รีวิว Relic กลับมาเยี่ยมผี
การทอดทิ้ง ความแค้นและความรู้สึกผิด พบกับสามรสชาติที่ปรุงให้หนังเรื่องนี้กลมกล่อมจนน่าขนลุก หนังจากออสเตรเลียที่กลายเป็นที่กล่าวถึงในช่วงล็อกดาวน์จากโควิด-19 ที่่ผ่านมา กับโทนความหลอนและน่าสะพรึงกลัวในบรรยากาศที่ถ่ายทอดออกมา สร้างความไม่ไว้วางใจให้กับคนดูไปตลอดทั้งเรื่อง แม้ว่าตัวหนังจะมีความยาวที่ไม่มากนัก แต่อัดแน่นไปด้วยสัญลักษณ์ที่บางครั้งไม่จำเป็นต้องนึกคิดตีความใดๆ ก็ได้
Relic กลับมาเยี่ยมผี เริ่มต้นจากการหายตัวไปอย่างลึกลับของ เอ็ดนา หญิงชราที่อยู่บ้านเพียงลำพัง ทำให้ เคย์ กับ แซม ผู้เป็นลูกสาวและหลานสาวได้กลับมาออกตามหาเธอ แต่หลังจากตามหาเอ็ดนาอยู่หลายวัน กระทั่งเริ่มถอดใจไปแล้วนั้น อยู่ๆ เอ็ดนาก็กลับมาที่บ้านเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ท่ามกลางร่องรอยความทรุดโทรมของบ้านที่เริ่มปรากฏขึ้นให้เห็นเด่นชัด คุณยายเอ็ดนาที่เพิ่งกลับมาบ้านในครั้งนี้ เริ่มแสดงพฤติกรรมประหลาดๆ ต่างไปจากปกติ ทำให้ลูกสาวกับหลานสาวเริ่มรู้สึกสงสัยในตัวของเธอมากยิ่งขึ้น และได้นำพาให้สมาชิกในครอบครัวนี้ ได้เผชิญหน้ากับความหลอนสะพรึงที่แอบซ่อนเอาไว้อยู่ในบ้านหลังนี้ แบบที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน
ได้ยินว่าหนังค่อนข้างเป็นขวัญใจนักวิจารณ์อยู่ไม่เบา ผลงานการกำกับหนังเรื่องแรกของผู้กำกับหญิง “นาตาลี เอริกะ เจมส์” ที่มาพร้อมกับการสื่อสารเชิงสัญลักษณ์เต็มไปหมด เธอยังมีส่วนร่วมในการเขียนบทหนังเรื่องนี้ด้วย แต่เชื่อว่าแม้ว่าตัวหนังจะโดนใจนักวิจารณ์ แต่ทางฝั่งคนดูอาจจะไม่ได้ชอบใจไปทุกคน
Relic มาพร้อมกับบรรยากาศที่สร้างขึ้นมาได้อย่างน่าสะพรึงดีจริงๆ โดยเฉพาะงานสื่อสารด้วยภาพและใช้ดนตรีเข้ามาช่วยปลุกเร้าอารมณ์ความวังเวงได้เป็นอย่างดี แม้ว่านี่จะไม่ใช่หนังสไตล์ผีตุ้งแช่ก็ตาม แต่ทุกนาทีของหนังทำให้คนดูเกิดความกลัวและไม่ไว้วางใจแม้แต่สักนาทีเดียว
หนังค่อนข้างใช้เวลาในการปูเรื่องราวและเกริ่นประเด็นต่างๆ ค่อนข้างนาน แม้จะมีเวลาแค่ไม่ถึงชั่วโมงครึ่งก็ตาม แต่ต้องยอมรับว่าในช่วงเกือบ 30 นาทีสุดท้ายของเรื่อง กลายเป็นกราฟที่ไต่ขึ้นสูงเรื่อยๆ ไปถึงจุดพีคที่สุด ความดีความชอบก็ต้องยกให้กับช่วงจุดไคลแม็กซ์และบทสรุปในช่วงท้ายของหนังเลย
ตามที่กล่าวว่าหนังมาในแนวที่ชวนขบคิด-ตีความ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องวิเคราะห์ใดๆ ให้ปวดสมองก็ได้ เพียงแต่คนดูอาจจะยังรู้สึกไม่เข้าใจเหตุและผล รวมทั้งที่มาที่ไปของเรื่องราวกับตัวละครอย่างถ่องแท้ หนังก็ยังสามารถเสพย์ได้แบบไม่ต้องคิดอะไรเยอะ เพราะด้วยบรรยากาศและโทนที่ถ่ายทอดออกมาดี เพียงแค่นี้ก็ทำคนเอาหลอนได้แล้ว
ขณะที่การแสดงของ 3 นักแสดงหลัก “โรบิน เนวิน”, “เอมีลี มอร์ติเมอร์” และ “เบลลา ฮีธโคท” ถือว่าค่อนข้างน่าพอใจ แม้ว่าหนังพยายามจะสร้างมิติในความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันระหว่างผู้หญิงแต่ละรุ่นแล้ว แต่น่าเสียดายที่โทนหลักของหนังที่เป็นหนังผีได้กลบประเด็นเอาไว้เสียมิด ทำให้ไม่ค่อยได้เห็นอะไรที่โดดเด่นออกมา นอกจากการแสดงตามบทไปเท่านั้น
โดยสรุปแล้ว Relic จัดได้ว่าเป็นหนังสยองขวัญที่ถูกประเมินค่าต่ำไปกว่าที่คิด หนังมาพร้อมกับประเด็นที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะสายใยความเป็นครอบครัว อีกทั้งยังแฝงข้อคิดเกี่ยวกับการทอดทิ้งคนชราเอาไว้เพียงลำพัง ที่น่าจะเป็นโจทย์สอดแทรกที่ผู้สร้างพยายามจะใส่เข้ามา ผสมกลมกลืนกับโทนความเขย่าขวัญของเรื่อง
ถึงแม้ว่าตัวหนังอาจจะหลอนไปในทางน่าเบื่อๆ ไปสักหน่อยสำหรับกลุ่มคนดูทั่วไป โดยเฉพาะช่วงแรกๆ ที่ชวนให้หลับตาพริ้มได้ยาวๆ แต่หนังก็มีช่วงท้ายๆ และบทสรุปที่น่าประทับใจ อีกทั้งยังคงเกิดคำถามมากมายเอาไว้ในคนดูได้กลับไปจินตนาการและคิดทบทวนได้อย่างอิสระ
รีวิว Relic กลับมาเยี่ยมผี
หนังเรื่องนี้อำนวยการสร้างโดย เจค จิลเลนฮาล และ สองพี่น้อง รุสโซ่ กำกับโดย นาตาลี เอริก้า เจมส์ ผู้ที่เคยทำหนังสั้นมาสี่เรื่องและนี่คือหนังยาวเรื่องแรกของเธอ
ภาพยนตร์ที่ถ่ายทำกันที่ออสเตรเลียและเป็นเรื่องราวของตัวละครในออสเตรเลีย สำเนียงภาษาการพูดก็จะเป็นออสเตรเลีย ฟังดูแปร่งๆ แต่นั่นแหละสำเนียงของพวกเขา
มันเป็นเรื่องของครอบครัวๆ หนึ่ง ในวันที่ เคย์ (Emily Mortimer จากหนัง ‘Mary Poppins Returns’ และ ‘Match Point’) และแซม (Bella Heathcote จากหนัง ‘The Neon Demo’n, ‘In Time’ และ ‘Pride and Prejudice and Zombies’) แม่กับลูกสาวที่ขับรถกลับมายังบ้านสีขาวหลังใหญ่ บ้านหลังนั้นเหลือผู้อยู่อาศัยเพียงคนเดียวคือเอ็ดน่า (Robyn Nevin จาก ‘The Matrix Revolutions’ และ ‘The Matrix Reloaded’) คุณยายของแซม ทว่าเธอกลับหายตัวไปจากบ้านหลายวันจนคนข้างบ้านสงสัยและไปแจ้งตำรวจ
ระหว่างการค้นหาและจัดบ้านที่ดูรกรุงรัง เอ็ดน่าก็กลับมาในสภาพมอมแมม และไม่ได้บอกอะไรว่าเธอไปที่ไหนมา
ระหว่างนั้น ทั้งสองแม่ลูกก็พยายามอยู่เป็นเพื่อนๆ หญิงชราทดแทนความผิดที่ไม่ค่อยได้กลับมาดูแล แต่ยิ่งอยู่ก็ยิ่งพบความแปลกประหลาด กับพฤติกรรมที่แปลกออกไปและร่องรอยบางอย่างที่ชักชวนให้สงสัย
คุณแม่/คุณยายของพวกเธอเป็นอะไรกันแน่
โทนหนังนั้นอึมครึมกันมาตั้งแต่เริ่มต้นและยืดยาวเรื่อยไปจนจบ คือสิ่งที่น่าชื่นชมสำหรับหนังดราม่าสยองขวัญลึกลับปนระทึกขวัญเรื่องนี้
อาจเป็นหนังที่ครึ่งแรกของหนังไม่ได้รีบเร่งจะเล่าอะไรทั้งนั้น ปล่อยให้ประชาชนผู้เข้าไปชมนั่งมึนอยู่สักพัก รู้แค่เพียงคร่าวๆ ว่าสองแม่ลูกกลับบ้านมาครั้งนี้เพราะคุณยายเอ็ดน่าหายจากบ้านไป จากนั้นก็เป็นช่วงเวลาของตามหา การพบว่าเอ็นน่ากลับมาอย่างน่าเคลือบแคลง แม่ลูกคิดเห็นกันคนละทาง แม่ดูจะโอนอ่อนเชื่อใจในตัวเอ็ดน่ามากขณะที่ลูกสาวกลับมีแต่ความสงสัย
หนังเล่าด้วยภาพที่สลับมาอย่างไม่บ่งบอกอะไร ชวนให้สงสัยแกมไม่เข้าใจไปพลางๆ
ผู้ชมก็อาจจะรู้สึกอยู่ในใจ นี่คือภาพอะไร ทำไมเอามาให้ฉันดู มันเกี่ยวข้องกันยังไงกับหญิงสามคนในบ้านหลังนี้ นั่นแหละครับ หนังเริ่มปรับโหมด เรื่องราวเคลื่อนไปรวดเร็วขึ้น ปล่อยให้ผู้ชมได้ลุ้นมากขึ้น เรียกได้ว่า Mystery นั้นตลอดทาง แทรกใส่ด้วย Horror ส่วน Thriller เพิ่งจะมาในช่วงหลัง
แต่ทั้งหมดอบอวลไว้ด้วย Drama ที่เล่าแฝงนัยของความเน่าสลายอย่างแนบเนียน
หนังมีความแยบคายในการเลือกประเด็นของการถูกปล่อยทิ้งไว้ให้เปลี่ยวเหงา ถูกหลงลืมจากใครบางคนที่ผูกพัน ภาพของราดำที่เกาะบนผนังเปรียบดั่งหญิงชราที่ถูกปล่อยให้อยู่คนเดียวลูกหลานไม่แลเหลียวมาหามาเอาใจใส่ ราดำมืดเกาะกินลึกเข้าไปถึงภายในหญิงชรา
แฝงนัยยะบางอย่างในหนังสยองขวัญเรื่องหนึ่ง
ในด้านของบทบาทการแสดง ความเด่นคงพุ่งที่จุดเดียวคือคุณยายที่เล่นได้น่ากลัวมากมาย ขณะที่อีกจุดที่ทำได้ดีคงเป็นเรื่องของเทคนิคเมกอัพต่างๆ รวมโปรดักชันการสร้างฉากที่ทำได้ดีพอๆ กัน
ความรู้สึกหลังดู
ระหว่างทาง หนังเดินเรื่องด้วยภาพสีทึมๆ บ้านที่แม้จะเป็นกลางวันแต่แสงก็ไม่ค่อยมากเท่าไหร่ ยิ่งไปเจอกับสถานการณ์ในที่แคบที่แสงน้อยๆ อีก ชวนหลอนและน่าขนลุกไม่เบาเลย เมื่อผสมเข้ากับการเก็บเสียงของสิ่งต่างๆ และขับเน้นให้มันดังออกมามากกว่าปกติ ดนตรีประกอบช่วยเสริมเพียงบางจุด เท่านั้นก็มากพอจะทำให้มันน่ากลัวไปตลอดทางแล้ว
แม้บางฉากบางจุด อาจจะชวนงุนงงสงสัย ตรงนั้นมีมาทำไม เมื่อหนังจบแล้วก็ไม่ได้ช่วยบอกที่มาที่ไปให้เราเข้าใจได้กระจ่างแม้สักนิด หลายคนคงอาจไม่สนใจ แต่สำหรับเรื่องราวนี้มันควรมีแหละ เอาจริงๆ
เป็นหนังที่ได้ทั้งความหลอนขนหัวลุก กับภาพและเสียงที่สอดประสานสร้างความรู้สึกกลัว ส่วนเรื่องราวก็ชวนให้ฉุกคิด และถ้าใครเข้าใจสารในนั้นก็อาจอินได้ในตอนจบ
หนังเรื่องนี้มีจุดยอดเยี่ยม 2 อย่างที่ผมอยากพูดถึงและชื่นชมครับ อย่างแรกคือ ตั้งแต่ต้นจนจบ หนังเรื่องนี้ค่อย ๆ สร้างบรรยากาศความน่ากลัว และความไม่ไว้วางใจได้แทบจะทุกวินาที โดยเฉพาะทุกฉากที่อยู่ในบ้าน หรือฉากที่มีคุณยายเอ็ดน่าปรากฏตัวขึ้น
อันนี้ก็ต้องยกความดีความชอบใหัการแสดงของคุณยาย Robyn Nevin ที่สามารถกลายเป็นคุณยายเอ็ดน่าที่มีอาการสมองเสื่อม หวาดระแวง และส่งสายตาที่ไม่น่าไว้วางใจให้เราได้รู้สึกไม่ไว้วางใจได้ดีมาก ๆ
รวมถึงต้องให้เครดิตกับการฉาก-แสง-เซ็ตติ้ง-บรรยากาศ และเสียง ที่สามารถออกแบบบ้านที่มีป่าล้อมรอบ พร้อม ๆ กับการเสริมสร้างบรรยากาศด้วยการใช้องค์ประกอบโดยรวม ทำให้บ้านกลางป่าแห่งนี้กลายเป็นสถานที่ที่ไม่ได้ถึงกับลึกลับ ดูเผิน ๆ ก็บ้านทั่วไปนี่ล่ะครับ
แต่ก็เต็มไปด้วยความไม่น่าไว้วางใจลอยอวลอยู่ทั่วทั้งเรื่อง รวมทั้งยังเป็นหนังที่ไม่ได้เน้นผีออกมาตุ้งแช่ ๆ แต่เป็นหนังที่ใช้บรรยากาศโดยรวมสร้างความสยองขวัญและไม่ไว้วางใจได้เป็นอย่างดี เเป็นหนังสยองขวัญที่ค่อย ๆ ขับเน้นความน่ากลัวและความไม่น่าไว้วางใจขึ้นทีละนิด ๆ อย่างช้า ๆ
อย่างที่สองก็คือ ถ้าจะมองกันว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังสยองขวัญผีหลอก ก็พอได้อยู่ แต่ความน่าสนใจของหนังผีเรื่องนี้ก็ตรงที่่ การหยิบเอาเรื่องราวความสัมพันธ์ในครอบครัวที่มีช่องว่างแห่งความห่างเหินระหว่างแม่-ลูก-หลาน ที่คุณยายเองก็ต้องประสบปัญหาสมองเสื่อม
ถูกปล่อยให้อยู่บ้านตามลำพัง ส่วนลูกที่อยู่ในเมืองเองก็มีหน้าที่การงานรุงรังจนทำให้ไม่มีเวลาดูแลแม่มากพอ คงไม่ถึงขั้นทอดทิ้งหรือดุด่า แต่การดูแลแม่สมองเสื่อมก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันก็เหนื่อยทั้งกาย เหนื่อยทั้งใจจริง ๆ นั่นแหละ
ภาพยนตร์เรื่อง: Relic / กลับมาเยี่ยมผี
ผู้กำกับภาพยนตร์: Natalie Erika James
ผู้เขียนบท: Natalie Erika James, Christian White
นักแสดงนำ: Emily Mortimer, Robyn Nevin, Bella Heathcote
ดนตรีประกอบ:
ความยาว: 89 นาที
ปี: 2020
แนว/ประเภท: Drama, Horror, Mystery, Thriller
อัตราส่วนภาพ: 2.35:1
ประเทศ: ออสเตรเลีย/สหรัฐอเมริกา
เรท: ไทย/-, MPAA/R
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 22 ตุลาคม 2020
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: AGBO, Carver Films, Film Victoria, Golden A