รีวิว Forrest Gump (1994)
โดยเรื่องนี้เป็นเรื่องชีวิตของชายคนหนึ่งที่ชื่อฟอร์เรส กัมป์ เขาได้เล่าเรื่องชีวิตของเขาให้กับผู้ที่นั่งรอรถโดยสารพร้อมกับเขา ซึ่งเรื่องที่เขาเล่านั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวเขาตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบัน เช่น เรื่องของแม่ รักครั้งแรก การออกรบที่เวียดนาม เป็นต้น และเรื่องนี้ยังทำให้นักแสดงนำอย่างทอม แฮงส์ได้รับรางวัลออสการ์ สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในปีค.ศ.1994
ฉากประทับใจของเราในหนังเรื่องนี้คือ ฉากที่ฟอเรสวิ่งหนีพวกอันธพาลที่จะมารังแกเขา ้วก็มีเจนนี่ตะโกนตามหลังมาว่า “Run Forrest,Run.” ซึ่งฉากนี้ถือเป็นฉากอันโด่งดังที่ทุกคนรู้จักกันดี จนถึงขนาดนำไปสร้างเป็นเกมเลย
พอเราดูหนังเรื่องจนจบ มันไม่ใช่ได้แค่ความสนุกอย่างเดียว มันยังให้อะไรเรามากมาย เช่นการรู้จักใช้ชีวิตให้คุ้มค่าและมีความหมาย การทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ เป็นต้น และเรื่องยังให้ข้อคิดดีอีกมากมายอย่างเช่น
“ความพยายามไม่เคยทำร้ายใคร” เป็นประโยคที่กล่าวไม่เกินจริงเลย การมีความพยายามเป็นสิ่งที่ดีแน่นอน แม้ว่าวันนี้จะยังไม่เห็นผลลัพธ์จากการกระทำ แต่ในสักวันจะต้องได้เห็นแน่นอน นอกจากความพยายามแล้วความอดทนก็เป็นสำคัญเช่นกัน
หากใครที่เคยความพยายามและอดทนจนเห็นผลก็จะเข้าใจมันอย่างดี แต่หากใครเคยพยายามแล้ว อดทนก็แล้วแต่กลับไม่สำเร็จสักทีก็อาจแปลได้ว่าต้องพยายามมากกว่านี้หรืออดทนให้มากกว่านี้ หากนึกไม่ออกว่าเป็นอย่างไร วันนี้มีตัวอย่างของความพยายามจนบรรลุเป้าหมายจากหนังดังอย่าง Forrest Gump
Forrest Gump(1994) อัจฉริยะปัญญานิ่มเป็นหนังที่ฉายตั้งแต่ 25 ปีที่แล้ว แต่ปัจจุบันนี้ยังคงเป็นที่รู้จักและยังเป็นหนังโปรดปรานของใครหลาย ๆ คน หนังเรื่องนี้มีอะไรน่าสนใจตรงไหน เรามาดูเรื่องย่อกันดีกว่า
Forrest Gump เป็นชื่อของผู้ชายคนหนึ่งที่มีไอคิว 75 ถือว่าน้อยมากจนต้องไปเรียนพร้อมกับเด็กพิเศษ แต่แม่ของกลับทำทุกอย่างจนทำให้เขาได้ไปเรียนในโรงเรียนปกติ ด้วยความที่เขามีไอคิวน้อยจึงทำให้เขาเป็นคนมองโลกในแง่ดีอยู่เสมอ ไม่คิดซับซ้อน ตรงไปตรงมา มีความพยายามมุ่งมั่น และซื่อสัตย์ เขาไม่เคยคิดร้ายกับใคร หรือใครมาคิดร้าย เขาก็ไม่เคยโกรธเกลียดใด ๆ
ฟอร์เรสท์มีรักแรกกับเพื่อนสาวที่ชื่อเจนนี้ ซึ่งเป็นคนที่คอยช่วยเมื่อโดนกลั่นแกล้ง ฟอร์เรสท์จริงใจและชอบเจนนี่มาตลอด จนวันหนึ่งเขาต้องไปเป็นทหารและเข้าร่วมรบในสงครามเวียดนามจนทำให้เขาได้พบกับบับบาและผู้หมวดแดน ซึ่งทั้งสองคนนี้ได้นำความเปลี่ยนแปลงมาให้ฟอร์เรสท์ในที่สุด
ฟอร์เรสท์ได้พบกับบับบาซึ่งเป็นผู้ร่วมรบในสงคราม เขาทั้งสองสนิทกันและเป็นเพื่อนรักกัน บับบามักจะเล่าเรื่องราวของตัวเองให้ฟังเสมอ เล่าเรื่องพ่อแม่ ครอบครัว ตลอดจนความฝันของเขาว่าอยากจะทำอะไรเมื่อได้กลับบ้าน
แต่แล้ววันหนึ่งบับบาได้เสียชีวิตในสงคราม ฟอร์เรสท์เสียใจมาก แต่ได้กำคำสั่งเสียของบับบาเอาไว้และตั้งใจจะสานต่อความฝันของบับบาเอง สำหรับผู้หมวดแดนคนที่เป็นครูฝึกของฟอร์เรสท์ เขาเป็นคนดีแต่กลับต้องมาพิการในสงคราม
ชีวิตของเขาจึงเละเทะไปหมด เขาโกรธฟอร์เรสท์ที่ไปช่วยชีวิตเขาในสงคราม และเขาก็รอวันที่จะแก้แค้น จนวันหนึ่งเขาก็ได้พบกับฟอร์เรสท์ จากที่ตั้งใจจะแก้แค้นแต่ความคิดนั้นกลับหายไปและการมองโลกของเขาที่ไม่เหมือนเดิม
ฉากที่ประทับใจจากเรื่อง เป็นฉากที่ฟอร์เรสท์พยายามที่จะหาบับบาในสงคราม ฟอร์เรสท์ได้วิ่งหนีระเบิดจนรอดออกไป แล้วเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีบับบาเพื่อนรักอีกคนหนึ่ง จึงตั้งใจจะเข้าไปช่วยบับบาออกมาให้ได้
แต่เมื่อเข้าไปก็เจอทหารคนอื่นแล้วทหารนั้นก็ขอความช่วยเหลือ ฟอร์เรสท์จึงช่วยโดยต้องแบกทหารคนนั้นออกมาให้ไกลที่สุด จากนั้นจึงเข้าไปหาบับบาใหม่ และเมื่อเข้าไปก็เจอทหารคนอื่นและเขาก็ขอความช่วยเหลือเหมือนเดิม เขาทำอย่างนี้สิบกว่ารอบจนกว่าจะเจอบับบาสักที ซึ่งก็ทำให้เขาหอบได้เหมือนกัน เป็นฉากที่คิดว่าเขาช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ แบกมาได้
รีวิว Forrest Gump (1994)
สิ่งที่ชอบจากหนังเรื่องนี้คือ ความมองโลกในแง่ดีของฟอร์เรสท์ กัมพ์ เขาเป็นคนดีไม่เคยคิดร้ายกับใคร เขามีความสุขกับชีวิตทุกวัน เขามีความพยายามและมุ่งมั่นในทุก ๆ อย่าง ไม่เคยท้อถอยกับอุปสรรคที่พบเจอ เขาไม่เคยมองข้ามคำแนะนำของใครก็ตามที่มีให้เขา เขาจะฟังและนำมาปฏิบัติใช้จนเกิดผลทุกครั้ง เรื่องนี้สอนให้เราพยายามและอดทน ไม่ท้อถอยไม่ว่าจะผิดหวังกี่ครั้งก็ตาม
หลังจากดูเรื่องนี้จบรู้สึกว่า ฟอร์เรสท์สามารถเป็นแบบอย่างของคนที่ประสบความสำเร็จให้เราได้ เราสามารถเอาพฤติกรรมบางอย่างมาใช้ได้จริง อย่างเช่นการฝึกฝน การทำซ้ำ ๆ จนเก่งและชำนาญ จากเรื่องเขาไม่ใช่คนเก่งแต่เขาชอบฝึกฝน
ฝึกไม่หยุดจนกว่าจะทำได้ การมองโลกในแง่ดีของเขาก็เป็นสิ่งที่เราควรจะนำมาใช้กับตัวเอง เพราะสิ่งนี้จะทำให้เรามีความสุข ไม่ทุกข์ใจเหมือนฟอร์เรสท์ และการเป็นคนใจกว้างของเขาที่ไม่ว่าคนจะชมหรือติเขาก็รับฟังแล้วนำมาปฏิบัติได้ดี ฟอร์เรสท์จึงเป็นแบบอย่างของความสำเร็จที่ทำให้เราเห็นผลลัพธ์ชัดเจน
หมวดหมู่ : Comedy Drama
สัญชาติ : American
กำกับโดย : Robert Zemeckis
ความยาว : 2 ชั่วโมง 22 นาที
นักแสดงนำ : Tom Hanks, Sally Field, Robin Wright
ฟอเรสท์ กัมพ์ ชายที่เกิดมาพร้อมกับไอคิวต่ำ แต่ในช่วงชีวิตของเขากลับได้เดินทางเป็นส่วนหนึ่งของช่วงเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ในประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นสงครามเวียดนาม ภารกิจพิชิตดวงจันทร์ และได้ทำในทุกสิ่งที่ไม่มีใครคิดว่าเขาจะทำได้
แม้ว่าเขาจะเกิดมาด้วยไอคิว 75 แต่นั่นก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เป็นอุปสสรคในการใช้ชีวิตของเขาแต่อย่างใด เพราะวิถีการใช้ชีวิตของเขานั้นกลายมาเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้คนได้มากมาย
สำหรับ Forrest Gump นั้น เป็นหนังที่อยากจะแนะนำให้ทุกคนมีโอกาสได้ดูสักครั้งในชีวิต เพราะนอกจากความบันเทิงที่ได้รับตลอดช่วงเวลา 2 ชั่วโมง 22 นาทีแล้ว ในทุกครั้งที่หยิบมาดู มันยังคงให้แง่คิดการใช้ชีวิตดีๆ กับเราอยู่เสมอ นอกจากนี้เรายังจะได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์และเหตุการณ์ในอดีตที่สำคัญอีกด้วย (แต่ต้องแยกให้ออกนะ ว่าอันไหน
เรื่องจริงอันไหนเรื่องแต่ง 555+) แต่ข้อแนะนำอย่างนึงสำหรับคนรุ่นใหม่ๆ ที่สนใจหนังเรื่องนี้ คือการพอรู้ประวัติศาสตร์อเมริกันช่วงสักยุค 50s ไปจนถึง 80s สักหน่อยก่อน น่าจะทำให้อินและสนุกไปกับหนังได้มากขึ้น และถ้าชอบหนังดีๆ อย่าง Cast Away, The Terminal, Big ของ Tom Hanks อยู่แล้ว เรื่องนี้ก็ควรจะติดอยู่ในลิสท์ของหนัง Tom Hanks ที่ไม่ควรพลาดเช่นกัน
ความรู้สึกหลังดู
ผลงานชั้นเยี่ยมอีกเรื่องในโลกภาพยนตร์ที่ใครๆ ต่างก็หลงรัก กับการนำพาตัวละครไอคิวต่ำจากต้นฉบับนิยายในชื่อเดียวกันของ Winston Groom มาออกท่องโลกในฉบับภาพยนตร์ผ่านประวัติศาสตร์ช่วงสำคัญของอเมริกา พร้อมทั้งเสียดสี สร้างอารมณ์ขันเข้าไปได้อย่างน่าสนใจ และด้วยความเทพของทีม CG ในสมัยนั้นก็ทำให้ Forrest Gump
เข้าไปอยู่ในแต่ละเหตุการณ์ได้ชวนทึ่ง อาทิ ฉากดวลปิงปอง ฉากรับเหรียญกล้าหาญ ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้ ก็ทำออกมาได้เนียนกริบ เหนือกว่าหนังอีกหลายๆ เรื่องในยุคนั้นเลยก็ว่าได้ จนทำให้หนังได้รางวัล Oscars สาขา Best Effects, Visual Effects มาครองแบบสบายๆ กันเลย
เมื่องานโปรดักชั่นและ Visual Effect ที่ดีนำมาประกอบกับการดำเนินเรื่องที่สนุก ก็ยิ่งทำให้สิ่งที่หนังเล่าดูมีน้ำหนัก เพิ่มความน่าสนใจเสมือนว่าตัว Forrest Gump เองมีตัวตนจริงๆ ในประวัติศาสตร์ชาติอเมริกายังไงอย่างงั้น ด้วยบทที่เริ่มเล่าตั้งแต่วัยเด็ก เราจึงได้เห็นพัฒนาของตัวละครนี้มาตั้งแต่วัยแรกรุ่น ได้เห็นแนวคิดชีวิต และวิธีรับมือเมื่อเผชิญ
กับปัญหาต่างๆ ที่เข้ามา จากการที่เขาไม่ได้เป็นคนที่มีระดับสติปัญญาปกติเหมือนคนอื่นๆ แต่ก็จะเห็นได้ว่าเขาก็สามารถใช้ชีวิตผ่านในทุกช่วงเหตุการณ์มาได้ ไม่ว่าจะร้ายหรือดี จนคนดูสามารถผูกพันกับตัวละครได้ไม่ยาก ซึ่งการใช้ชีวิตของ Forrest Gump นั้นก็ไม่ต่างอะไรจาก “ขนนก” ที่นับเป็นอีก Iconic ในภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่สื่อถึงการใช้ชีวิตของเรา
ว่า ให้ปลิดปลิวไปตามแรงลมดังเช่นขนนก ไม่ว่าชีวิตจะพัดพาอะไรเข้ามา สิ่งที่เราทำได้ก็คงมีแค่ปรับตัว และไหลไปตามสภาพที่มันเกิดขึ้นนั่นเอง
ซึ่งหนังคงจะมาถึงจุดนี้ไม่ได้ หากขาดนักแสดงชั้นดี ที่เป็นเสมือนสัญลักษณ์การันตีคุณภาพมาถึงทุกวันนี้อย่าง Tom Hanks ที่รับบท Forrest Gump ได้อย่างไร้ที่ติ และสมบทบาทจนคนดูเชื่อในบทบาทเขาเป็นอย่างมาก และนับว่าน่าจะเป็นผู้ที่แบกหนังเอาไว้ทั้งเรื่อง จนได้รับรางวัล Oscar สาขานักแสดงนำชายในปีนั้นไปแบบนิ่มๆ เช่นเดียวกับผู้
กำกับ Robert Zemeckis ที่คุมงานทุกอย่างได้ดีเยี่ยมจนได้รางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมไปเช่นกัน ทำให้สุดท้ายแล้ว Forrest Gump ไม่แค่เพียงเป็นหนังที่มีคุณค่าในแง่ของความเป็นหนังเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องราวดีๆ ในแบบฟีลกู้ดที่พร้อมส่งต่อไปให้คนดูหนังหลายๆ คนได้เรียนรู้ชีวิต และอะไรกลับมามากกว่าแค่ความบันเทิงอย่างแน่นอน เป็นอีกหนังขึ้นหิ้งที่ควรดูสักครั้งในชีวิตเลย