รีวิว Slither
วันนี้แอดจะมารีวิวหนังสยองแต่ไม่ไช่หนังผีนะเป็นเรื่องราวของไอตัวกระดึบ ที่ว่ากันว่าเจอของจริงแอดหลอนซะยิ่งกว่าผีอีก ฮ่า ๆ ตัวอย่างของหนังเรื่องนี้จัดว่าอหังการมากเลยนะครับ ถึงขนาดประกาศตัวว่าจะเป็นหนังที่เดินตามรอยหนังสยองระดับดัง ๆ ทั้งหลาย
ด้วยการขึ้นแท่นเป็นหนังสยองชื่อดังประจำปี 2006 เนี่ย อืมม์ แล้วมันจะไปถึงตรงนั้นได้มั้ยหว่าตอนแรกก็กะวิ่งเข้าไปดูในโรงเหมือนกันครับ เพราะตัวอย่างมันแหยงจริงๆ นะ กะว่าสยองเต็มที่แน่ๆ ดูในโรงก็จะได้เต็มจอไปเลย แล้วไอ้ตัวเลื้อย ๆ นั่นก็หยึย ๆ อีก ก็คาดว่าน่าจะสนุกล่ะครับ แต่ก็นั่นแหละหนาคาด ๆ ๆ ๆ มันไม่เท่ากับดูเองหรอกครับ ชัวร์สุด
หนังเดินตามสูตรหนังสยองเกรดบีแบบจงใจเลยครับ คือเปิดเรื่องมาก็พูดถึงเมืองเล็ก ๆ อันเงียบสงบ มีตำรวจสองนายนั่งคุยกันในรถ (ตามสูตรเป๊ะ ๆ ครับ ถ้าไม่ใช่ตำรวจก็ต้องเป็นหนุ่มสาวนั่งคุยกันและพยายามจะมีความสัมพันธ์กัน ไม่เคยมีครับที่จะเป็นอย่างอื่น)
แล้วก็มีอุกกาบาตพุ่งลงมาในเขตป่าแถวนั้นพอดี (ต้องลงที่เขตป่าครับ ไม่มีเล้ยที่มันจะพุ่งมาชนปั้มน้ำมันหรือโรงงานนิวเคลียร์ มันจะได้ตายกันหมดไอ้พวกตัวบ้าเนี่ย )
จากนั้นก็แนะนำตัวละครหลัก ๆ ครับ ตั้งแต่ บิลล์ พาร์ดี้ (Nathan Fillion) ผู้รักษากฎหมายสุดหล่อ ที่แอบมีใจให้ สตาร์ล่า (Elizabeth Banks) ครูสาวสุดสวย แต่สตาร์ล่านั้นก็แต่งงานแล้วครับ แต่งกับนายแกรนต์ (Michael Rooker) ซึ่งแก่กว่าเธอตั้งหลายปีแน่ะ
แล้วไม่นานจากนั้นก็ต้องมีตัวละครเคราะห์ร้ายซักตัวหนึ่งเดินไปเห็นเศษซากอุกกาบาต แล้วก็อยากรู้อยากเห็นครับว่า “โอ้ เจ้าสิ่งนี้ประหลาดจริง มันคืออะไรกันนี่?” แล้วก็โดนมันทะลวงเข้าไปสิงร่างตามระเบียบ (… อยากพูดประโยคเดิมครับ … “ถ้าเป็นผมล่ะแค่เห็นแสงแว่บ ๆ ในป่าก็ใส่ตีนหมาโกยอ้าวไม่คิดชีวิตแล้ว”)
แล้วเรื่องมันก็ต้องดำเนินแบบเรื่อย ๆ พักหนึ่งก่อนไอ้ปรสิตบ้านี่จะออกฤทธิ์อาละวาดคร่าชีวิตชาวเมือง ซึ่งก็มีแต่พระเอกเท่านั้นที่จะหาทางหยุดยั้งและปราบเจ้าพวกตัวบ้านี่ให้สิ้นซากไป
นี่แหละครับ เรื่องตามสูตร จริง ๆ ผมว่าเข้าท่านะ อันนี้พี่ James Gunn คนเขียนบทและกำกับแกก็จับจุดต่าง ๆ มาได้พอควรล่ะครับแต่ก็ยังมีจุดโหวง ๆ อีกพอควรเหมือนกัน
เรามาว่ากันแบบแยกส่วนประกอบตัวหนังนะครับ มาซอยกันหน่อย แล้วค่อไยปสรุปรวมอีกที คือตัวหนังนั้นเปิดมาโอเคครับ มีอุกกาบาตหล่นมาตามสูตรก็ดี แต่พอพ้นช่วงนั้นมาหนังออกจะเรื่อย ๆ ไปหน่อย คือเรื่อยอยู่ราว ๆ ครึ่งเรื่องเลยล่ะครับ หนังยาว 95 นาทีนะครับ
ก็บอกได้ว่าราว ๆ 40 นาทีแรกของหนังมันค่อนข้างเรียบเรื่อยไปหน่อย คือจริง ๆ ช่วงต้น ๆ ซัก 20 นาทีจะเรื่อยก็ไม่ว่ากันครับ แต่หลังจากนั้นมันน่าจะมีอะไรมากกว่านี้ได้แล้ว ถึงเวลาสยองแล้วล่ะครับ
รีวิว Slither
ไม่ควรทิ้งนานเกินไปเพราะมันจะน่าเบื่อเอาได้ และในเรื่องมันก็ทิ้งนานไปนิด อีกอย่างคือพอถึงคราวสยองหรือแหวะมันก็ยังไม่ถึงขีดที่ควรเป็น กว่าจะได้สยองแหยะแหวะเต็มขั้นก็ไปเข้าไปครึ่งเรื่องนั่นแหละครับ ก็ถ้าว่ารวม ๆ คือครึ่งแรกค่อนข้างอืดและชืดไปนิด
น่าจะมีอะไรมาดึงความสนใจมากกว่านี้หน่อย คือเอาแค่เรื่องดราม่าที่ไม่ค่อยจะดราม่าของตัวละครมานำเสนอนั้นมันก็ออกจะผิดจุดไปหน่อยน่ะครับ เพราะคนที่มาดูหนังเรื่องนี้ก็อยากดูอะไรสยอง ๆ มากกว่าแต่ดีครับ ดีที่ครึ่งหลัง
ของหนังไม่ทำให้ผิดหวังนะ เริ่มจากเจ้าตัวร้ายตัวใหญ่สุดที่เป็นตัวละครตัวหนึ่งที่โดนมันสิง แล้วก็ค่อย ๆ กลายสภาพนั่น สภาพมันน่ากลัวมากครับ ดูแล้วสยองจริง ๆ แล้วยังมีตัวผู้หญิงที่โดนมันเอาไข่ไปฝังอีก แม่คุณที่ตัวโป่งพองนั่นแหละครับ
โอยยยยย ดูไม่ได้เลย แล้วยังจะได้ตัวเลื้อย ๆ ที่มีมากมายนั่นอีก สยองครับ บอกได้เลยว่าขยะแขยงดีมาก ๆ ตอนมันบุกบ้านของ ไคลี่ (Tania Saulnier) สาวน้อยในอ่างอาบน้ำนั่นทำได้ดีเลยล่ะครับ ดูสยองมาก แล้วหนังก็ถือว่าโอเคไปจนถึงตอนจบของเรื่อง ก็ว่ากันง่าย ๆ ว่าช่วงครึ่งหลังของหนังจัดว่าสนุกใช้ได้ล่ะครับ ยิ่งได้ดาราจอมกวนประสาทอย่าง Gregg Henry มารับบทเป็นแจ๊ค แม็คเรดี้ นายกเทศมนตรีจอมปากเสียที่พล่ามได้ตลอด ก็เป็นอีกตัวหนึ่งที่เพิ่มสีสันให้ครึ่งหลังของหนัง
ความรู้สึกหลังดู
ได้เป็นอย่างดีแต่กระนั้นนะครับ หนังก็ยังไม่สมบูรณ์หรอก คือเข้าท่าเป็นช่วง ๆ เท่านั้น ไอ้ที่โอเคก็คือตอนครึ่งหลังมา แต่ครึ่งแรกนั้นอืดเอ่ยไปหน่อย ส่วนดารานั้นก็ค่อนข้างธรรมดาครับ ไม่ว่าจะพระเอกอย่าง Nathan Fillion ที่พี่แกก็มีความเป็นโมโนโทนติดตัวมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว หรือจะ Elizabeth Banks ก็เหมือนจะมาสวยอย่างเดียว หรือพี่ Michael Rooker เองก็เถอะครับ แม้เรื่องก่อน ๆ แกจะขโมยความเด่นได้เสมอ ขนาดหนังสามัญโคตร ๆ อย่าง Bram Stoker’s Shadowbulider
พี่ท่านยังดันตัวเองให้เด่นได้เลย แต่เรื่องนี้กลับชืด ๆ ซะอย่างนั้น ส่วนสาวน้อยในอ่างน้ำอย่าง Tania Saulnier ตอนแรกก็ทำท่าว่าจะมาแรงครับ แต่ก็ดันแรงแค่ช่วงตอนครึ่งเรื่องพอดีเท่านั้นแหละ พอผ่านช่วงครึ่งเรื่องนั่นมา ก็กลายเป็นบทสมทบไปซะแล้ว
อย่างที่บอกน่ะ รายที่เด่นจริง ๆ มีแค่ Gregg Henry เท่านั้น ดีไม่ดีถ้าไม่มีแกคอยปากเสียล่ะหนังอาจจะจืดกว่านี้ก็ได้นะครับท่านผู้ชม
ครับ ผมบอกไว้ตอนต้นนะฮะ ว่า James Gunn คนทำนั้นไม่เลวเลยที่จับจุดเด่นของหนังสยองหลาย ๆ อันเข้ามาผสมไว้ในเรื่องนี้ แต่มันก็ยังไม่ถือว่ามากพอครับ อย่างช่วงต้นเองก็ไม่มีอะไรมากไปหน่อย หรือตอนครึ่งหลังแม้จะโอเค แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะสนุกแบบตลอดนะครับ เพราะผมว่า The Faculty ก็ยังทำได้สนุกกว่ามาแล้ว จุดที่ Slither ทำได้ถึงจริง ๆ คือความแหวะน่ะครับ สยดสยองขยะแขยงอันนี้ไม่มีข้อโต้แย้งแต่ประการใด ดูแล้วรู้สึกตัวเหนอะหนะขึ้นมายังไงก็ไม่ทราบ แต่ส่วนการสู้
กับพวกบ้านั่นก็ไม่มากมายหรือจะการสร้างความหวาดผวาให้คนดูอย่างที่ควรจะมีก็ไม่มีเหมือนกัน เช่น ตามปกติหนังแนวนี้มันต้องมีฉากที่ไอ้ตัวพวกนี้ไปไล่ตอดชาวบ้านให้มันรู้สึกสยดสยองและสลดหดหู่น่ะครับ แต่ในเรื่องนี่ไม่มีเลย กลายเป็นเหมือนกับตัวพวกนี้มันจู่โจมแค่พวกพระเอกเป็นหลัก แต่พอดู ๆ ไปก็มีเหยื่อไอ้พวกนี้ออกมาเดินป้วนเปี้ยนเพิ่มขึ้น ก็แสดงว่ามันต้องอาละวาดทั่วเมืองจริงมั้ยล่ะครับ ก็ให้เสียดายเหมือนกัน มันเลยไม่ครบเครื่องเรื่องภาพสยองน่ะครับ
สรุปคือมันก็เป็นหนังสยองที่ไม่เลวครับ แนวสัตว์ประหลาดไล่ทำร้ายคนที่ไม่เลว แต่มันก็ยังไม่เต็มที่ หรือจะการกัดหนังสยองเรื่องอื่นก็มีแบบพอประมาณเท่านั้น ไม่ได้มากมายอย่างที่คาดไว้ ลูกเล่นยังไม่เต็มที่น่ะครับว่างั้นเถอะ ดังนั้นหนังก็เลยยังไม่สามารถจะไปถึงระดับเจ๋ง ๆ
ของหนังแนวสยองได้ แต่ก็ผ่านครับ ดูได้ไม่ผิดหวังนัก ที่ผมบ่น ๆ อาจเพราะผมหวังมากอยู่ล่ะมั้งครับ แต่ถ้าไม่หวังก็น่าจะโอเค แต่ไม่รู้สิ ผมออกจะชอบหนัง Night of The Creeps มากกว่า คือไอ้เรื่องที่ว่านี่ออกมา
แล้วไม่นานจากนั้นก็ต้องมีตัวละครเคราะห์ร้ายซักตัวหนึ่งเดินไปเห็นเศษซากอุกกาบาต แล้วก็อยากรู้อยากเห็นครับว่า “โอ้ เจ้าสิ่งนี้ประหลาดจริง มันคืออะไรกันนี่?” แล้วก็โดนมันทะลวงเข้าไปสิงร่างตามระเบียบ (… อยากพูดประโยคเดิมครับ … “ถ้าเป็นผมล่ะแค่เห็นแสงแว่บ ๆ ในป่าก็ใส่ตีนหมาโกยอ้าวไม่คิดชีวิตแล้ว”)
แล้วเรื่องมันก็ต้องดำเนินแบบเรื่อย ๆ พักหนึ่งก่อนไอ้ปรสิตบ้านี่จะออกฤทธิ์อาละวาดคร่าชีวิตชาวเมือง ซึ่งก็มีแต่พระเอกเท่านั้นที่จะหาทางหยุดยั้งและปราบเจ้าพวกตัวบ้านี่ให้สิ้นซากไป
แนวเดียวกันเลยคับ แต่สร้างนานแล้วนะ ตั้งแต่ปี 1986 มีตัวประหลาดเป็นปรสิตบุกทำให้คนเป็นซอมบี้แบบนี้เช่นกัน ซึ่งอันนั้นออกจะสนุกครับ มีการกัดแบบฮาดี แล้วตัวปรสิตนั่นก็มีลูกเล่น มีบทบาทมากกว่าในเรื่อง Slither นี่อีกก็ดูได้เรื่อย ๆครับ