รีวิว The Contractor (2022)
หนังมีวี่แววแป้กมาตั้งแต่ไกลเลยครับ สร้างเสร็จตั้งแต่ปี 2019 โดนผลกระทบจากโควิด-19 ยาว ๆ วางกำหนดฉายครั้งแรกไว้ว่าเป็น 10 ธันวาคม 2021 แล้วก็เลื่อนมาเป็น 18 มีนาคม 2021 แล้วก็เลื่อนอีกมาเป็น 1 เมษายน ไม่แค่นั้นผู้จัดจำหน่ายหนังก็ยังเปลี่ยนมืออีก เดิมทีอยู่กับ STX Films ค่ายหนังของจีนแผ่นดินใหญ่ ท้ายที่สุดก็มาอยู่กับพาราเมาท์ ซึ่งก็นำเข้าโรงฉายพร้อมกับขายให้ชมบน Amazon Prime ด้วยไปพร้อมกัน แล้วก็ดันชนอย่างจังกับ Morbius ผลเป็นอย่างไรเดาไม่ยาก
จ่าสิบเอกเจมส์ ฮาร์เปอร์ (คริส ไพน์) หน่วยรบพิเศษของกองทัพสหรัฐได้ถูกปลดประจำการจากภารกิจที่ล้มเหลว เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้เขาต้องเอาชีวิตรอดจากการไล่ล่าของทหารรับจ้างและกลุ่มที่ต้องการให้เขากลายเป็นแพะรับบาป ฮาร์เปอร์ จึงตัดสินใจต่อสู้กับแผนการสมรู้ร่วมคิดที่จะทำลายครอบครัวของเขา
อลังการมาก เหมือนเป็นงานรวมดาวฮอลลีวูด The Contractor (2022) ขนทัพนักแสดงมากความสามารถจากฝั่งฮอลลีวูดมาร่วมเชือดเฉือนบทบาทกันอย่างคับคั่ง นี่คือจุดเริ่มต้นของแผนตลบหลังสนั่นโลกถูกไล่ล่าจะแทบจะเอาชีวิตไม่รอดของจริง ไม่อยากให้พลาด กำหนดฉาย 6 เมษายนนี้ ในโรงภาพยนตร์
The Contractor เน้นขายชื่อ คริส ไพน์ (Chris Pine) ในบทนำเป็น เจมส์ ฮาร์เปอร์ ทหารผ่านศึกพิการขาซ้ายบาดเจ็บรุนแรงแต่ยังพอเดินได้ แต่ด้วยความเจ็บปวดจึงกินยาเพื่อบรรเทา ทางกองทัพตรวจร่างกายเจอว่าเจมส์ใช้ยาที่ผิดกฏหมายจึงถูกปลดประจำการ ด้วยความที่เป็นหัวหน้าครอบครัว ต้องหาเลี้ยงลูกและเมีย พอดีกับที่เจมส์ได้พบกับ ไมค์
หัวหน้าเก่า รับบทโดย เบน ฟอสเตอร์ (Ben Foster) ไมค์จึงชวนเจมส์ไปรับงานกับกลุ่มทหารรับจ้าง ที่นำโดย รัสตี้ เจนนิงส์ รับบทโดย คีเฟอร์ ซูเธอร์แลนด์ (Keifer Sutherland) ได้รับภารกิจแรกมาพร้อมกับเงินมัดจำก้อนโต
แต่ต้องเดินทางไปปฏิบัติการทีเบอร์ลิน เรื่องราวหลังจากนั้นก็เข้าอีหรอบเดิม ภารกิจสำเร็จ แล้วเจมส์ก็พบว่า เขากลายเป็นเป้าหมายต่อไปที่องค์กรต้องการฆ่าปิดปาก จึงต้องดั้นด้นเอาชีวิตรอดในต่างถิ่นและกลับมาแก้แค้นนายจ้าง ซึ่งนับถึงวันนี้เรา ๆ ก็ผ่านตากับพล็อตแบบนี้มาไม่รู้กี่เรื่องต่อกี่เรื่องแล้ว แล้ว The Contractor ก็เดินเรื่องบนพล็อตแบบนี้โดยที่ไม่มีอะไรฉีกไปจากเดิมเลย
ปัญหาเรื่องเนื้อหาและบทก็ต้องชี้นิ้วไปที่ เจ.พี. เดวิส (J.P. Davis) อดีตนักแสดงที่ผันตัวมาเป็นนักเขียนบทภาพยนตร์ ก็เขียนเรื่องตามสูตรสำเร็จทุกอย่างคาดเดาได้หมดไม่มีจุดไหนเกินความคาดหมาย จะว่าไปส่วนที่ต่างจากสูตรสำเร็จก็พอมี
แต่ก็ดันเป็นจุดที่ไม่ควรต่าง อย่างเช่นพื้นเพของพระเอก เจมส์ ฮาร์เปอร์ ไม่มีการปูพื้นมาเลยว่าพระเอกตอนเป็นทหารสร้างวีรกรรมอะไรไว้บ้าง เก่งกาจขนาดไหน ทำไมขาถึงได้บาดเจ็บรุนแรง แต่เลือกใช้เวลาในช่วงต้นหมดไปกับการพาคนดูไปรู้จักครอบครัวของเจมส์ว่าแร้นแค้นลำบากเพียงใด
จากนั้นก็พาไปรู้จักครอบครัวของไมค์ จากนั้นก็พาไปรู้จักกับรัสตี้ ผู้นำกลุ่มทหารรับจ้าง ทั้งหมดนี้ก็กินเวลาไป 30 นาทีแล้ว กว่าเราจะได้เห็นการยิงกระสุนนัดแรกก็ผ่านไปครึ่งเรื่องเสียแล้ว
แล้วเวลากว่า 30 นาทีต้นเรื่อง ที่หนังตั้งใจเน้นเนื้อหาในส่วนดราม่าทั้งปัญหาครอบครัวของเจมส์ ปัญหาเรื่องงานในกองทัพที่โดนปลดทั้งที่ไม่ทำอะไรผิด เหมือนโดนแผ่นดินตัวเองหักหลัง ความผูกพันกับเพื่อนฝูงที่เคยร่วมรบกันมา
เว็บดูหนังออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง
รีวิว The Contractor (2022)
ผู้เขียนชอบในจุดที่บทสร้างสรรค์ตัวตนของ เจมส์ ฮาร์เปอร์ เป็นพระเอกที่มีความทุพพลภาพ ดูเป็นปุถุชนคนธรรมดาดี แตกต่างจะพระเอกหนังแอ็กชันทั่วไปที่แทบจะเป็นซูเปอร์ฮีโร เจมส์เดินขากระเผลก ต้องคอยฉีดยาระงับปวดอยู่บ่อย ๆ แต่มันก็ช่างย้อนแย้ง เพราะเวลาพะบู๊ก็ดูไม่เห็นเป็นอุปสรรคเลยนะ เจมส์สามารถรับมือกับคู่ต่อสู้พร้อมกัน 2 คน 3 คนที่ร่างกายสมบูรณ์พร้อม แล้วเอาชนะได้เสียทุกครั้ง
ยิ่งทำให้กังขาว่า เจมส์ ฮาร์เปอร์ นี่เก่งมาจากไหน ทำไมถึงไม่มีการเล่าพื้นเพที่มา เพราะดูจากการออกปฏิบัติการนี่เรียกได้ว่าเป็นมืออาชีพเชี่ยวชาญการรบทุกรูปแบบ ทั้งลอบจารกรรม ดำน้ำ ลุยป่า พรางตัว ทำการปฐมพยาบาล ถ่ายเลือดฉุกเฉิน ไหวพริบดี
ดูจากการทุบหลอดไฟแล้วแอบซ่อนตัวคอยลอบจัดการศัตรู แต่ต่อให้เก่งน้อยกว่านี้ เกราะของความเป็นพระเอกก็ทำให้ไม่โดนกระสุนอยู่ดี หลาย ๆ ครั้งที่เจมส์อยู่ในที่โล่ง ฝ่ายตรงข้ามสาดกระสุนมาเป็นร้อย เจมส์ก็แค่วิ่งหลบก้ม ๆ ตัวหน่อย ก็ไม่โดนกระสุนเลยในขณะที่เพื่อนร่วมทีมโดนกันถ้วนหน้า
ด้วยเมนหลักแล้ว The Contractor เป็นหนังแอ็กชันสาดกระสุนครับ มีเรื่องราวดราม่าครอบครัวและความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนทหารคอยสอดแทรกเป็นฉากหลัง แต่ตลอดระยะเวลา 100 นาที ก็มีฉากสาดกระสุนให้เห็นเพียงแค่ 3 ฉากเท่านั้น
ฉากใหญ่และยาวสุดก็คือฉากปฏิบัติการในเบอร์ลินเท่านั้น น่าผิดหวังสุดก็คือฉากไคลแมกซ์ท้ายเรื่อง ที่ปิดจบอย่างง่ายดายภายในเวลาไม่ถึง 5 นาที ยังไม่ทันลุ้นเลย ดูแววแล้ว พาราเมาท์เจ้าของหนังก็คงรู้สภาพหนังตัวเองดีล่ะ และคงไม่คาดหวังผลตอบลัพธ์สักเท่าไหร่นัก จึงเลือกปล่อยขายบนสตรีมมิงไปพร้อมกันตั้งแต่วันที่หนังเข้าโรง รู้ว่าเจ็บตัวแน่แล้วล่ะ แต่ขอเจ็บตัวน้อยหน่อยแล้วกัน
ความรู้สึกหลังชม
เป็นภาพยนตร์ที่จะเรียกเป็นแนวแอ็คชั่นก็เรียกได้ไม่เต็มปากเพราะมีน้อยกว่าที่คิด ความเดือดก็มีอยู่นิดเดียว โดยเฉพาะฉากไคล์แม็กซ์ที่สั้นจนน่าตกใจ ก็เลยคงต้องบอกว่าเป็นแนวดราม่าสะท้อนสังคมของเหล่าทหารน่าจะถูกปากกว่า
ด้วยเนื้อเรื่องที่เปิดมาเหมือนจะชูหน้าชูโรงความรักซาติของเหล่าทหารก่อนจะหักหน้าด้วยเบื้องหลังความเน่าเฟะของเหล่าทหาร ที่ตอนแรกเชิดชูให้เป็นคนดังของสังคม พอหมดค่า ร่างกายอ่อนแรง แก่ตัว เริ่มหมดไฟก็ถูกไล่เขี่ยทิ้งแถมไม่ให้อะไรเลยทั้งเงินละประกันชีวิต ชนิดที่ว่าร้ายแรงยิ่งกว่าถูกจ้างให้ลาออก
จนเริ่มกลับมาคิดถามตัวเองว่า เรามาเป็นทหารเพื่ออะไร ไม่ใช่มาเพื่อเสียสละตนเพื่อชาติหรอกเหรอ? พอตัวหนังมีประเด็นแบบนี้ทำให้ตัวหนังมีความสนใจมากยิ่งขึ้น แต่ข้อเสียที่เห็นชัดเจนเลย คือการเดินเรื่องยึดและเนิบช้ามากๆ พอมาถึงฉากแอ็คชั่นก็ดูจะทำไม่สุดชัดเท่าไรนัก และฉากไคล์แม็กซ์แทนที่จะทำออกมาให้ยาวๆจัดเต็มเดือดๆ แต่ก็จบแบบง่ายๆสั้นๆจนน่าตกใจ ตัวละครอื่นๆก็ปูมาอย่างดีก็มาโดนเขี่ยทิ้งเอาดื้อๆในฉากไคล์แม็กซ์
อย่างไรก็ดีท่ามกลางที่ตัวหนังเต็มไปด้วยแผลใหญ่ ยังมีดีที่ตัวเนื้อเรื่องตีแผ่ด้านมืดของทหารอเมริกันที่ทำออกมาน่าสนใจ พร้อมกับฉากกระตุกขวัญกระซากอารมณ์ดึงคนดูได้อยู่หมัด แถมการแสดงของ “คริส ไพน์” ที่เดือดระอุจนคนดูต้องอยากเอาใจช่วยตัวละครคนนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ เป็นอีกหนังอีกเรื่องที่น่าสนใจอีกเรื่องเพียงแค่อย่าไปคาดหวังกับฉากแอ็คชั่นเยอะๆเท่านั้นเอง
ดูหนังออนไลน์ฟรีไม่กระตุกภาคไทย
Gillian Jacobs/กิลเลียน เจค็อบส์
รับบท บรีแอนนา ภาพแทนอันเจ็บช้ำของภรรยานาวิกโยธิน โดยความสัมพันธ์ระหว่าง เจมส์กับ บรีแอนนา ผู้เป็นภรรยา และลูกชายของเขา ทำให้ทุกคนสัมผัสได้ถึงสถานะทางการเงินและความล้มสลายทางจิตใจของครอบครัวนี้ ซึ่ง กิลเลียน เจค็อบส์ คือ นักแสดงที่โด่งดังจากคอมิตี้ทีวี คนที่เคยได้รู้จักผลงานของเธอ จะเข้าใจจุดที่หนังเรื่องนี้ให้เธอยืน ภาพบุคลิกที่นุ่มนวลความสว่างไสวของเธอเคยแสดงถูกลบไปหมดแล้วด้วยหนังเรื่องนี้
Kiefer Sutherland/คีเฟอร์ ซัทเธอร์แลนด์
รับบท รัสตี้ เจนนิงส์ ผู้บัญชาการลับในสวนหลังบ้าน ด้วยปัญหาทางการเงินและความเครียดจากการตกงานของ เจมส์ เพื่อนอย่าง ไมค์ จึงแนะนำให้เขา รู้จัก รัสตี้ อดีตทหารที่ดำเนินธุรกิจกองกำลังรับจ้างในสวนหลังบ้านที่มีการป้องกันแน่นหนา เรื่องนี้ รัสตี้ คือตัวร้ายที่ไม่ได้เหมือนคนชั่วในหนังแอ็กชันทั่วไป แต่ตัวละครตัวนี้จะเป็นเงาสะท้อนของตัวเอกเกือบตลอดเรื่อง โดย คีเฟอร์ มีความพิเศษเฉพาะตัว เขาคือ หนึ่งในไม่กี่คนที่ผู้กำกับฯ ตั้งใจให้เขามารับบทนี้ เขาคือนักแสดงรุ่นเก๋าตัวจริง ที่เคยทำงานกำกับมาแล้วด้วย ทำให้การทำงานเป็นไปอย่างง่ายดาย
Fares Fares/ฟาเรส ฟาเรส
รับบท ซาลิม โมห์ซิน นักวิจัยกู้โลกผู้โชคร้าย หลังจากภารกิจแรกในฐานะกองกำลังรับจ้าง เจมส์เดินทางไปเบอร์ลิน เพื่อสะกดรอยตาม ซาลิม โมห์ซิน ศาสตราจารย์ด้านพยาธิวิทยา ซึ่ง เจมส์ ได้ข้อมูลมาว่ารับเงินจากโครงการการกุศลเกี่ยวกับ อัลกออิดะ ในบทนี้ ฟาเรส ฟาเรส นักแสดงชาวเลบานอน นักแสดงนำจาก ‘The Nile Hilton Incident’ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิท ในทุกแง่มุมกับผู้กำกับฯ ซึ่ง ซาเลห์ มั่นใจ ว่า ฟาเรส ฟาเรส ทำได้ดีในบท ๆ นี้
Nina Hoss/นีน่า ฮอสส์
รับบท คาเทีย ส่วนเติมเต็มอันทรงพลัง เมื่อ เจมส์ มาถึงเบอร์ลิน เขาก็เจอกับทีมงานของเขากับไมค์ ซึ่งรวมถึง คาเทีย อดีตสายลับอิสราเอล ที่สวมบทโดย นีน่า ฮอสส์ นักแสดงสาวชาวเยอรมัน ที่คนชาวบราซิลที่รู้จักแนะนำมา ด้วยบุคลิก นีน่า คือคนที่ดูเหมือนเกิดมาเพื่อแบกโลกและมีปืนในมือ แม้บทของเธอค่อนข้างน้อยและแทบไม่ต้องพูดอะไรเลย แต่เธอนำบาดแผลของ คาเทีย มาสู้ และทำให้เห็นว่าตัวละครของเธอตัวนี้มีความเจ็บปวดขนาดไหน
Eddie Marsan/เอ็ดดี้ มาร์สัน
รับบท เวอร์จิล กำลังเสริมผู้ไม่เคยไว้ใจใคร หลังจาก โมห์ซิน ถูกฆ่า ทั้งคนของ รัสตี้ และเจ้าหน้าที่ตำรวจเยอรมัน ก็หันมาไล่ล่า เจมส์ ซึ่งเขาก็หลบหนีไปได้ โดยได้รับความช่วยเหลือจาก เวอร์จิล ซึ่งในบทนี้ ทางผู้กำกับฯ อยากได้คนที่แสดงได้อย่างหมดจด ด้วยบุคลิกต้องดูเหมือนอดีตกองทัพที่เก็บตัวอยู่ในบ้านตัวเอง ซึ่งแววตาการแสดง เอ็ดดี้ นั้นบ่งบอกว่า เขาผ่านอะไรมามากมาย แต่ยังคงความสุภาพในตัว เมื่อตัวละครของ คริส วิ่งวุ่นอยู่ในนรก ในเรื่องอยากให้เขาได้ตั้งสติและลดอุณหภูมิลง และ การสวมบท เวอร์จิล ของ เอ็ดดี้ จะทำให้ คริส กลับสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง
