รีวิว The 8th Night คืนที่ 8
สวัสดีค่ะวันนี้แอดมารีวิวหนัง Original Netflix เรื่อง The 8th Night คืนที่ 8 หนังสยองสืบสวนและสยองขวัญจากเกาหลี เรื่องของปีศาจสมัยบรรพกาล ได้พ้นจากพันธนาการของพระพุทธเจ้า แล้วมนุษย์จะต่อกรกับปีศาจร้าย ได้อย่างไรหนังระทึกขวัญสยองขวัญ แนวปรัชญาศาสนาจากเกาหลีใต้ ที่จะมาถามคำถามกับเราว่าอะไรกันแน่คือความหมายของคำว่านรก – สวรรค์ ซึ่งถ้าใครชอบหนังแนวปราบผีจากยุค 80 ถึง 90 เชื่อว่าจะชอบหนังเรื่องนี้อย่างแน่นอน
บอกเล่าเรื่องของพระรูปหนึ่ง เมื่อวิญญาณร้ายที่ถูกปิดผนึกไว้ จะฟื้นคืนชีพขึ้นมาในวันพระจันทร์เป็นสีเลือด ซอนฮวาคือผู้ที่ถูกเลือกให้ปกป้องดวงตาคู่หนึ่งที่ข้างหนึ่งเป็นสีเลือดและอีกข้างเป็นสีนิล ถ้าทั้งสองข้างนี้มารวมตัวกันได้โลกทั้งโลกจะกลายเป็นนรก ทำให้ซอนฮวาตัดสินใจสละชีวิตของตัวเองเพื่อแยกดวงตาทั้งสองข้างให้กลับไปอยู่ในเดิม แต่เรื่องราวระหว่างทางที่ซอนฮวาต้องพบเจอจะระทึกและตื่นเต้นขนาดไหน ไปชมพร้อมกันเลยค่ะ
สองพันห้าร้อยปีก่อนผีร้านตนหนึ่งต้องการมอบความเจ็บปวดแสนสาหัสให้มนุษย์จึงได้เปิดประตูเชื่อระหว่างโลกและแดนนรก แต่พระพุทธเจ้าได้ปรากฏกายต่อหน้าผีร้าย และควักเอาแหล่งพลังของผีตนนั้นออกมา ได้แก่ ดวงตาสีเลือดและดวงตาสีนิลไปจากมัน แต่ดวงตาคู่นั้นก็หลุดจากพระหัตถ์ของพระพุทธเจ้าแล้วแยกย้ายกันหนีจากพระพุทธเจ้าไป ทว่าไม่นานนักดวงตาสีนิลก็ถูกจับกลับมาอยู่ในพระหัตถ์อีกครั้งและถูกขังไว้ในกล่องสรีรธาตุ รีวิวหนังผีฝรั่ง
ส่วนดวงตาสีเลือดที่ไม่ได้ถูกจับกลับมานั้นได้หลบหนีพระพุทธเจ้าไปซ่อนอยู่ในร่างของผู้คนเป็นเวลาเจ็ดวันเจ็ดคืน และเมื่อค่ำคืนของวันที่แปดมาถึงดวงตาสีเลือดก็คิดว่าตนหลีกลี้มาไกลแล้วก็หยุดหนีแล้วหันหลังกลับมาดู แต่มันก็ได้รู้ว่าหนทางที่หนีมานั้นเป็นเพียงสะพานหินเจ็ดก้อนที่เรียงกันในลำธารสายเล็กๆ แคบๆ เท่านั้น
ดวงตาสีเลือดที่เพิ่งตระหนักได้ว่ามันไม่อาจหลบหนีจากพระพุทธเจ้าได้ จึงแสร้งยอมจำนนต่อพระองค์แล้วเข้าไปอยู่ในกล่องสรีรธาตุ พระพุทธเจ้านำดวงตาแต่ละข้างที่ถูกผนึกไปขังไว้ในทะเลทรายกว้างใหญ่ฝั่งตะวันตกและในหน้าผาสูงชันฝั่งตะวันออก และทรงบอกแก่สาวกของพระองค์ไว้ว่า “อย่าให้ทั้งสองกลับมาพบกันอีก นี่คือโชคชะตาของพวกเจ้า”
เนื้อเรื่อง ไม่ได้น่ากลัวเท่าไร ออกแนวหลอนๆซะมากกว่าแต่ถ้าได้ดูตอนกลางคืนก็คงแอบกลัวอยู่ไม่น้อย เป็นการพูดถึงเกี่ยวกับตำนานของผีร้ายที่ต้องการมอบความเจ็บปวดให้กับมนุษย์โดยใช้ดวงตาทั้งสองข้างเปรียบเสมือนความแค้นและความเจ็บปวด และถ่ายทอดผ่านตัวละครที่มีชื่อว่า “ซอนฮวาหรือพัคจินซู”
ตัวละครตัวนี้มีความแค้นและเสียใจจากอุบัติเหตุที่ทำให้เขาเสียครอบครัวไป เขาพยายามหลีกหนีจากสิ่งที่ต้องสืบทอดต่อจากหลวงพี่ฮาจองจนได้มาพบกับชองซ็อกเด็กหนุ่มที่จะมาช่วยคลายปมในใจ เรื่องนี้สอนให้รู้จักคุณค่าและความหมายของการมีชีวิตอยู่และการรู้จักปล่อยวาง โอยอ้างอิงถึงคำสอนของพระพุทธเจ้า
ตัวละครที่พีคในเรื่องคือ แอรัน หญิงสาวที่มีปริศนาว่าเธอเป็นใคร ตั้งแต่เริ่มเรื่องเราคิดว่าเธอคือหญิงสาวคนสุดท้ายที่จะทำให้ดวงตาทั้งสองข้างกับมาเจอกันได้ แต่เรื่องพลิกมาก “เธอไม่ใช่คนตั้งแต่ที่เห็นในสถานีขนส่งแล้ว” ฉันโดนหลอก555+ แต่จบเรื่องได้สวยงามค่ะ^^
ฉากที่ชอบ คือฉากที่ชองซ็อกได้เจอกับผีร้ายในร่างของเด็กสาว ถ้าเป็นเราวิ่งตั้งแต่เจอแล้วคงไม่จ้องหน้าและเอียงคอตามแน่นอน 555+ และอีกหนึ่งฉากคือตอนที่ซอนฮวาตื่นขึ้นมาหลังจากที่สู้กับผีร้ายสำเร็จ เป็นการถ่ายภาพเคลื่อนไหวที่คมชัดและสวยงาม ส่วนตัวนักแสดงเองก็ถ่ายทอดอารมณ์ได้ดี ทำให้รู้สึกอินตาม
ความหลอนต้องยกให้รอยยิ้ม ผีร้ายมีรอยยิ้มที่ไม่น่าดูเอามากๆ เลยค่ะ หลอนๆชวนขนลุก ให้คะแนนหนัง 9/10 เล่าเรื่องได้ดีและลึกลับชวนให้น่าติดตามพร้อมกับข้อคิดของเรื่อง มาหลอนพร้อมกับพากย์ไทยได้แล้วทาง Netflix เลยค่ะ^^
นำแสดงโดยนัมดารึม,คิมยูจอง,พักแฮจุน ซึ่งหนังจะเล่าถึงเหล่าพระที่ต้องมาไล่ล่าตามหาผีร้ายที่ก่อวีรกรรมสิงสู่และสูบเอาชีวิตคนเป็นว่าเล่น พระภิกษุสงฆ์กับอดีตพระอาจารย์จะต้องทำภารกิจนี้ให้เสร็จก่อนคืนวันที่ 8 เพื่อหยุดยั้งไม่ให้ปีศาจหรือผีร้ายกลับมาฟื้นคืนชีพ จะสนุกขนาดไหนมาอ่านเนื้อเรื่องกันเลยค่ะ
รีวิว The 8th Night คืนที่ 8
เมื่อสองพันห้าร้อยปีก่อน มีปีศาจตัวหนึ่งต้องการมอบความเจ็บปวดให้กับมนุษย์ทุกคน ถ้าพูดง่าย ๆ ก็คือ เป็นเรื่องราวแย่ ๆ เหมือนตกนรกทั้งเป็นประมาณนี้ค่ะ ทีนี้พระพุทธเจ้าก็มายับยั้งไว้ทัน ด้วยการควักดวงตาของปีศาจออกมาทั้งสองข้าง คือดวงตาสีนิลกับดวงตาสีเลือด แล้วจับปิดผนึกใส่กล่องสรีรธาตุเอาไปไว้คนละทิศคนละทางที่ไกลแสนไกล
ไม่ให้กลับมาเจอกันอีก ตัดภาพมาที่ปัจจุบัน ความซวยก็มาเยือนคนในละแวกนั้นทันทีตามสเต็ปของหนังเลย เหตุเกิดเพราะคนบางคนอยากเบ่งเรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติให้โลกได้รับรู้ บทหนังก็จะส่งไม้ต่อให้ พระภิกษุสงฆ์หนุ่มน้อยหน้าใส “นัมดารึม” และอดีตพระอาจารย์ “อีซองมิน” มารับช่วงไล่ล่าผีร้ายก่อนถึงคืนวันที่ 8 ไม่งั้นโลกมีพังแน่ ๆ
รวม ๆ แล้วการดำเนินเนื้อเรื่องอยู่ในระดับน่าสนใจอยู่ค่ะ ไม่ค่อยน่าเบื่อ มีลุ้น ๆ บ้าง ตกใจฉากผีร้ายแบบนิดหน่อยพวกหักคอ ฉีกยิ้มหลอนอะไรแบบนี้ บรึ๋ยย ในส่วนของอารมณ์หนังมันจะให้แนวไล่ตามหาผีมากกว่าแล้วก็มีพวกสืบสวนมาแทรกแซงให้เรื่องยุ่งยากกว่าเดิมอีก ขอบอกเลยว่าพล็อตเรื่องดูน่าสนใจขึ้นในระดับหนึ่ง
น่าจะเป็นจุดที่หลอกให้คนดูเข้าใจผิด ๆ แล้วมาเฉลยทีหลังให้ร้อง อ๋ออ กันอีกที ( ฮ่า ๆ ) นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องราวน่ารัก ๆ ของนักแสดงให้พวกเราได้รับชมกันอีกด้วย เช่น “นัมดารึม รับบทเป็น ชองซ็อก” กับอาจารย์ของเขา และ “คิมยูจอง รับบทเป็น แอรัน”
The 8th Night หนังเล่าเรื่องราวของศาสตราจารย์คิม จุนชอลนักโบราณคดีชาว้กาหลีใต้ ที่ใช้ชีวิตไล่ล่าตำนานผอบที่ชายแดนอินเดียและปากีสถาน กว่ากันว่าเป็นที่พระพุทธเจ้าได้ขังบางสิ่งบางอย่างที่ชั่วร้ายเอาไว้เมื่อสองพันห้าร้อยปีที่แล้ว ซึ่งหากเขาค้นพบเขาก็จะพิสูจน์ให้โลกรับรู้ว่าตำนานที่กล่าวไว้ในวิชรสูตรที่เก็บซ่อนไว้นั้นเป็นเรื่องจริง
ความรู้สึกหลังดู
ตำนานกล่าวว่า
“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เมื่อ 2500 ปีก่อน ปีศาจตนหนึ่งเกลียดชังมนุษย์ จึงทำการเปิดประตูนรก เพื่อต้องการมอบความเจ็บปวดแสนสาหัสให้กับมนุษย์ แต่พระพุทธเจ้า ได้ปรากฏกายต่อหน้าเจ้าปีศาจนั้น แล้วก็ควักเอาดวงตาสีเลือดข้าง และดวงตาสีนิลอีกข้างหนึ่ง อันเป็นแหล่งพลังของเจ้าปีศาจร้ายนั้นออก แต่เจ้าดวงตาทั้งสองก็พยายามหนีห่าง
จากพระพุทธองค์ ไม่นานนักเจ้าดวงตาสีนิลก็ถูกจับมาอยู่ในพระหัตถ์ของพระพุทธองค์อีกครั้ง แล้วก็ขังมันไว้ในกล่องสรีรธาตุ แต่เจ้าดวงตาสีเลือดนั้นกลับหนีออกไปได้ ด้วยการซ่อนอยู่ในร่างของคนเป็นเวลา 7 วัน เมื่อถึงค่ำคืนของวันที่ 8 ดวงตาสีเลือดก็หยุดหนีแล้วหันหลังกลับมาดู โดยคิดว่าตนเองหนีมาไกลมากพอแล้ว แต่เมื่อหันหลังกลับไปดูก็พบ
ว่า หนทางที่คิดว่ายาวไกลนั้นเป็นเพียงแค่สะพานหิน 8 ก้อนที่เรียงกันในลำธารสายเล็กๆ แคบ ๆเท่านั้น ดวงตาสีเลือดตระหนักว่าไม่อาจจะหนีจากอำนาจของพระพุทธเจ้าได้ จึง
เสเเสร้งยอมจำนน แล้วถูกจับขังไว้ในกล่องสรีระธาตุอีก 1 กล่อง พระพุทธเจ้าได้นำดวงตาที่ถูกผนึกทั้งสอง ข้างหนึ่งนำไปไว้ที่ทะเลทรายอันกว้างใหญ่ฝั่งตะวันตก อีกข้างหนึ่งนำไปไว้ที่หน้าผาสูงชันฝั่งตะวันออก แล้วส่งตรัสแก่สาวกของพระองค์ว่าอย่าให้ดวงตาทั้งสองกลับมาพบกันอีก และนี่คือโชคชะตาของพวกเจ้า”
ซึ่งจากการค้นหามาอย่างยาวนาน ในทะเลทรายของชายแดนอินเดียปากีสถานนั่นเอง เขาก็พบผอบหนึ่งจนได้ และเมื่อข่าวการค้นพบกับประโคมออกไป ก็มีหลายหน่วยงานเข้ามาตรวจสอบโบราณวัตถุชิ้นนี้ รวมถึงการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์โดยใช้คาร์บอน 14 ด้วย กลับกลายเป็นว่า โบราณวัตถุชิ้นนี้มีอายุไม่ถึง 2,500 จึงถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก กลายเป็นว่าศาสตราจารย์คิม จุนชอล เป็นคนปลอมแปลงโบราณวัตถุชิ้นนี้ขึ้นมาเอง หลังจากนั้นชีวิตของศาสตราจารย์คิมก็ตกต่ำไร้ความเชื่อถือ แต่กระนั้นเขาก็ยังหาทางพิสูจน์ว่าตำนานและผอบที่เขาค้นพบนั้นคือของจริง
จนเหตุการณ์ผ่านไป 14 ปีก็มีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นคือพระจันทร์กลายเป็นสีแดงเลือด ศาสตราจารย์คิมก็ได้อ่านจารึกที่เจอพร้อมกับผอบ แล้วก็ประกอบพิธีกรรมปลุกเสกดวงตาปีศาจสีเลือด เพื่อหวังว่าหากประกอบพิธีเสร็จประตูนรกก็จะเปิดออก แล้วผู้คนก็จะกลับมาเชื่อว่าศาสตราจารย์คิมไม่ได้ปลอมแปลงโบราณวัตถุตามตำนานในพระพุทธศาสนา และในท้ายที่สุด ในช่วงที่กำลังจะท้อแท้และสิ้นหวัง ศาสตราจารย์คิม ทำการทดลองครั้งสุดท้าย และก่อนที่เขาจะปิดชีวิตตัวเอง ดวงตาสีเลือดก็ปรากฏขึ้น
ที่วัดแห่งหนึ่งบนภูเขา ฮาจอง พระสงฆ์ชรารูปหนึ่งก็ได้รับรู้ถึงเรื่องราวเลวร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้น ท่านคือผู้ที่สืบทอด ป้องกันไม่ให้ดวงตาปีศาจทั้งสองออกมาพบกันแต่โชคร้ายที่ท่านรู้ตัวว่าใกล้จะมรณภาพ จึงสั่งให้ จองซอก ศิษย์เอก พระหนุ่มผู้ใสซื้อบริสุทธิ ผู้บำเพ็ญตนด้วยการนิ่งเงียบ ๆ ไปตามหาตัวพระสงฆ์รูปหนึ่งชื่อว่า ซอนฮวา ที่ออกจากวัดไปนานแล้วไปทำอาชีพก่อสร้าง มารับหน้าที่สืบทอดภาระที่สืบทอดมาจากรุ่นสู่รุ่นถึง 2500 ปีต่อจากท่าน ในการป้องกันไม่ให้ดวงตาปีศาจสีเลือดเดินทางไปหาดวงตาสีนิล
เรื่องความเข้มข้นก็ถือว่าทำพอใช้ได้ มีการเล่าเรื่องที่ค่อนข้างดี การโยงสิ่งต่าง ๆ ให้อยู่ในรูปในรอยเดียวกันถือว่าทำได้ดี แถมยังมีจุดหักมุมของเรื่องที่ทำได้อย่างน่าสนใจ
แต่ทั้งหมดทั้งมวลนั้น โดยส่วนตัวแล้วความดีทั้งหมดของหนังก็ต้องขอยกให้กับปรัชญาของเรื่อง โดยที่เขาแปลความสัญลักษณ์ดวงตาสีนิลกับดวงตาสีเลือดเอาไว้ว่า
ดวงสีนิล คือความว้าวุ่นใจ ความกังวลใจ ความไม่สบายใจต่าง ๆ ส่วนดวงตาสีเลือดก็เปรียบเสมือนกับกิเลส ตันหา หาคนเรา ในโลกมีดวงตาทั้ง 2 สี ก็เหมือนกับว่าโลกที่คนเป็นและคนตายต่างใช้ชีวิตอยู่ในความสิ้นหวัง ติดอยู่ในห้องโซ่แห่งกิเลสและความว้าวุ่น และนั่นโลกก็ไม่ต่างกับนรกนั่นเอง
และ ถ้าหากเราดับกิเลสและความว้าวุ่นใจได้ ก็เปรียบเสมือนว่าเราหลุดพ้นจากความมืดไปสู่ที่สว่างดังที่ถ้อยคำในภาพยนตร์กล่าวว่า
เมื่อความมืดมิดยิ่งดิ่งลึก แสงสว่างก็ยิ่งส่องประกาย
ถ้ากิเลสหนาการหลุดพ้นก็ยิ่งใหญ่มากขึ้น
ดังนั้นการที่ปีศาจดวงตาสีนิลและปีศาจดวงตาสีเลือด มันก็เหมือนกับดวงตาของมนุษย์ที่มองไม่เห็นทางสว่าง เห็นแต่ความลุ่มหลงอยู่ในกามารมณ์ เห็นแต่ในกิเลสตัณหา ยึดอยู่กับความวุ่นวายใจไม่สบายใจ แล้วถ้าหากดวงตาเห็นธรรมได้ เราก็จะรอดพ้นจากปีศาจ และไม่ได้อยู่ในนรกนั่นเอง
7/10