สวัสดีค่ะวันนี้แอดจะมาแนะนำหนังสยองขวัญ Saint Maud หลอนสุดคลั่ง เป็นหนึ่งในหนังสั่นประสาทนอกกระแสที่คนทั่วไปยังไม่ค่อยรู้จักกันมากนัก อย่างไรก็ตามหนังเรื่องนี้มีโครงเรื่องที่น่าสนใจพอสมควรเลยทีเดียว ดังนั้น เพื่อไม่ให้คอหนังสยองขวัญต้องพลาดการรับชม ลองมาฟังรีวิวจากบทความชิ้นนี้กันดีกว่าหนังสยองขวัญ Saint Maud หลอนสุดคลั่ง น่าดูหรือไม่
Saint Maud เล่าเรื่องราวของ ม็อด นางพยาบาลสาวผู้สันโดษที่เหมือนมีความเชื่อในพระเจ้าและศาสนาเป็นที่ยึดเหนียวจิตใจของเธอ เธอได้ย้ายมาจากสถาพยาบาลในเครือคริสตจักร มาเป็นนางพยาบาลส่วนตัวที่ดูแล อะแมนด้า อดีตนักเขียนที่ป่วยด้วยโรคร้าย รอคอยวันสุดท้ายมาถึงที่คฤหาสน์ในเมืองเล็กๆ ม็อดจึงได้ทำหน้าที่ดูแลพยาบาลคนไข้ของเธอตามหน้าที่ และค่อยๆ ปรับจูนเข้าหากันและกัน ก่อนจะกลายมาเป็นความศรัทธาและความเชื่อที่บังคับกันไม่ได้
คงต้องบอกอย่างตรงไปตรงมาเลยว่า Saint Maud ไม่ใช่หนังที่ดูง่าย แต่ก็ไม่ได้ยากเกินไปอะไรขนาดนั้น เพียงแต่หนังน่าจะเหมาะกับเฉพาะกลุ่มมากมาย เพราะเต็มไปด้วยสัญลักษณ์ต่างๆ มากมายทิ้งเอาไว้ให้คนดูต้องคิดวิเคราะห์และกลับมารีเสิร์ชเรื่องของความเชื่อในศาสนาหลายจุด แต่โทนบรรยากาศของหนังเรื่องน่าค่อนข้างวังเวงแบบน่าประทับใจ
เปิดเรื่องมาทำท่าเหมือนจะเป็นหนังดราม่าดีๆ แต่หนังก็ค่อยๆ ปรับโทนและใส่ความลี้ลับปริศนาเข้ามาเรื่อยๆ ตามพฤติกรรมของตัวละครที่คนดูจะคอยสงสัยเธอผู้นี้ไปเรื่อยๆ และแน่นอนว่าประเด็นความเชื่อทางศาสนา ความศรัทธาในพระเจ้าแต่องค์ถูกหยิบยกมาใช้เป็นเชิงสัญลักษณ์เต็มไปหมด พร้อมกับใส่ความสยองขวัญ เขย่าขวัญ และน่าสะพรึงกลัวไปกับทัศนคติและความคิดของม็อด ที่คนดูแทบจะคาดเดาอะไรไม่ได้เลย
การแสดงของ “มอร์ฟริด คลาร์ก” คือดีงาม เป็นนิยามแบบ…น้อยแต่มาก แอคติ้งที่เหมือนจะแทบไม่ได้ใช้แรงอะไรจากเธอเลย แต่กลับส่งพลังที่น่าทึ่งออกมาในหลายๆ ฉาก การตีความตัวละครก็ถือว่าทำได้ดี แม้ว่าโดยภาพรวมแล้ว หนังจะค่อนข้างเข้าใจได้ยากและเข้าถึงได้ยากอยู่พอสมควร จึงไม่แปลกใจที่ มอร์ฟริด ถูกจัดเป็นหนึ่งในนักแสดงดาวรุ่งน่าจับตามองในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา
Saint Maud ถือว่าเป็นผลงานการกำกับและเขียนบทหนังใหญ่เรื่องแรกของผู้กำกับหญิง “โรส กลาส” ก็ถือว่าถ่ายทอดออกมาได้น่าพอใจ แต่ยังไม่ใช่หนังและเรื่องราวที่ใครๆ จะย่อยได้ง่าย หากพูดถึงงานโปรดักชั่นและมุมกล้องต่างๆ ถือว่าเธอค่อนข้างนำเอาประสบการณ์จากการทำหนังสั้นมาใช้ได้อย่างคุ้มค่า
โดยสรุปแล้ว Saint Maud ก็เป็นหนังสยองที่อาจจะได้ร้องกรี๊ดตามไปทั้งเรื่อง แต่มันยังสยองในโทนและรูปแบบพฤติกรรมของตัวละครนั้นมากกว่า โดยเฉพาะช่วง 10 นาทีสุดท้ายของหนัง ที่ถือว่าเป็นจุดไคลแม็กซ์ที่ท้าทายและกล้ามากที่จะใส่รายละเอียดลงไปเช่นนี้ หนังอาจจะต้องใช้ความคิดวิเคราะห์ประกอบการรับชมไปด้วย แต่ก็จัดได้ว่าความสะพรึงในครั้งนี้มีระดับและไม่ได้แย่อะไรเลย
ประเภท : สยองขวัญ / ชีวิต / จิตวิทยา
ปีที่ฉาย : 2019
เวลา : 1.24 ชั่วโมง
IMDb: 6.8 /10
รีวิว SAINT MAUD หลอนสุดคลั่ง
หนังสยองขวัญ Saint Maud หลอนสุดคลั่ง เป็นเรื่องราวของ “ม็อด” พยาบาลสาวผู้มีนิสัยรักสันโดษและมีความเชื่อมั่นในเรื่องของพระเจ้าอย่างแรงกล้า ทำให้เธออุทิศทั้งชีวิตตามวิถีทางแห่งคริสเตียน หลังจากลาออกจากการเป็นนางพยาบาลในโรงพยาบาล ได้ผันตัวเองมาเป็นพยาบาลดูแลประจำบ้านให้กับ “อแมนด้า” อดีตดาวนักเต้นชื่อดังที่กำลังเจ็บป่วยจากโรคมะเร็ง เธอจึงพยายามช่วยให้อแมนด้าให้หลุดพ้นจากความเจ็บป่วยทางด้านร่างกายและวิญญาณ
หนังสยองขวัญ Saint Maud หลอนสุดคลั่ง มีแนวเรื่องที่น่าสนใจและค่อนข้างใหม่ โดยมุ่งเน้นไปที่อาการเจ็บป่วยด้านจิตวิทยาที่ส่งผลให้เกิดเหตุการณ์สุดหลอนมากมายขึ้น สิ่งที่ช่วยเสริมบรรยากาศแห่งความตื่นเต้นและน่ากลัวในช่วงเวลาเดียวกันคือการจัดแสง รวมไปถึงมุมกล้องในการถ่ายทำที่เรียกได้ว่ามีความน่าสนใจ ลึกลับและความสงบในจิตใจได้อย่างไม่น่าเชื่อ
Morfydd Clark ผู้รับบทบาทเป็นม็อดเองก็ทำผลงานออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม เธอสามารถถ่ายทอดอารมณ์ทั้งความเครียด กังวลและโศกเศร้าออกมาได้อย่างน่าชื่นชม จนสามารถมองเห็นความโหยหา ความเหงาที่เหมือนกับคนจริงที่กำลังมุ่งหน้าไปสู่ความหลงผิดอย่างไม่ทันรู้ตัว
ความรู้สึกหลังดู
A24 ผู้จัดจำหน่ายหนังสยองขวัญของผู้กำกับหนังนอกกระแสอย่าง The Witch, Hereditary, Midsommar และ The Lighthouse ได้สานต่อความสำเร็จในปีนี้ด้วยหนังสยองขวัญจิตคลั่ง Saint Maud ที่ได้มีตัวอย่างออกมาแล้วครับ
หนังว่าด้วยเรื่องราวของพยาบาลที่เชื่อว่าตัวเองสื่อสารกับพระเจ้าได้ และต้องการกอบกู้วิญญาณของผู้ป่วยรายล่าสุดของเธอที่ใกล้ตายและไม่เชื่อว่าพระเจ้ามีอยู่จริง ความหมกมุ่นในการที่ต้องการให้ผู้ป่วยของเธอกลับมาเชื่อในพระเจ้ากลายเป็นเรื่องราวความสยองขวัญขึ้นมา
หนังนำแสดงโดยมอร์ฟิดด์ คลาร์ก จากซีรี่ส์ Dracula ในบทพยาบาลผู้หมกมุ่นกับผู้ป่วย และ เจนนิเฟอร์ เอห์ล จาก Fifty Shades of Grey ในบทสาวสังคมที่ป่วยใกล้ตาย กำกับและเขียนบทโดยโดยผู้กำกับหน้าใหม่ชาวอังกฤษ โรส แกลส มีกำหนดฉายในสหรัฐเมษายนนี้
ในส่วนของจุดด้อย หนังสยองขวัญ Saint Maud หลอนสุดคลั่ง ค่อนข้างที่ดำเนินเรื่องราวอย่างเชื่องช้าเพื่อค่อยๆเปิดเผยรายละเอียดของตัวละครที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้ ทำให้ไม่ค่อยเหมาะกับคนที่อยากทราบเรื่องราวอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังไม่ใช่หนังสยองขวัญแบบที่ทำให้หวาดผวาอย่างตรงไปตรงมา อีกทั้งยังมีแง่มุมทางศาสนามากมายที่อาจต้องรับชมหลายครั้งถึงจะสามารถทำความเข้าใจได้ทั้งหมด
หนังสยองขวัญ Saint Maud หลอนสุดคลั่ง ถือว่าเป็นหนังที่ค่อนข้างดำเนินเรื่องช้าและมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับศาสนาค่อนข้างมาก ดังนั้น ถ้าหากใครมีพื้นฐานเรื่องของศาสนาคริสต์มาบ้างจะช่วยทำให้เข้าใจเรื่องราวได้มากขึ้น
แต่ในขณะเดียวกันถ้าหากไม่เคยทราบมาก่อนเลยอาจจะไม่ “อิน” ในสิ่งที่พยายามจะบอก แต่… ถ้าหากถามว่าหนังสยองขวัญ Saint Maud หลอนสุดคลั่ง น่าดูไหม!? ก็อยากบอกว่าก็ดูได้ แต่อาจต้องใช้ความอดทนสักหน่อย
เพราะหนังใช้เวลากับการปูพื้นเรื่องราวความสัมพันธ์ของตัวละครค่อนข้างจะมากเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามหนังเรื่องนี้ก็ไม่เหมาะกับคนที่ไม่ชอบหนังแบบที่จำเป็นต้องคิดตามมากเช่นกัน…
เป็น 84 นาทีที่ตึงเครียด อึดอัด และขวัญผวา เป็นหนังสยองขวัญค่าย A24 ที่ยอดเยี่ยมอีกเรื่องเลย ว่าคนไข้ป่วยเป็นโรคร้ายคนนึงที่ได้นางพยาบาลสาวนามว่า “มอดย์” มาดูแลเธอให้ ปัญหาคือมอดย์นั้นเคร่งศาสนา และเชื่อว่าเธอสามารถติดต่อสื่อสารกับ “พระเจ้า” ได้! มอดย์เองเลยพยายามหาทางรักษาเธอในแบบที่เธอจะไม่มีวันลืมเลย!
ประทับใจมากถึงมากที่สุด อาจจะเป็นหนังสยองขวัญที่ slow burn เล่าเรื่องช้าๆ ค่อยๆเป็นค่อยๆไป แต่เดือดดาลและสติแตกทุกวินาทีของหนังทั้งที่ไม่มีผี ไม่มีฆาตกร แต่ “คนเหงา” นี่แหละน่ากลัวที่สุดเลย หนำซ้ำมันยังเป็นหนังที่พูดถึงโลกของคน introvert อย่างนางเอกได้หดหู่และน่าสงสารมากๆ
ความ slow burn สุดแสนเชื่องช้าและน่าเบื่อสำหรับบางท่าน แต่เราเองกลับชอบความช้าๆ และรู้สึกไหลไปกับการเล่าเรื่องของหนังที่ค่อยๆบรรจงเล่า หนังค่อยๆตีแตกตัวละคร “มอดย์” ว่าเธอนั้นคลั่งและศรัทธาในพระเจ้าจนเชื่อว่าเธอติดต่อสื่อสารกับพระเจ้าได้จริงๆ
เราชอบที่หนังไม่มีการปูที่มาที่ไปของนางเอกที่แน่ชัด หรือสาเหตุหลักๆที่ทำให้เธอนับถือศาสนา แต่หนังเล่าไปแล้ว แล้วก็ค่อยๆพัฒนาตัวละครคนนี้ไปเรื่อยๆ จากการแค่ศรัทธาของเธอ นำไปสู่เรื่องราวสุดสยองทีละเล็กทีละน้อย ความแปลกคือเรากลับซื้อตัวละครคนนี้ให้ทำเรื่องประหลาดๆมากขึ้นไปอีก
แม้ไม่มีสาเหตุที่แน่ชัดหรือเล่าอะไรตรงๆ แต่บุคลิคนิสัยความขี้อายและพูดน้อยๆของเธอ ก็พอจะทำให้เราทราบทันทีถึงนิสัยความเป็น introvert ที่ทิ้งสังคมใบใหญ่ที่ควรจะเข้าหากับคนแปลกหน้าหรือเพื่อนๆ แต่เลือกที่จะหาสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจมาแทนมากกว่า
มีฉากหนึ่งที่หนักหน่วงอย่างมากคือฉากที่นางเอกพยายามจะทำตัวเป็น extrovert เป็นสาวเมาๆ หัวเราะกับมุขตลกเห่ยๆของโต๊ะข้างๆ หรือยอมแลกตัวเองเข้าหาผู้ชาย แต่สิ่งที่เธอทำไปทั้งหมด เธอก็ไม่ได้รู้สึกดีขึ้นมาเลย เราชอบที่สุดท้ายคน introvert ต่อให้ตายยังไง เขาจะรู้สึกว่าการเข้าสังคมมันคือเรื่องสยองขวัญสำหรับพวกเขาเลย!
ที่ต้องชื่นชมเลยคือเทคนิคการถ่ายทำของผกก. ทีมงาน และมือตัดต่อ ที่สามารถตราตรึงเราให้อยู่หมัดตลอดทางของหนังทั้งเรื่องได้ ทั้งที่มันไม่ได้น่ากลัวจากผีหรือฆาตกรใดๆเลย แต่ความระทึกขวัญมันถูกปรุงแต่งและสร้างสรรค์จากคนและเทคนิคการสร้างเหล่านี้ทั้งหมด
ทั้งงานการกำกับสุดปราณีตของ rose glass ที่ถ่ายทอดความเหงาบนโลกใบใหญ่ รวมถึงบรรยากาศและความลับแลของบ้านและสถานที่ต่างๆที่สกปรกโสมม การตัดต่อ เกรดสี และถ่ายภาพสถานที่ๆมีผู้คนเยอะแยะจนน่ารำคาญและชวนอึดอัด ประสาทจะกิน แทบหายใจไม่ทั่วท้องไปเลย
แน่นอนว่าอีกสิ่งนึงที่ไม่ชมไม่ได้เลยคือการแสดงของคุณ morfydd clark ที่เราไม่รู้จักเธอมาก่อนเลย แต่เธอได้มอบประสบการณ์การแสดงสุดหวีดคลั่งที่ทำให้เรากลัวจนน่าขนลุกได้ เธอได้ถ่ายทอดความอ้างว้าง ความหว้าเหว่ที่นำไปสู่ความบ้าคลั่งสุดขีดในช่วงท้ายๆได้
แน่นอนครับ หนัง slow burn มาตลอดทั้งเรื่องเพื่อปู 20 นาทีสุดท้ายของหนัง มันคือช่วงที่สยดสยองและชวนอึดอัด โหวงๆท้องอยู่มากๆ แต่ในขณะเดียวกัน ก็นึกถึงงานแบบ ari aster ที่ถ่ายทอดความสยดสยองได้สวยงามอะไรเช่นนี้เลยอ่ะ
จะพูดได้เต็มปากว่าหนังมีโทนและความเป็น taxi driver แต่ทันสมัยและเข้ากับธีมหน่อยก็คือ first reformed เวอร์ชั่นหนังสยองขวัญที่ค่อยๆตีแตกตัวละครเอกไปเรื่อยๆจนถึงขีดสุดในการกระทำของเธอในช่วงท้าย!