รีวิว The Kissing Booth – เดอะ คิสซิ่ง บูธ
หนังรัก โรแมนติกคอมเมดี้ The Kissing Booth ว่าด้วยเรื่องราวของเพื่อนซี้ชายหญิง ‘แอล’ และ ‘ลี’ พวกเขาเกิดวัน เดือน ปี เวลาเดียวกันเป๊ะ แถมแม่ของทั้งคู่ยังเป็นเพื่อนสนิทกันด้วย แอลและลีเลยเป็นเพื่อนสนิทที่รู้ใจกันหมดทุกอย่าง แต่ถึงยังไงก็ยังต้องมีกฏของการเป็นเพื่อน และกฏข้อสำคัญที่ห้ามทำเด็ดขาดคือ ห้ามรักคนในครอบครัวของอีกฝ่าย กฏข้อนี้แหละที่ทำให้มิตรภาพของทั้งคู่สั่นคลอน
กฏสำคัญข้อนี้ฟังดูตลก และไม่น่าจะมีปัญหา แต่ถ้าต้องมาเจอกับพี่ชายของเพื่อนสนิท ‘โนอาห์’ ที่หล่อ ฮอตสุดในโรงเรียน สูง กล้าแน่น แถมยังฉลาดเข้ามหาวิทยาลัยดัง สนิทกันมาตั้งแต่เด็ก ยิ่งเขาเองก็แอบมองเราอยู่เหมือนกัน เป็นใครก็ต้องมีอ่อนระทวยกันบ้างล่ะ และใช่ค่ะ นางเอกที่แอบมองโนอาห์มาแต่ไหนแต่ไรก็แหกกฏ ไปกิ๊กกั๊กกับพี่ชายเพื่อนสนิทตัวเองซะอย่างงั้น
วันที่ฉายครั้งแรก: 11 พฤษภาคม 2561
ผู้กำกับ: วินซ์ มาร์เชลโล
ประพันธ์ดนตรีโดย: Patrick Kirst
บริษัทที่ผลิต: เน็ตฟลิกซ์
บทภาพยนตร์: วินซ์ มาร์เชลโล, Beth Reekles
รีวิว The Kissing Booth – เดอะ คิสซิ่ง บูธ
The Kissing Booth เป็นหนังรอมคอม เบาๆ ดูสบายๆ ยิ้มไปกับเรื่องราวของวัยรุ่นอเมริกัน ซึ่งเท่าที่ดูฐานะก็ค่อนข้างที่จะจัดอยู่ในระดับดีหน่อย
สิ่งที่ชอบเกี่ยวกับเรื่องนี้คือ ตัวหนังไม่เล่าเรื่องให้หยาบกระด้างจนเกินไป นำเสนอมุมน่ารักๆ ชวนฝัน แบบอเมริกันทีนเอเจอร์ คือตัวละครน่ารักสมวัย ไม่ดูแก่แดดแบบที่หนังอเมริกันชอบทำกัน
ถ้าใครอยากดูหนังแบบเบาๆสมองบ้าง ไม่ต้องคิดเยอะ ดูแล้วชวนฝัน ชวนจิ้น ฟินจิกหมอน เรื่องนี้เข้าทางคุณแน่นอน และเชื่อว่าจะถูกใจสาวๆมากกว่า ผู้ชายเพราะรู้สึกเนื้อหา ค่อนข้างชวนไปวิ่งเล่นในทุ่งลาเวนเดอร์มากๆ คือถ้าบรรยายก็จะหาว่าสปอยล์ เอาเป็นว่าเหมาะกับสาวๆ วัยรุ่นและ คนที่อยากย้อนวันเวลาเก่าๆ เรื่องนี้เหมาะแน่นอน ดูหนัง
เนื้อเรื่อง
ภาพยนตร์รักโรแมนติกของ Netflix ที่มีความแปลกตรงเน้นเรื่องมิตรภาพของเพื่อนควบคู่ไปกับความรัก ผ่านซุ้มขายจูบที่เป็นชนวนเหตุของเรื่อง และเรื่องนี้เป็นหนังจาก Netflix ของปี 2018 นี้เอง ใครเป็นสายหนังรักวัยรุ่น แนว High School เราขอแนะนำว่าห้ามพลาดเรื่องนี้เด็ดขาดด รีวิว The Kissing Booth
เรื่องราวของเพื่อนซี้ชายหญิง ‘แอล’ และ ‘ลี’ พวกเขาเกิดวัน เดือน ปี เวลาเดียวกันเป๊ะ แถมแม่ของทั้งคู่ยังเป็นเพื่อนสนิทกันด้วย แอลและลีเลยเป็นเพื่อนสนิทที่รู้ใจกันหมดทุกอย่าง แต่ถึงยังไงก็ยังต้องมีกฏของการเป็นเพื่อน และกฏข้อสำคัญที่ห้ามทำเด็ดขาดคือ ห้ามรักคนในครอบครัวของอีกฝ่าย กฏข้อนี้แหละที่ทำให้มิตรภาพของทั้งคู่สั่นคลอน
เรื่องนี้เป็นหนังจาก Netflix ของปี 2018 นี้เอง ใครเป็นสายหนังรักวัยรุ่น แนว High School เราขอแนะนำว่าห้ามพลาดเรื่องนี้เด็ดขาดดดดดดดด ห้ามพลาดแบบต้องดู ส่วนเราที่ตามมาดูเรื่องนี้นอกจากเพราะรีวิวแล้วก็เพราะนางเอกของเรื่องเลย หลายคนอาจจะคุ้นหน้า Joey King อยู่บ้าง ในบทของ Emily Cale จาก White House Down ที่เล่นเป็นลูกสาวของตัวเอกของเรื่องนั่นเอง ส่วนเราตามมาหลายเรื่องแล้ว และตอนนี้เป็นนางเอกแล้วววว ดีใจ ฮือออออ โตขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ และที่สำคัญเลยคือ ในชีวิตจริง พระนางของเรื่องเขาก็เดตกันจริง ๆ อีกด้วย ดูหนังออนไลน์
การดำเนินเรื่อง
หนังรักโรแมนติกวัยรุ่นไฮสคูลที่พล็อตมีความแปลกตรงที่ไม่ได้เป็นแค่เรื่องโรแมนติกทั่วไป แต่เป็นเรื่องราวความสัมพันธ์ของเพื่อนซี้ “แอลกับลี” ที่ซี้ปึ๊กกันมาตั้งแต่รุ่นแม่ของทั้งคู่ เกิดพร้อมกัน โตมาพร้อมกัน ตัวติดกันจนดูเหมือนไม่มีอะไรมาแยกจากพวกเขาได้ แต่พวกเขาคิดผิด เมื่อทั้งคู่เริ่มมีความรัก และก็เป็นความรักแบบที่มีโอกาสทำลายความสัมพันธ์นี้ไป พวกเขาทั้คู่จะทำยังไงกับความรักที่เกิดขึ้นมาหลังจากนี้ ที่จุดเริ่มต้นเป็น “ซุ้มขายจูบ” ในงานโรงเรียนที่ทั้งคู่เป็นคนจัดขึ้นมาเอง
โดยทั้งสองคนมีกฏของการเป็นเพื่อนกันหลายข้อ และหนึ่งในนั้นคือกฏที่ว่า ห้ามเดตกับพี่น้องหรือญาติของแต่ละฝ่าย เพราะอาจทำลายมิตรภาพของทั้งสองคนได้ จนเมื่อโตขึ้น แอลเริ่มรู้สึกว่าตัวเองแอบปิ๊ง “โนอาห์” หนุ่มสุดฮอตของโรงเรียนและเขายังเป็นพี่ชายของเพื่อนซี้อีกด้วย
รีวิว
แม้ชื่อเรื่อง The kissing Booth ซุ้มขายจูบ จะดูเป็นจุดขายของเรื่องนี้ แต่ว่าตัวเรื่องจริงๆ แค่เอาเรื่องซุ้มขายจูบมาเป็นโครงเรื่องหลวมๆ ให้ทั้งคู่หาคนมาเป็นตัวเด่นเรียกคนมาที่ซุ้มนี้ จนกลายเป็นเรื่องราวความรักของหลายคู่ที่มาเปิดเผยกันที่แห่งนี้ ซึ่งรวมถึงตัวแอลนางเอกที่ต้องพบ “โนอาห์” พี่ชายไม้เบื่อไม้เมาของลี
ที่เป็นดาวเด่นของโรงเรียนลีเองก็ต้องพบกับสาวที่ไม่ได้ฝันไว้ แต่กลับมากระชากใจเขาไป ซึ่งตัวเรื่องซุ้มขายจูบนี้จะอยู่ที่กลางเรื่องของภาคแรก ก่อนที่จะเริ่มเข้าเรื่องจริงๆ คือจุดแตกหักความสัมพันธ์ของแอลกับลี ที่มีกฎหลายสิบข้อผูกมัดพวกเขาไว้ไม่ให้ทรยศความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนรัก ที่ไม่ได้มีเรื่องความรักแบบอื่นมาเกี่ยวเลยสำหรับใครที่ดูจากหน้าหนังใหม่เต็มเรื่องก็อาจจะผิดคาดสักหน่อยที่คิดว่าเป็นเรื่องรักสามเส้า แต่จริงๆ แล้วตัวเรื่องหลักทั้ง 2 ภาค
อยู่ที่ปัญหาความรักมาทำให้มิตรภาพของทั้งคู่มีรอยร้าวจนต้องแแตกแยกกัน ซึ่งตัวเรื่องจะแสดงให้เห็นความผูกพันของทั้งคู่เยอะมาก เวลาในการออกฉากของทั้งสองคนมากกว่าตัวพระเอกของเรื่องทั้ง 2 ภาคเสียอีก ดูหนัง4k
สำหรับภาคแรกอาจจะรู้สึกขัดใจกับความง้องแง้งของลีที่เสียเพื่อนซี้ไปให้กับความรัก ที่เขารู้สึกว่าความสัมพันธ์ของเพื่อนมีค่ามากกว่า แต่ถ้ามองข้ามจุดขัดใจตรงนี้ไปได้ ตัวเรื่องถือว่าสนุกเลย และก็มีการเล่าเรื่องที่สมูธลื่นไหลมาก จากเรื่องแปลกๆ ของทั้งคู่ที่ทำด้วยกัน พร้อมกับกฎที่ทั้งคู่ทำสัญญากันไว้ตั้งแต่เด็กเป็นสิบข้อเป็นตัวอักษรขึ้นมาในฉาก
ให้ผู้ชมเข้าใจว่าทั้งคู่ทำอะไรได้ และห้ามทำอะไร ที่จะทำให้มิตรภาพนี้มีปัญหา พอมาในภาคสองก็ยังเล่าเรื่องด้วยกฎหลายข้อแบบเดิม แต่คราวนี้เปลี่ยนปัญหามาที่ลีกับแฟน ที่ทำให้แอลกลายเป็นตกที่นั่งลำบากใจแทน เนื่องจากเป็นก้างขวางคอแบบไม่รู้ตัว
ซึ่งในภาค 2 ตัวบทความสัมพันธ์ตรงนี้ไม่ได้ทำให้รู้สึกขัดใจอะไรอีกแล้ว และบทเป็นธรรมชาติกว่าภาคแรก อาจจะเพราะตัวละครเติบโตขึ้นไม่เกรียนเท่าภาคแรก แต่ก็ยังคงธีมหลักเดียวกัน ไปจนถึงเรื่องซุ้มขายจูบที่ทั้งคู่ต้องจัดอีกครั้งในชั้นปีสุดท้าย
รีวิว เดอะ คิสซิ่ง บูธ
นอกจากที่ว่ามาแล้ว เรื่องนี้ยังเน้นขายความโรแมนติกแบบจัดเต็มมาก มากขนาดที่เรียกว่าไกลเกินฉากจูบปกติทั่วไป แต่ไปถึงฉาก SEX อยู่หลายครั้ง ซึ่งตัวพระเอก “โนอาห์” เองก็สูงปรี๊ดหล่อล่ำรักจริงแสนดีครบสูตร บทก็น้ำเน่ามากที่มาตกหลุมรักผู้หญิงที่เพี้ยนๆ แก่นแก้วเพื่อนรักของน้องชาย
เพราะเข้าใจผิดว่าแอลดันไม่หลงไหลเขาแบบผู้หญิงคนอื่น แต่ที่จริงแอลก็เหล่โนอาห์ตลอดอยู่แล้ว ซึ่งตัวเรื่องไม่ได้ปิดบังอะไรตรงนี้เลย ตั้งแต่เริ่มแรกมาตัวนางเอกก็แอบชอบโนอาร์อยู่แล้ว แต่ติดที่กฎความสัมพันธ์กับลีห้ามเป็นแฟนกับคนในครอบครัวของกันและกัน เนื่องจากตัวเรื่องเน้นที่ปัญหาความขัดแย้งของทั้งคู่มากกว่า
ส่วนของความรักจึงออกมาง่ายๆ ตามสูตรเป๊ะไปหมดเหมือนเจ้าหญิงเจอเจ้าชายในฝัน แต่เรื่องก็ไม่ได้ใส่โนอาห์มากลวงๆ แค่ทำให้เป็นปัญหา แต่ก็มีมุมมองความคิดของโนอาห์เองด้วยว่าเขาจะมาช่วยนางเอกแก้ปัญหาความสัมพันธ์นี้ได้อย่างไร ดูหนังออนไลน์4k
เรื่องย่อ
เชลลี่ อีแวนส์ (Joey King) หรือที่ใครๆเรียกเธอว่า เอลลี่ สาวน้อยที่มีเพื่อนเลิฟสุดซี้อย่าง ลี ฟินน์ (Joel Courtney) ทั้งสองเกิดพร้อมกัน โตมาด้วยกัน เนื่องจากแม่ของทั้งสองคนเป็นเพื่อนกันมาก่อน เรียกว่าทั้ง เอลลี่และลี ซี้มันมาตั้งอยู่อยู่ในท้องแม่ เพียงแต่ เอลลี่ อาจจะโชคร้ายไปหน่อยที่แม่ของเธอป่วยและจากไปก่อนที่จะได้เห็นลูกโตเป็นสาว ลี มีพี่ชายคนโตอย่าง โนอาห์ (Jacob Elordi) หนุ่มสุดฮอตคนที่เขาไม่มีอะไรเทียบได้สักอย่าง
เมื่อ โนอาห์ ต้องคอยปกป้อง ลี จากการถูกแกล้งมาตั้งแต่เด็กๆ นั่นยิ่งทำให้ ลี รู้สึกไม่ชอบใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลย กลับกัน เอลลี่ นั้นรู้สึกใจเต้นทุกครั้งเวลาเจอหนุ่มฮอตอย่าง โนอาห์ แต่ด้วยกฎข้อห้ามระหว่างเพื่อนของเธอกับลี ที่ห้ามไม่ให้เพื่อนซี้คบกับญาติของอีกฝ่าย เลยทำให้ เอลลี่ ได้แต่ยืนน้ำลายไหลอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ เมื่อเห็นซิกแพคของ โนอาห์
ในงานเทศกาลประจำปีของโรงเรียน แต่ละชมรมจะต้องออกไอเดียจัดกิจกรรมเพื่อเรี่ยไรเงิน ซึ่งคู่เพื่อนซี้ก็ปิ๊งไอเดียได้ว่าจะจัดบูทขายจูบเพื่อการกุศล ทว่าพอไปชวนใครมาร่วมกิจกรรมกลับไม่มีใครสนใจสักคน ทางเดียวที่จะทำให้แผนการของแอลลี่และลี สำเร็จลุล่วงไปได้ก็คือ เธอต้องเกลี้ยกล่อม โนอาห์ หนุ่มสุดฮอตของโรงเรียนมายืนขายจูบให้ได้ ไม่อย่างนั้นงานประจำปีส่งท้ายก่อนเรียนจบของเธอคงจะกร่อยแน่ๆ
หนังรัก โรแมนติก คอมเมดี้ ก้าวพ้นวัยที่เหมือนเป็นการแสดงออก สัญญาณความเป็นผู้ใหญ่ของตัวละคร เมื่อทั้ง เอลลี่และลี ต่างพยายามรักษาสัญญาที่ให้กันไว้ตั้งแต่เด็ก เพียงแต่ว่าเมื่อโตขึ้นมันกลายเป็นว่า หากจะรักษาสัญญาระหว่างเพื่อนเอาไว้ เราจะต้องยอมเสียสละความสุขส่วนตัวไป เพื่อให้สัญญาแบบเด็กๆยังคงอยู่ การจะก้าวผ่านจากวัยเด็กมาสู่วัยรุ่นที่โตขึ้น คือเราต้องยอมทลายกำแพงที่ปิดกั้นตัวเองเอาไว้ ไม่ใช่แค่ฝ่าย เอลลี่ เพียงคนเดียว แต่รวมถึง ลี ด้วยว่าเขาจะก้าวข้ามความผิดของเพื่อนและให้อภัยกันได้หรือเปล่า
สรุปโดยรวม
ตัวเรื่องมีส่วนของการเติบโตตัวละครขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ภาคแรกที่นางเอกดูแก่นแก้วห้าวๆ เกรียนๆ ก็ค่อยๆ มีความคิดอ่านดีขึ้นเรื่อยๆ จากปัญหาความสัมพันธ์ของเธอกับลีที่สุดท้ายก็ไม่อาจจะตัวติดกันได้ หลังต่างคนต่างเติบโตมีเส้นทางเดินแต่ละแบบเป็นของตัวเอง ทั้งความรัก การใช้ชีวิต ความชอบที่เพิ่มมาภายหลัง การเลือกเข้ามหาวิทยาลัย
ซึ่งจุดนี้ตัวเรื่องใส่พัฒนาการมาให้ทุกตัวละคร จนเกือบเหมือนแนวทางซีรีส์ ที่ทุกตัวละครมีรายละเอียดเส้นเรื่องของตัวเอง แต่พอทำเป็นหนังเวลาเล่าเรื่องพวกนี้ก็เลยไม่มากเท่านั้น และจากฉากจบในภาค 2 ก็ทิ้งค้างไว้ทำต่อภาค 3 ชัดเจน ซึ่งก็ต้องดูว่าแต่ละคนจะไปต่อยังไงในเรื่องนี้เหมือนซีรีส์ยาวๆ ครับ
หนังมาในทรงเดียวกับเรื่อง The Duff ชะนีซ่าส์มั่นหน้าเกินร้อย หรือหนังโรแมนติก คอมเมดี้ ไฮสคูล เรื่องอื่นนั่นแหละ คือเน้นดูง่าย มาพร้อมกับนางเอกสาวลูกเป็นขี้เหร่ที่ชอบทำอะไรเปิ่นๆ พระเอกสุดฮอตประจำโรงเรียนที่มองผ่านทะลุรูปเงาะของนางเอกได้ กับแก็งค์สาวฮอตที่กลายมาเป็นตัวโจ๊กของเรื่องเสียเอง
หนังเป็นผลงานของช่องสตรีม Netflix ผลที่ได้ก็กลางๆนะ ไม่ดีไม่แย่ หากอยากจะดูหนังในแนวเดียวกันนี้ เอาจริงยังมีเรื่องอื่นๆที่สนุกกว่าให้ดูนั่นแหละ แต่สำหรับคนที่ชอบหนังแนวไฮสคูลเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็คงไม่รู้สึกผิดหวังอะไรนักหรอก เพราะอย่างน้อยก็มีหนุ่มหล่ออย่าง โนอาห์ ฟินน์ มาเซอร์วิสสาวๆ กับแฟนตาซีสาวน้อยเปิ่นๆคนชายขอบของโรงเรียนที่บังเอิญ มีหนุ่มหล่อสุดฮอตมาตกหลุมรักให้คอหนังแนวนี้ได้ฟินอยู่เหมือนกัน
สรุป
The Kissing Booth (2018) เป็นหนัง โรแมนติก คอมเมดี้ ไฮสคูล ที่ทำได้ตามมาตรฐานนะ ยังดูเพลินสนุก ตอบโจทย์ความบันเทิงได้ แม้จะยังไม่ถึงขั้นน่าประทับใจก็ตามที