รีวิว Sector 7
สวัสดีจ้าวันนี้แอดจะมารีวิวหนังเกาหลีเรื่องนี้ถือเป็นแนวสยองลุ้นระทึกที่ว่าด้วยสิ่งมีชีวิตลึกลับไล่ทำร้ายมนุษย์ในพื้นที่ปิดตายครับ โดยเหตุไปเกิดที่แท่นขุดเจาะน้ำมันกลางทะเล เขตเซ็คเตอร์ 7 ซึ่งเรื่องราวก็คงพอเดากันได้นะครับ ตอนแรกๆ หนังก็จะปูพื้นให้เราได้รู้จักกับตัวละครหลักๆ อย่าง แฮจุน (ฮา จีวอน) สาวแกร่งผู้มุ่งมั่นที่ต้องการจะเดินหน้าขุดเจาะหาแหล่งน้ำมันต่อไป แม้ทางบริษัทต้นสังกัดจะมีคำสั่งให้ระงับการขุดมาก็ตาม
แล้วพอเข้าครึ่งหลังหนังก็จะเริ่มโปรยความสยองทีละนิด วางปมทีละน้อยให้เราสงสัยว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นที่นี่กันแน่ แต่เราก็คงเดาได้ไม่ยากล่ะครับว่าที่นั่นต้องกำลังมีตัวประหลาดสุดโหดเดินเพ่นพ่านอยู่ แล้วมันก็ต้องไล่ฆ่าพวกคนงานทีละคนก่อนที่สุดท้ายตัวเอกจะหาทางเอาชนะเล่นงานมัน
ครึ่งแรกของหนังมาสไตล์ The Thing ครับ ค่อยๆ แนะนำตัวละคร แล้วก็เติมบรรยากาศไม่น่าไว้วางใจลงไป ก่อนที่ครึ่งหลังจะเข้าสู่การบู๊กับสัตว์ร้ายในสไตล์ Alien ซึ่งถ้าดูแบบไม่คิดมากอะไรมันก็พอตื่นเต้นบ้าง ฉากสยองก็พอประมาณ แต่ไม่ถึงกับแหวะรุนแรงจนเกินไป รีวิวหนังผีฝรั่ง
สำหรับ Sector 7 แล้วหากพูดกันในฐานะหนังสัตว์ประหลาดเขมือบคน หนังอาจจะไม่ได้โดดเด่นอะไรนักครับ ยกเว้นงาน Effect ที่ทำได้เนี๊ยบดี โดยเฉพาะฉากใต้น้ำที่ดูสวยและลึกลับไปในเวลาเดียวกัน ส่วนเจ้าตัวสัตว์ประหลาดก็ดูแหวะแหยงไม่เลว เพียงแต่ถ้าใครดูหนังแนวนี้มาบ่อยแล้ว ก็จะเดาทางได้ครับ มันไม่ได้สดใหม่น่าสนใจแบบ The Host ทำให้ตอนดูจบก็ไม่ได้รู้สึกอะไรนัก จบแล้วจบกัน ไม่ได้มีอะไรติดตรึงในความทรงจำ
แต่อย่างน้อยด้านดาราก็วางใจได้ครับ ยอมรับว่าดาราเกาหลีแสดงหนังได้โอเคกันในระดับหนึ่งทั้งตัวนำและบทสมทบ อย่างนางเอกของเรื่อง ฮา จีวอนก็ดูแกร่ง เหมาะกับบท ตอนแสดงอารมณ์ก็ไม่ต้องห่วงล่ะครับ ขานี้เล่นได้ถึง น้ำตาสั่งได้ รอยยิ้มก็ดูจริงใจสื่อตามอารมณ์ได้กำลังดี ในขณะที่คนอื่นๆ ก็เล่นได้ดีตามที่บทอำนวยน่ะครับ
เหมาะสำหรับคอหนังแนวนี้น่ะครับ ดูได้แบบไม่คิดมาก ตื่นเต้นบ้าง สยองบ้าง แต่ถ้าจะไม่ดูก็ไม่เสียหายอีกเช่นกัน เพราะมันก็ออกสไตล์เดิมๆ เหมือน Alien น่ะครับ ถ้าจะให้แนะนำคงต้องบอกว่าแว่บไปดู Alien 2 ภาคแรกอีกสักรอบน่าจะตอบสนองความมันส์และความสยองได้ถึงใจกว่ากันเยอะ
การเขียนถึงหนังแนวนี้ก็ยากหน่อยครับ เพราะบอกคร่าวๆ ได้ว่าน่าดูหรือไม่ แต่ถ้าให้ว่ากันลึกๆ ก็ต้องแล้วแต่จริตความชอบของแต่ละคน บางคนขอให้เป็นหนังตัวกินคนล่ะก็เป็นอันดูได้หมด ดูเพลินหมด แต่กับบางคนถ้าหนังไม่ถึงระดับยอดเยี่ยมจริงๆ ก็จะเฉยๆ หรือไม่ก็ดูแล้วออกมาบ่นแทน ผมเลยไม่อยากจะฟันธงว่าหนังสนุกหรือไม่น่ะครับ แต่หากเป็นความเห็นส่วนตัวล่ะก็ คงต้องบอกว่าหนังออกมาธรรมดา จะมามีดีในคิดถึงก็ตรงฉากใต้น้ำกับฉากดราม่าเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งอันนี้หนังสัญชาติเกาหลีมักทำได้ดีอยู่แล้วครับ
นึกไปนึกมาก็ชอบฉากสุดท้ายที่หนังฉายให้เห็น “ตัวอักษรที่จารึกอยู่ในแท่นใต้น้ำ” น่ะครับ ประมาณว่าในเรื่องตัวละครส่วนมากก็จะต้องใส่ชุดประดาน้ำลงไปทำงานใต้ทะเลลึก ทีนี้ระหว่างทำก็อาจเบื่อหรือเหงาขึ้นมาได้ เลยมีการขีดๆ เขียนๆ จารึกตัวอักษรเพื่อระบายความรู้สึกฝากไว้ใต้ทะเลนั่น ฉากที่หนังฉายให้เห็นนี่ถือเป็นฉากที่ทำได้อารมณ์ที่สุดฉากหนึ่งเลยล่ะครับ
และประเด็นที่จัดว่าขาดไม่ได้สำหรับหนังแนวนี้ก็คือ การสะท้อน (ปนเสียดสี) มนุษย์ที่พยายามจะควบคุมธรรมชาติ หรือทำการทดลองต่างๆ นานาโดยไม่คำนึงถึงผลเสียที่อาจจะเกิดตามมา…
ไปๆ มาๆ สิ่งที่ผมชอบในหนังสยองเรื่องนี้กลับเป็นประเด็นดราม่าแฮะ
รีวิว Sector 7
ทะเล.. เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจในฝันสำหรับหลายคน แต่ในขณะเดียวกันสำหรับคนที่อยู่ห่างไกลจากชายฝั่ง ทะเลก็อาจจะเหมือนกับคุกที่คุมขังพวกเขาเอาไว้ ทำให้ไม่สามารถออกไปที่ไหนได้เช่นกัน
บทความในวันนี้จะขอพาคุณผู้อ่านไปรู้จักกับหนังสยองขวัญ Sector 7 สัตว์นรก 20,000 โยชน์ จากประเทศเกาหลีใต้ ว่าหนังเรื่องนี้จะมีความน่าสนใจน่าดูเพียงใด!? ถ้าหากใครอยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติมแบบไม่ต้องกลัวว่าจะถูกสปอยเนื้อหา ลองมาอ่านรีวิวจากบทความชิ้นนี้กันได้เลย
หนังสยองขวัญ Sector 7 สัตว์นรก 20,000 โยชน์ เป็นเรื่องราวของทีมนักขุดเจาะน้ำมันแห่ง Sector 7 ที่พยายามหาน้ำมันบ่อใหม่ในคาบสมุทรเกาหลีมาอย่างยาวนาน ในขณะที่ทุกคนกำลังเหนื่อยล้าและสิ้นหวังกับความพยายามที่ดูเหมือนจะเสียเปล่า ตอนนั้นเองที่พวกเขาพบว่ามีบางสิ่งที่แสนอันตรายซ่อนตัวอยู่บนแท่นขุดเจาะน้ำมันกับพวกเขา ที่ถูกคุมขังเอาไว้ด้วยนรกน้ำเค็มทั้งสี่ด้าน ที่ไม่สามารถหนีออกไปได้
ประเภท : สยองขวัญ / แอคชัน / วิทยาศาสตร์
ปีที่ฉาย : 2011
เวลา : 1.52 ชั่วโมง
IMDb: 4.6 /10
ความรู้สึกหลังดู
สิ่งเดียวที่เป็นจุดเด่นของหนังสยองขวัญ Sector 7 สัตว์นรก 20,000 โยชน์ คือ มุมกล้องในการถ่ายทำที่ทำออกมาได้ดีในระดับของหนังฟอร์มยักษ์ กับการคุมโทนสีของภาพยนตร์ได้อย่างเสมอต้นเสมอปลายจนจบ
ในส่วนของ CGI ถือว่าทำออกมาได้ในระดับมาตรฐานของหนังเกาหลียุคเดียวกัน แต่คำว่ามาตรฐานก็ค่อนข้างไปในทางต่ำจนเกือบจะกลายเป็นหนังเกรด B
พูดแบบไม่อวย หนังสยองขวัญ Sector 7 สัตว์นรก 20,000 โยชน์ เต็มไปด้วยคำถาม + คำถาม มากกว่าที่จะให้คำตอบกับผู้ชม ถึงแม้ว่าจะมีการพยายามอธิบายความสยองทั้งหมดที่เกิดขึ้นมาก็ตาม แต่เอาจริง ๆ มันก็แทบไม่ได้อธิบายอะไรอย่างชัดเจน ทำให้เส้นเรื่องพันเป็นปมกันอย่างยุ่งเหยิงไปจนถึงตอนจบอย่างน่าเสียดาย
พลังในการแสดงเองก็ถือว่าเกือบจะต่ำกว่ามาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็นการแสดงอารมณ์ สีหน้าและแววตา ไม่สามารถสร้างความรู้สึกร่วมให้กับตัวละครเลย ถึงแม้จะมีการพยายามสร้างความซับซ้อนของเรื่องราวและความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครบ้าง แต่มันก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้รู้สึกอยากเอาใจช่วยตัวละครเลยสักนิด แถมยังทำให้รู้สึกขัดตาขัดใจชวนให้ตลกเสียด้วยซ้ำไป
สำหรับผู้เขียน ขอพูดถึงหนังสยองขวัญ Sector 7 สัตว์นรก 20,000 โยชน์ แบบสั้น ๆ ว่า ตัวหนังโดยรวมทั้งหมดค่อนข้าง “น่าเบื่อ” ไม่มีส่วนใดเลยที่ดึงดูดความสนใจในการรับชมได้ทั้งเนื้อหา นักแสดง หรือ CGI ดังนั้น ถ้าหากไม่สิ้นหนทาง ไม่มีหนังดูจริง ๆ ขอแนะนำให้ “ข้าม” ไปชมเรื่องอื่นก่อนจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นอาจจะรู้สึกเสียเวลาในการรับชมหนังเรื่องนี้ไปเกือบ 2 ชั่วโมง แบบสุดหาวกันเลยทีเดียว
Sector 7 กำกับการแสดงโดยผู้กำกับชาวเกาหลี จี ฮุน คิม ที่ในผลงานเก่าๆของเขาจะเห็นได้ว่าเคยกำกับแต่หนังประเภท คอมเมดี้ และ ดราม่า เพราะฉะนั้นใน Sector 7 จึงเป็นผลงานหนังแอ็คชั่น สยองขวัญ เรื่องแรกของผู้กำกับเลยก็ว่าได้ แถมเป็นเรื่องแรกที่ต้องระดมทุนสร้างมโหฬารไปกับ CG ของเกาหลีที่กำลังคืบหน้าอยู่ด้วย ซึ่ง Sector 7 เปิดตัวหนังด้วยการปูบทแสนยาวนาน ก่อนที่จะเจอสัตว์ประหลาดที่สร้างความตื่นเต้นให้ได้ไม่น้อย ฟังดูผิวเผินเนื้อเรื่องก็ถือได้ว่าน่าสนใจในระดับหนึ่ง พร้อมกับความเป็น 3D ด้วยแล้ว ซึ่งสิ่งแรกที่ต้องขอชมกับหนังสัตว์ประหลาดเกาหลีเรื่องนี้เลยคือ ด้านของฉากแอ็คชั่น ของหนัง ที่ถึงแม้จะยึดเอาคติที่ว่า ‘ตัวเอกเก่งเว่อร์’ ไว้เยอะพอสมควร แต่นั้นก็ไม่ได้ลดความมันส์ของฉากแอ็คชั่นในหนังเลยก็ได้แหละครับ
เพราะเรียกได้ว่าแต่ละฉากแอ็คชั่นถือว่าหนังมีคิวบู๊ และ รักษาสไตล์ฉากแอ็คชั่นเน้นเท่ของหนังไว้ได้ครบถ้วน แถมแต่ละฉากนี้ก็จงใจให้มันออกมาในรูปแบบทะลุจอเยอะใช้ได้ด้วยเช่นกัน พร้อมกับหนังถือว่ามีประเด็นแอบกัดจิก ประเทศตัวเองอย่าง เกาหลี ในด้านของการขุดเจาะน้ำมัน ได้ออกมาพอเหมาะพอเจาะเช่นเดียวกัน และอย่างสุดท้ายคือด้าน CG สัตว์ประหลาดของหนังที่ใน Sector 7 ต้องขอชมว่าสามารถดีไซน์รูปแบบตัวสัตว์ประหลาดออกมาได้ดูดี และ น่าเกรงขามกว่า The Host แต่น่าเสียดายที่มองด้านเนื้อเรื่องและองค์ประกอบหลายๆอย่างแล้วหนังกลับเทียบไม่ติดเลยก็ว่าได้กับ The Host ครับ
เพราะว่าสิ่งแรกที่โดยส่วนตัวรู้สึกไม่ชอบกับ Sector 7 เลยคือหนังทั้งเรื่องนั้นมีสัตว์ประหลาดอยู่เพียงตัวเดียวเท่านั้น แถมไอ้สัตว์ประหลาดตัวเดียวนั้น ก็เรียกได้ว่าหนังเหนียว และ ตายยาก สรุปคือ สัตว์ประหลาดตัวนี้แหละ คือตัวที่นางเอกต้องสู้ด้วยทั้งเรื่อง เพราะฉะนั้นความตายยากของมันนั้นเอง มันทำให้บ่นในใจตลอดเวลาว่า ‘เมื่อไหร่จะตาย’ เพราะถ้าในตอนแรกที่เห็นก็ต้องยอมรับว่าน่าตื่นเต้นทีเดียว แต่พอเล่นเข้าเยอะไป เยอะไป มันก็จะกลายเป็นความจำเจและน่าเบื่อ แถมการเล่นเดินตามสูตรหนังฮอลลีวู้ดเกือบแทบทุกองค์ประกอบจึงทำให้ทั้งด้านเนื้อเรื่อง
โดยเฉพาะการปูบทในช่วงต้นเรื่องของหนังที่เรียกได้ว่าไม่ได้เพิ่มความอยากรู้อยากเห็น หรือเป็นประเด็นอะไรให้หนังในช่วงท้ายเลยสักนิด ซึ่งถ้าเอาง่ายๆคือ ถ้าเกิดใครเคยติดใจหนังสัตว์ประหลาดเกาหลีอย่าง The Host แล้วคิดว่า Sector 7 จะเป็นหนังที่ทำได้ดีทั้งดราม่า และ ฉากแอ็คชั่นแบบหนังเรื่องนั้นก็ขอให้คิดใหม่ เพราะ Sector 7 มีความแตกต่างโดยสิ้นเชิงจาก The Host ตั้งแต่ความเก่งเว่อร์ของตัวเอก และสัตว์ประหลาดของหนัง ที่หนังเหนียวเกินเหตุ จนอาจจะทำให้หลายคนเบื่อได้ แต่ถ้าใครอยากรู้ว่าระบบ 3D ของหนังสัตว์ประหลาดเรื่องนี้ทำดีแค่ไหนก็ติดตามกันได้ในโรงภาพยนตร์ครับ
สรุปแล้ว Sector 7 ถือว่าเป็นหนังสัตว์ประหลาดเกาหลี ที่สามารถตอบโจทย์ด้านความมันส์ของฉากแอ็คชั่นให้กับคอแอ็คชั่นได้อย่างแน่นอน แต่อย่าเอาไปเทียบกับ The Host เชียวเพราะว่ามันต่างกันฟ้ากับเหว ไม่ว่าจะเป็นประเด็นพยายามดราม่าของหนัง หรือด้านอิงความสมจริงของตัวละครก็ตามทีครับ