซีแถมยังมีตัวละครจาก เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ อย่างแกนดัล์ฟ มาเสริมความสนุกให้เกมขึ้นไปอีกเรียกว่าแย่งความโดดเด่นของตัวหลักที่เป็นตัวต่อหน้าตาธรรมดาไป แถมในภาคนี้ยังมีฉากที่เราได้ขี่ยานยานพาหนะและมีหุ่นยักษ์ไว้ใช้งานเรียกว่าจัดหนักจัดเต็มและสนุกกว่าเกมเลโก้ภาคก่อนๆ
แน่นอนว่าเกมเพลย์ยังคงรูปแบบเกมแนวตัวต่อที่เป็นแอ็คชั่นมุมมองบุคคลที่ 3 ซึ่งจะเน้นไปที่การแก้ปริศนาด้วยการต่อเลโก้ เพื่อเปิดทางไปต่อโดยใช้พลังพิเศษของแต่ละตัวละครเพื่อร่วมแรงร่วมใจในการหาทางตะลุยไปจนจบเกม เช่นความสามารถในการต่อเลโก้แบบไม่ธรรมดาของตัวเอก , อาวุธไฮเทคของแบทแมน , พลังเหนือมนุษย์ของซูเปอร์แมน พลังแห่งการสร้างของกรีน แลนเทิร์น และอีกมากมายรอให้เราปลดล็อกออกมาใช้
ลูกเล่นในการออกแบบด่านมีการผสมผสานหลายสิ่งหลายอย่างของเกมเลโก้มายำรวมกันแบบจัดเต็มแถมมีมินิเกมแยกย่อยมาให้เราสนุกอีกหลายเกม แม้ความหลากหลายของเกมจะสู้ Lego City Undercover เกมแนว GTA ฉบับเลโก้บน WiiU ไม่ได้แต่ก็ถือว่าเป็นภาคที่มีอะไรมากกว่าที่เราคิด
แน่นอนว่าเกมมีตัวให้เราใช้ไม่จำกัดทำให้เกมนี้ยังคงเหมือนเกมเลโก้ที่เล่นได้เรื่อยๆแบบไม่ต้องกลัวเกมโอเวอร์ แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่สนุกขาดความท้าทาย เพราะปริศนาที่ใส่เข้ามาก็ยังคงอยู่ในมาตรฐานของซีรีย์ตัวต่อเลโก้และมีตัวละครให้ปลดล็อกมากมายนับร้อยตัว
ถึงแม้เกมอาจจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงในรูปแบบการเล่นให้ฉีกไปจากซีรีย์เลโก้เท่าไรนักและไม่มีความท้าทายเพราะเล่นได้เรื่อยๆไม่มีเกมโอเวอร์ แต่การกลับมาเป็นตัวเอกครั้งแรกของตัวต่อของเล่นระดับตำนานก็ถือว่าทำได้ดีเกิดคาด ไม่เหมือนเกมที่สร้างจากภาพยนตร์ทั่วไปที่ทำแบบสุกเอาเผากินเกมมีความสนุกเล่นได้เพลินๆ
แถมยังน่ารักไม่มีพิษภัยไม่ว่าใครก็หลงรักและมีปริศนาสนุกๆรอให้เราค้นหา แต่อย่างไรก็ตามย้ำว่าควรไปดูหนังก่อนค่อยเล่นจะได้อรรถรสในการเล่นมากกว่า สรุปโดยรวมแล้ว The Lego Movie Videogame ยอดเยี่ยมไม่แพ้ฉบับภาพยนตร์ที่ได้รับเสียงชื่นชมอย่างท่วมท้นจากนักวิจารณ์ทั่วโลก
แอนิเมชั่นสายบู๊ผจญภัย งานภาพเลโก้ ว่าด้วยเรื่องราวห้าปีให้หลังจากภาคแรก ที่มีเลโก้เอเลี่ยนหน้าตาน่ารักจากดาวดูโพล มาบุกเมืองบริคเบิร์กที่พระเอก เอ็มเม็ตต์ อาศัยอยู่ จนกลายเป็นดินแดนรกร้างยังกะ Mad max
อยู่มาวันนึงเลโก้ต่างดาวเจ้าเก่า นำโดยนายพลเมย์แฮมกลับมาบุกเมืองนี้อีกครั้ง แถมยังลักพาตัว ลูซี่ เพื่อน?ของพระเอกไปด้วย การผจญภัยสู่จักรวาลอันไกลโพ้นเพื่อชิงตัวเพื่อนซี้ และคืนความสงบให้กับเมืองบ้านเกิดจึงเริ่มต้นขึ้น ความธรรมดาที่แสนจะไม่ธรรมดาในตัวของเขา ก็ได้กลายเป็นความหวังของทุกคนอีกครั้ง
โดยรวมเอาไป 8/10 เลยแล้วกัน หนังดีตามมาตรฐานภาคแรก เล่าเรื่องมีชั้นเชิง ผูกปมคลายปมถูกจังหวะ งานเยี่ยมทั้งภาพและเสียง มุกฮาใช้ได้มีแป้กบ้างผสมๆ จิกกัดแสบสันเจ็บลึกยังกะเหยียบเลโก้ ให้ข้อคิดว้าวๆเยอะอยู่ ถึงจะเล่นมุกหนักไปนิดจนดูไม่จริงจัง และประเด็นหนังที่ดูดรอปลงไปจากภาคก่อน
หนังยิงมุกกระจายแบบหวังผลให้ได้หลายฮาเลย ใครเสพย์หนังและเพลงยุค 90 มาจะบันเทิงสุดๆ มุกจิกกัดหนังค่ายตัวเองคือแสบมาก เพลงในหนังสนุกและฟังติดหูดีมาก
รายละเอียดในหนังเต็มไปด้วยความสร้างสรรค์
