รีวิว Gladiator (2000)
สวัสดีจ้าแอดมารีวิวสุดยอดหนัง Epic อลังการงานสร้าง ถ่ายทอดเรื่องราวได้ยิ่งใหญ่ เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังการแสดง สมศักดิ์ศรีที่มีรางวัลมาประดับเต็มตัว
เรื่องย่อ
แม็กซิมัส เดคิมัส เมริดัส นายพลแห่งกองทัพโรมันที่มีผลงานเด่นชัดในการขยายอาณาจักร จนเป็นที่โปรดปรานของจักรพรรดิ ซีซาร์ มาคัส ออรีรุส ในทางเดียวกันแม็กซิมัสก็เคารพนับถือเขาเปรียบเสมือนเป็นพ่อของเขาเช่นกัน จนกระทั่งวันนึง คอมโมดุส ลูกชายแท้ๆ ที่เหลวแหลกของซีซาร์
เกิดทราบข่าวว่า พ่อของเขามีแผนจะให้ แม็กซิมัส เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งจักรพรรดิแทน นั่นเลยเป็นชนวนเหตุให้ คอมโมดุส ฆ่าพ่อตัวเอง และโยนความผิดให้กับ แม็กซิมัส จนทำให้ครอบครัวของเขาถูกสังหารโหด ตัวเขาเองก็ถูกจับเป็นทาส จนได้ผันตัวเองสู่นักสู้ในโคลอสเซียม ที่มีเป้าหมายในการเอาชีวิตรอดออกไปเพื่อล้างแค้นให้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
หนังย้อนยุคโคตร Epic แห่งศตวรรษที่ 20 อันทรงคุณค่า และเป็นที่รักของใครหลายๆ คนมาจนถึงทุกวันนี้ ทั้งด้านรายได้ที่กวาดจากทั่วโลกไปถึง 465 ล้านเหรียญ และเข้าชิงรางวัลออสการ์เยอะเป็นประวัติการณ์ถึง 12 สาขา จนคว้ามาได้ถึง 5 สาขา รวมถึงรางวัลใหญ่อย่างภาพยนตร์ยอดเยี่ยมด้วย
และนอกจากนี้หนังก็ยังมีฉบับ Extended Edition ออกมาให้แฟนๆ หนังเรื่องได้เต็มอิ่มกันมากขึ้นกับรายละเอียดสุดเข้มข้นที่เพิ่มขึ้นมา ซึ่งส่วนนึงที่ทำให้ตัวหนังสร้างความโดดเด่นเป็นอย่างมากในยุคนั้น ก็คือความอลังการงานสร้างในการเนรมิตฉากโคลอสเซียม สนามประลองนักสู้ Gladiator ได้ชวนอ้าปากค้าง
เพราะมันทำออกมาได้ยิ่งใหญ่และดูสมจริงมากกว่าหนังเรื่องอื่นๆ ที่สร้างมาในยุคนั้นจริงๆ
การคืนชีพของกรุงโรมขึ้นมาใหม่นั้น ไม่เพียงแต่ช่วยสร้างความยิ่งใหญ่อลังการไปในฉากหลังของเรื่องราวเท่านั้น เพราะเมื่อใส่ฉากแอคชั่นต่างๆ ลงไปด้วย มันเลยเพิ่มความสมจริงให้รู้สึก โหด ดิบ มันส์ ชวนลุ้นได้ในแต่ละฉากที่ถูกดีไซน์ออกมาเป็นอย่างดี ทั้งฉากดวล 1-1 ทั้งฉากรถม้า หรือการใส่เสือเข้ามาในการต่อสู้
จนทำให้การฉากต่อสู้ค่อยๆ ยกระดับได้เดือดขึ้นไปถึงจุดพีคในช่วงท้าย พอไปประกอบกับดนตรีของ จอห์น วิลเลียมส์ ที่สร้างมนต์ขลังมาแล้วให้หนังหลายต่อหลายเรื่อง ก็ยิ่งปลุกเร้าอารมณ์ร่วมที่ทำเอาคนดูต้องลุ้นไปกับหนังจนแทบลืมหายใจ
การเลือกนักแสดงมาเป็นอีกส่วนที่ช่วยผลักดันให้หนังมาได้ไกลมาก ทั้งตัว รัสเซล โครว์ เองที่ดึงพลังการแสดงออกมาเล่นได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นส่วนของพาร์ทแอคชั่น หรือดราม่า หรือรีดอารมณ์ออกมาได้อย่างเข้มข้นจนนำไปสู่ฉากสุดท้ายที่แสนทรงพลังและเป็นที่น่าจดจำอย่างยิ่ง
จนสามารถคว้ารางวัลออสการ์สาขานำชายมาได้อย่างไม่แปลกใจ ในส่วนดาราคนอื่นๆ เองก็เสริมพลังกันไม่แพ้กัน ทั้งวายร้ายที่คนดูเกลียดสุดๆ อย่าง วาคีน ฟินิกซ์ ก็ดูชั่วได้ใจคนดูมาก เชือดเฉือนกับตัวเอกได้อย่างสนุก และทำให้หลายๆ คนไม่ไว้ใจในอารมณ์ที่รุนแรงของเขา ส่งผลให้ดาราหลายๆ
คนต่างก็ขึ้นมาแถวหน้าของฮอลลีวู้ดได้หลังจากหนังเรื่องนี้เลย ด้วยองค์ประกอบที่ดีงามทั้งหมดนี้ก็ไม่แปลกใจนัก หาก Gladiator ยังคงเป็นหนังที่ยังมีคนหยิบมาดูได้อย่างซ้ำๆ และสนุกไปกับมันได้ถึงทุกวันนี้ จนสามารถนับเป็นหนังคลาสสิคของยุค 90s ได้อีกเรื่องเลย
เป็นหนังที่เพียบพร้อมคุณค่าทั้งสาระบันเทิงอีกเรื่อง ที่ยังอยู่ในใจผู้ชมตลอดมา แม้ว่าวันนี้จะมีอายุครบ 20 ปีแล้วก็ตาม หนังประสบความสำเร็จในทุก ๆ ด้านด้านเสียงตอบรับจากนักวิจารณ์หนังได้คะแนนใน Rottentomatoes.com สูงถึง 76%ด้านรางวัลหนังเข้าชิงออสการ์แบบเป็นประวัติการณ์ มากถึง 12 รางวัล แต่ก็คว้ามาได้ 5 รางวัล
ซึ่งรวมไปถึงรางวัลใหญ่อย่าง ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมด้านรายได้ หนังใช้ทุนสร้างไป 103 ล้านเหรียญ ถ้าเทียบอัตรเงินเฟ้อในปีนี้ก็เท่ากับ 154 ล้านเหรียญ กวาดรายได้ทั่วโลกไปถึง 460 ล้านเหรียญ เทียบอัตราเงินเฟ้อปีนี้ก็เท่ากับ 691 ล้านเหรียญ เป็นตัวเลขที่สตูดิโอเจ้าของหนังยิ้มแป้นได้เลย
จากความสำเร็จอย่างท่วมท้น ทำให้ รัสเซล โครว์ กลายเป็นนักแสดงคู่ขวัญของผู้กำกับ ริดลีย์ สกอตต์ เนื่องจากถูกคอกันดีทำงานกันได้เข้าขา ทำให้มีหนังของคู่นี้ออกมาต่อเนื่องถึง 5 เรื่อง Gladiator (2000), A Good Year (2006); American Gangster (2007); Body of Lies (2008) และ Robin Hood (2010) แต่เรื่องถัดไปก็ไม่มีเรื่องใดประสบความสำเร็จได้เท่ากับ Gladiator อีกเลย
เป็นเรื่องที่น่าแปลกอย่างหนึ่งที่ว่า ปกติวิสัยของฮอลลีวูดแล้ว หนังที่ประสบความสำเร็จถึงเพียงนี้ เราจะต้องได้เห็นสตูดิโอรีบเข็นภาคต่อออกมาภายในระยะเวลาไม่กี่ปีให้หลัง แต่กับ Gldiator แล้ว กว่าสตูดิโอจะประกาศสร้าง Gladiator 2 ก็เมื่อปี 2018 นี่เอง แต่เหตุด้วย Gladiator ได้จบไปอย่างสวยงามแล้วในภาคแรก
ตัวละครหลักตายกันหมดแล้ว พลอตของภาค 2 เลยต้องเขียนให้กระโดดข้ามไปอีก 25 ปีข้างหน้า แล้วเล่าเรื่องราวของ ลูเซียส ลูกชายของ ลูซิลลา บทของ คอนนี นิลเซ็น ในภาคแรก ที่เป็นหลายชายของ คอมโมดดัส บทของ วาคีน ฟินิกซ์ ซึ่ง ลูเซียส เป็นเด็กชายที่ชื่นชมในตัว แม็กซิมัส เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงเติบโตขึ้นมาโดยมี แม็กซิมัส เป็นแบบอย่างและแรงบันดาลใจ
รีวิว Gladiator (2000)
โพรเจกต์ภาคต่อนี้มีเพียง ริดลีย์ สก็อตต์ ผู้กำกับคนเดียวเท่านั้นที่กลับมารับหน้าที่ ส่วนมือเขียนบทในภาคนี้ได้ ปีเตอร์ เครก มารับหน้าที่ ปีเตอร์ ขึ้นแท่นมือเขียนบทที่ฮอลลีวูดต้องการตัว เพราะผลงานที่ผ่านมาอย่าง The Hunger Games: Mockingjay – Part 1 และ 2 ก็ประสบความสำเร็จดี แล้วยังตอกย้ำด้วย Bad Boys for Life ที่กวาดรายได้ไปถล่มทลาย แถมยังมี Top Gun: Maverick จ่อคิวฉายอีกเรื่อง
แต่หลังจากที่มีข่าวว่า ปีเตอร์ เครก มารับผิดชอบบทภาพยนตร์ Gladiator 2 ตั้งแต่ปี 2018 มานั้น จนถึงบัดดนี้ก็ยังไม่มีข่าวคราวความคืบหน้าอีกเลย ก็หวังว่าสตูดิโอจะรีบเดินหน้าให้ได้เปิดกล้องในเร็ววัน เพราะว่าตอนนี้ ริดลีย์ สกอตต์ ก็ปาเข้าไป 83 ปีแล้ว แกจะยังมีเรี่ยวแรงกำกับหนังแอ็กชันคนตีกันได้ไหวอีกหรือไม่
ถึงตรงนี้เรามาย้อนอดีตความสำเร็จของ Gladiator กันด้วย 20 เกร็ดน่ารู้จากหนังที่หลายคนน่าจะยังไม่เคยรู้กันมาก่อน เชื่อว่าหลาย ๆ ข้อ น่าจะอ่านแล้วต้องชวนให้หยิบหนังมาเปิดดูกันอีกสักรอบเป็นแน่
ในฉากที่แม็กซิมัส ต้องต่อสู้กับ ไทกริส แห่งกอล ในสนามที่ล้อมรอบด้วยเสือ 5 ตัวนั้น เป็นการดัดแปลงบทภายหลัง เพื่อในบทดั้งเดิมนั้นฉากนี้จะใช้ “แรด” เข้าแาก แต่ว่าถ่ายทำได้ยากไม่ว่าจะเป็นการฝึกแรด ที่แทบเป็นไปไม่ได้เลย หรือถ้ามาใช้ซีจี ก็งบประมาณบานปลายอีก
จึงเปลี่ยนมาให้แม็กซิมัสต่อสู้กับเสือแทน การถ่ายทำฉากนี้ใช้เสือจริงเข้าฉาก แม้ว่าจะเป็นเสือโคร่งที่ฝึกมาจนเชื่องแล้ว แต่ทีมงานก็ไม่ชะล่าใจ ได้เตรียมพร้อมป้องกันด้วยการให้สัตวแพทย์ประจำการพร้อมลูกดอกยาสลบ เพื่อไว้ในกรณีฉุกเฉิน ตัวรัสเซล โครว์ เองก็ต้องรักษาระยะห่างจากเสือไว้ 4-5 เมตร ตลอดการถ่ายทำ
รัสเซล โครว์ ไม่ใช่ตัวเลือกแรกที่จะมารับบทเป็น แม็กซิมัส ตัวเลือกแรกที่จริงแล้วคือ เม็ล กิ๊บสัน ในวันที่ถ่ายทำนั้น เม็ล อายุ 43 ปีแล้ว ซึ่งเขาก็ปฏิเสธไปด้วยเหตุผลที่ว่า ตัวเขาเองอายุเกินจากบทไปมากแล้ว ตัวเลือกต่อมาคือ แอนโตนิโอ แบนเดราส และ ฮิวจ์ แจ็กแมน แต่สุดท้ายก็มาจบที่ รัสเซล โครว์ ซึ่งอายุ 36 ปี ในวันนั้น
ความรู้สึกหลังดู
อีกหนึ่งหนังอีพิคย้อนยุค-สงคราม ที่น่าจะขึ้นแท่นความคลาสสิคหรือไม่ก็เป็นหนังแนวอีพิคโรมันเรื่องต้นๆ ที่ใครก็น่าจะพูดถึงกันจากฝีมือการกำกับอันเชี่ยวกรากของริดลี่ย์ สก็อต (Alien, Blade runner) เรื่องนี้ ความโดดเด่นอย่างแรกที่อยากพูดถึงการสร้างสรรค์เนรมิตสนามประลองแกลดิเอเตอร์อย่างโคลอสเซียมที่ยิ่งใหญ่ตระการตา
ทำออกมาได้สมจริงตามยุคสมัยในช่วงนั้นมาก ฉากการสงครามในช่วงต้นเรื่อง งานด้านภาพ มุมกล้อง ที่ช่วยสร้างอารมณ์ร่วมได้เป็นอย่างดี ดนตรีฝีมือการประพันธ์ของจอห์น วิลเลี่ยมส์ ก็ยอดเยี่ยมมาก แต่ละซาวด์แทรคเข้ากับหนังมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
จำนวนฉากการประลองโหดในสนามโคลอสเซียมต่างๆ มีทั้งความตื่นเต้น โหดดิบเถื่อน มันส์สะใจมาก เป็นหนังอีกเรื่องเลยครับที่ช่วงเล่าเรื่องก็จะน่าติดตาม มีปมประเด็นที่ชวนสะเทือนใจและน่าเอาใจช่วย ช่วงแอ๊คชั่น ฉากสงคราม ฉากต่อสู้ก็ทำออกมาได้มันส์สะเด่า ชนิดแบบเดือดทุกมุมมอง
คือหนังอีพิคของริดรีย์เรื่องนี้ไม่ใช่ในแนวทางของความเป็นแอ๊คชั่นเน้นการรบ การต่อสู้ที่มโหฬารและเร้าใจด้วยงานด้านภาพและเสียงที่จัดเต็มชุดใหญ่อะไรขนาดนั้นนะครับ .แต่นี่เป็นหนังที่โดยรวมเล่าถึงการแก่งแย่งชิงอำนาจของลูกชายกษัตริย์ที่แม้ไม่มีคุณสมบัติในการเป็นเจ้าปกครองเมืองให้ประชาชนนับถือ
แต่สุดท้ายก็ได้ตำแหน่งนั้นมาโดยมิชอบ ซึ่งนั้นก็เลยต้องมีพระเอกออกมาปราบทรราชและแก้แค้นคืนกันครับ ซึ่งนับว่าในส่วนเรื่องราวมีความน่าติดตาม เข้มข้นและชวนสะเทือนใจไม่น้อยครับ นับเป็นหนังอีพิคที่ดีทั้งบทภาพยนตร์และความบันเทิง ความมันส์ที่หนังอีพิคโรมันย้อนยุค สักเรื่องหนึ่งจะมีได้
เว็บหนัง
มีดราม่าในกองถ่ายระหว่าง รัสเซล โครว์ กับผู้เขียนบทภาพยนตร์ วิลเลียม นิโคลสัน เหตุจาก รัสเซล โครว์ ไม่พอใจบทพูดจากฝีมือของวิลเลียม นิโคลสัน รัสเซล จึงเอาบทพูดไปปรับแก้ใหม่ที่เขาคิดว่าเหมาะกับบทของเขามากกว่า และหลาย ๆ ครั้งที่รัสเซล โครว์ ด้นสดในบางฉาก
อ้างถึงบทพูดดัง “And I will have my vengeance, in this life or the next” เป็นประโยคที่รัสเซล โครว์ ไม่ชอบเอาเลย เขาถึงออกปากตำหนิ วิลเลียม นิโคลสัน “บทพูดของคุณมันขยะชัด ๆ แต่ผมน่ะเป็นนักแสดงระดับโลก เดี๋ยวผมจะทำให้ดูว่าผมสามารถพูดบทห่วย ๆ ของคุณให้ฟังดูดีขึ้นเอง”
อาจจะเพราะประโยคนี้มันไม่สามารถด้นหรือปรับแต่งให้ดีกว่านี้แล้วก็ได้ ทำให้รัสเซล โครว์ ต้องพูดไปตามบทเป๊ะ ๆ วิลเลียม นิโคลสัน ก็น่ารักที่ไม่ตอบโต้อะไรเลย เขาเพียงแต่น้อมรับ “จากที่รัสเซลว่ามา บทพูดผมอาจจะห่วยจริง ๆ ก็ได้นะ” แต่แล้วบทภาพยนตร์ Gladiator ฝีมือของ วิลเลียม นิโคลสัน ก็ได้เข้าชิงออสการ์ในปีนั้น เขาเคยได้เข้าชิงออสการ์ในสาขาบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมมาแล้วจาก Shadowlands (1993)
รัสเซล โครว์ นี่โจทก์เยอะจริง โอลิเวอร์ รีด ไม่ชอบขี้หน้าเขาทันทีที่แรกเห็น ถึงขนาดเคยออกปากท้าต่อยกับรัสเซล โครว์ มาแล้ว แต่ก็มีทั้งคนรักคนเกลียดนะ รัสเซล โครว์ ถูกคอกับ ริชาร์ด แฮร์ริส นักแสดงอาวุโสผู้รับบท ซีซาร์ เขาเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เรื่องนี้
สรุปแล้ว Gladiator เป็นหนังแนวอีพิคย้อนยุคเรื่องยิ่งใหญ่อีกเรื่องที่คู่ควรแก่การชม ไม่น่าเชื่อนะครับว่าอายุอานามของหนังเรื่องนี้ ปาเข้าไป 17 ปีแล้วแต่ด้วยความที่หนังนั้น ยอดเยี่ยมทั้งในเชิงของบทภาพยนตร์ การเล่าเรื่อง การดำเนินเรื่อง
เข้มข้นตามแบบฉบับการแย่งชิงอำนาจในบัลลังก์ บวกด้วยความเร้าอารมณ์ ความมันส์สะใจและโหดดิบจากฉากการต่อสู้ จึงทำให้หนังเรื่องนี้มีดีทั้งเนื้อหาและความสนุกก็ครบครันครับ