รีวิว the platform
The Platform “เดอะ แพลตฟอ์ม” เป็นหนังสเปนจากทางเน็ตฟลิกซ์ ซึ่งเป็นหนังที่มีคนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ตัวผมเองก็ไม่ได้รู้จักหนังเรื่องนี้มาก่อน แต่ในคืนที่ตัวหนังเข้าในเน็ตฟลิกซ์ (หนังเข้าช่วงบ่าย แต่ที่พูดถึงคือคืนในวันนั้น) ผมกำลังจะนอนพอดี เพื่อนของผมก็ส่งข้อความมาให้ไปลองดูหนังเรื่องนี้ก่อนที่จะนอนเพราะเพื่อนของผมเพิ่งดูจบ ผมก็บอกไปว่าผมง่วงอยากนอนก่อนขืนดูมีหวังหลับแน่ แต่เพื่อนของผมก็ยืนยันว่าเปิดดูเถอะแล้วตาจะสว่างเอง ผมก็เลยลองเปิดดู ปรากฏว่าถึงกับต้องร้อง “เฮ้ย”
The Platform เป็นเรื่องราวโกเรง (รับบทโดย Ivan Massagué) เมื่อเขาตื่นขึ้นมาในคุกแนวตั้งชั้นที่ 48 (แต่ในตัวหนังเรียกว่าหลุมผมจึงขอเรียกว่าหลุมด้วยเช่นกัน) ในหลุมชั้นที่ 48 โกเรงตื่นขึ้นมาก็พบเพื่อนร่วมห้องคนนึงเป็นตาลุงแก่ๆ ชื่อว่าธิมากาสิ (รับบทโดย Zorion Eguileor) ทั้งคู่ก็ได้ทำความรู้จักกันโดยมีโกเรงเป็นคนเข้าไปทักก่อน
จากที่พูดคุยกับธิมากาสิ โกเรงก็ได้ความว่าเขาติดอยู่ในหลุมเพราะฆ่าคนตายเลยโดนลงโทษ ส่วนโกเรงอาสาเข้ามาอยู่ในหลุมเพื่อเอาใบรับรองเลิกบุหรี่ (จุดนี้ของหนังเป็นการสื่อว่าคนเรามักยอมลำบากเพื่อได้สิ่งยืนยันตัวตนเพื่อให้ได้รับการยอมรับ) และในหลุมนี้จะมีช่องว่างขนาดใหญ่อยู่ตรงกลางเพื่อเป็นช่องเดินทางของแท่นส่งอาหาร
แต่อาหารที่พวกเขาจะได้กินจะถูกคนจากชั้นบนกินมาก่อน กว่าจะถึงชั้นที่ 48 คนทั้ง 47 ชั้นก็กินอาหารจนเหลือแต่เศษซากที่น่าขยะแขยง และไม่ต้องสืบเลยว่าคนที่อยู่ชั้นล่างลงไปอีกจะต้องเจอกับอะไร ดูหนัง
รีวิว the platform
รีวิว the platform หมวดหมู่ : ไซไฟ-ระทึกขวัญ
ผู้กำกับ : Galder Gaztelu-Urrutia (กัลเดอร์ กัซเตลู อูร์รูเดีย) เว็บหนัง
เรื่องย่อ ในเรือนจำแนวตั้งที่นักโทษชั้นบนได้อยู่ดีกินดี ขณะที่นักโทษชั้นล่างต้องอัตคัดขัดสน นักโทษชายอย่าง “โกเร็ง” (Iván Massagué) พยายามหาทางเปลี่ยนแปลงเพื่อสร้างความเท่าเทียมให้กับทุกคน
นี่คือภาพยนตร์สัญชาติสเปนฝีมือการกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกของ Galder Gaztelu-Urrutia (กัลเดอร์ กัซเตลู อูร์รูเดีย) ครับ แม้ว่าจะเป็นครั้งแรกแต่ประสบการณ์บอกเลยว่าไม่ไก่กา เพราะว่าเขานั้นมีประสบการณ์การทำหนังสั้น โฆษณา และเป็นโพรดิวเซอร์ภาพยนตร์มาก่อนหน้านี้แล้วตั้ง 15 ปี ซึ่งความคร่ำหวอดนี่แหละที่ส่งผลทำให้ในปีที่แล้ว
ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เดินทางไปคว้ารางวัลมามากมาย ทั้งรางวัลขวัญใจผู้ชม Midnight Madness จากเทศกาล Toronto International Film Festival ประเทศแคนาดา รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเทศกาล Sitges – Catalonian International Film Festival ประเทศสเปน แถมในเว็บมะเขือเทศเน่า Rotten Tomatoes ยังระบุว่าได้คะแนนมะเขือสดไปตั้ง 82% แน่ะ สำหรับการกำกับภาพยนตร์ครั้งแรก ถือว่าไม่ธรรมดา the platform สปอย
สำหรับพล็อตของหนังเรื่องนี้ เป็นเรื่องของคุกนั่นแหละ จริงๆ มันก็ไม่ใช่คุกซะทีเดียวหรอกครับ มันเป็นสิ่งที่เรียกว่า “ศูนย์ดูแลตนเองแนวตั้ง” คืออารมณ์สถานดัดสันดานอะไรแบบนี้มากกว่า แต่ในตัวมันก็เป็นคุกดี ๆ นี่เอง จุดเริ่มต้นมันเริ่มจากพระเอกอย่าง “โกเร็ง” (Iván Massagué) นั้นพาตัวเองเข้ามายังคุกแนวตั้งแห่งนี้ เมื่อเขาตื่นมาก็พบว่า
เขานั้นได้มาอยู่ที่ชั้น 48 ร่วมกับชายชราอย่าง “ตรีมากาซี” (Zorion Eguileor) โดยตรีมากาซีเข้าคุกแห่งนี้มานานหลายเดือนแล้ว เพราะว่าฆ่าคนโดยไม่เจตนา ส่วนโกเร็งนั้นต่างออกไป เพราะว่าตั้งใจที่จะเลือกเข้าคุกนี้มาด้วยตัวเอง ดูหนังออนไลน์
การดำเนินเรื่อง
และคุณผู้อ่านย่อมรู้อยู่แล้วใช่มั้ยครั้บว่าคุกนี้ไม่ธรรมดา เพราะมันเป็นคุกแนวตั้งที่มีชั้นลดหลั่นกันลงไป ในแต่ละชั้นจะมีนักโทษอาศัยอยู่ 2 คน และวิธีการจัดการกับคุกนี้ก็คือการควบคุมด้วยอาหาร คือในแต่ละชั้นจะมีช่องบนเพดานและพื้น เพื่อให้แท่นวางอาหารเคลื่อนผ่านลงไป โดยในแท่นนั้นจะมีอาหารคาวหวาน ผลไม้หลากชนิดและเครื่องดื่ม ดูหนังฟรี
สารพัดอย่างวางไว้รวมกัน ในแต่ละวัน แท่นนี้จะค่อย ๆ เคลื่อนลงไปเพื่อส่งอาหารให้กับคนแต่ละชั้น นั่นก็แปลว่าคนที่ชั้นบน ๆ จะได้มีโอกาสกินของดี ๆ เลือกกินได้อย่างใจ อาหารก็สดใหม่สะอาดปลอดภัย ส่วนคนชั้นล่างลงไปก็ต้องกินของเหลือ ๆ ต่อกันไปเรื่อย ๆ อันที่จริงแม้เราจะยังไม่รู้แต่แรกว่าคุกแนวตั้งนั้นมีกี่ชั้นกันแน่ แต่ที่ผมว่าน่าจะเดา
ได้แต่แรกคือ อาหารมักไปไม่ถึงชั้นล่าง ๆ หรอกครับ ยังไงก็มักจะถูกกินหมดก่อนตลอด และอย่าคิดจะกักตุนอาหารโดยเด็ดขาด เพราะว่าอุณหภูมิห้องขังจะเปลี่ยนไป อาจจะร้อนจนไหม้เกรียมหรือเย็นเยือกจนแข็งตาย the platform ซับไทย
พล็อตเรื่อง
ในแต่ละวัน โกเร็งและทุกคนในคุกแนวตั้งนี้ก็มีชีวิตในคุกนี้เหมือนเดิม คือแท่นวางอาหารลงมาวันละครั้ง มีอะไรก็ต้องกิน พอแท่นเลื่อนลงก็หมดเวลา พอถึงกลางคืนก็ต้องนอนภายใต้แสงสีแดง พร้อมกับเสียงแท่นวางที่ดีดตัวกลับขึ้นไปด้านบนด้วยความเร็วสูง พร้อมกับถูกรมแก๊สเพื่อทำให้หลับ จนกระทั่งเมื่อเข้าสู่เดือนใหม่ คนทั้งสองก็จะถูกย้ายไป
ชั้นใหม่ โดยที่ชะตากรรมของคนทั้งคู่อาจจะได้ขึ้นไปอยู่ชั้นที่สูงขึ้น ได้กินอาหารที่ดีกว่าคนอื่น ๆ หรือลงไปอยู่ชั้นล่างซึ่งอาจจะไม่ได้กินอะไรเลยเพราะอาหารไปไม่ถึง รวมถึงความสัมพันธ์ของคนทั้งสองก็อาจเปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะว่าในคุกนี้ ความสัมพันธ์หรือมิตรภาพ หรือความไว้เนื้อเชื่อใจนั้นอาจไม่สำคัญเท่ากับการอยู่รอดให้ครบกำหนด และรับใบรับรองเพื่อออกไปสู่อิสรภาพ
ความน่าสนใจคือ ตลอดทั้งเรื่อง เราจะแทบไม่ได้เห็นบรรยากาศภายนอกเลย จริง ๆ ก็มีฉากภายนอกคุกให้เห็นบ้างแหละ แต่ถือว่าน้อยมาก แต่ไม่มีฉาก Outdoor ใด ๆ เลยแม้แต่นิดเดียว อย่างเต็มที่ เราก็จะได้เห็นบรรยากาศของห้องครัวที่คอยทำอาหารเลี้ยงคนในคุกแนวตั้ง ซึ่งตั้งอยู่ชั้นบนสุด กับภายนอกคุกตอนที่โกเร็งกำลังให้สัมภาษณ์กับ “อิโมกิริ” (Antonia San Juan) เจ้าหน้าที่หญิงที่คอยทำหน้าที่สัมภาษณ์และตรวจเช็กทุก ๆ คนที่จะเข้าไปอยู่ในคุกแนวตั้งนี้เท่านั้นเอง the platform เต็มเรื่อง
รีวิว the platform บทสรุป
รีวิว the platform ความเจ๋งของหนังเรื่องนี้คือเรื่องของการขมวดปมต่าง ๆ เอาไว้ ทิ้งไอเท็มไว้ตรงนั้น ทิ้งข้อสงสัยไว้ตรงนี้ แล้วก็กลับไปเก็บกวาดได้แบบหมดจด แต่ถึงกระนั้นตัวหนังก็ยังมีข้อสังเกตที่ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวหนังยังไปได้ไม่สุดคือ เรื่องของความไม่สมเหตุสมผลเล็ก ๆ น้อย อย่างเช่นเหตุผลของโกเร็งและตรีมากาซีที่เข้ามาในคุกก็ดูแปร่ง ๆ ไม่ค่อยมีน้ำหนัก ส่วนเรื่องของตัวคุกเอง ส่วนตัวผมรู้สึกว่ายังมีอะไรลึกลับที่หนังไม่ได้เฉลยโคตรเยอะเลย ตั้งแต่ว่าใครเป็นเจ้าของดูแลระบบ ใครออกแบบระบบ แนวคิดหลักของการให้อาหาร
ในกองเดียวคืออะไรกันแน่ (ดัดสันดาน? ทรมาน? สอนให้แบ่งปัน? ยุให้ฆ่ากันเอง? ฯลฯ) รวมไปถึงเรื่องราวด้านนอกคุก ที่ก็ไม่ยอมบอกว่ามีอะไร เกิดอะไรขึ้นบ้าง ภาพครัวที่แทรกเข้ามาเป็นระยะนั้นมีอะไรเกี่ยวพันมากกว่าแค่การทำอาหารเลี้ยงคนในคุกหรือไม่ (คือมันลึกลับและเป็นปริศนาจนทำให้อดคิดไม่ได้ว่า นี่พี่คิดจะสร้างภาคต่อใช่มั้ยเนี่ย)
รวมถึงการให้ข้อมูลต่าง ๆ ของหนังเองที่ยังไม่ค่อยเคลียร์ชัดนักว่า ตกลงคุกนี้มีไว้ทำไมกันแน่ ทำไมถึงต้องให้นักโทษสลับชั้นกันทุกเดือน สลับด้วยแนวคิดอะไร (ทำดีขึ้นบน เกเรลงชั้นล่าง? หรือจนลงล่าง รวยขึ้นบน?) อะไรคือตรรกะของคุกแห่งนี้ ใบรับรองเนี่ย มันรับรองอะไร ได้แล้วจะเอาไปต้มยำทำแกงอะไร สิ่งที่เกิดขึ้นในหนัง
สิ่งที่โกเร็งเห็น และที่กำลังทำนั้นคืออะไรแน่ ฯลฯ มันเลยเป็นเหตุที่ทำให้บางการกระทำของตัวละครในหนังชวนให้ย่อยยากอยู่ไม่น้อย คือโดยรวมก็ไม่ได้ดูยากอะไรนะครับ ผมว่าดูง่ายอยู่ เพียงแต่ว่ามันมีความเป็น “ปลายเปิด” และ “ทิ้งปมปริศนา” ไว้มากมายซะจนคนที่หวังจะดูหนังเรื่องนี้เพื่อเสพความระทึกขวัญแบบแมส ๆ ดูเอาเรื่องเอามัน อาจจะมีอาการหัวเสียจนพาลเกลียดหนังเรื่องนี้ (เพราะไม่ยอมเฉลยห่-อะไรเลย) ได้เลยเหมือนกัน the platform บทสรุป
โดยรวมหนัง
ส่วนที่ผมชอบอีกอย่างนั่นก็คือเรื่องของโพรดักชันครับ เป็นหนังไซไฟที่งานเนี้ยบมาก ๆ จนแทบจะจับผิดอะไรไม่ได้เลย โดยเฉพาะแท่นอาหารที่เป็นจุดศูนย์กลางของเรื่องนั้นก็ทำได้แนบเนียนมาก สามารถเคลื่อนขึ้นลงกลางอากาศได้แบบไม่มีจุดโป๊ะให้เห็นเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่มันจะงงหน่อยแหละว่า มันจะเป็นไปได้จริงแค่ไหนกันนะ
แต่ถึงแม้ความสงสัยของผมกับไอ้คุกนี่จะเยอะไปหน่อย แต่สิ่งที่ผมชอบมาก ๆ คือการที่เราคนดูเองก็จะไม่รู้จริง ๆ ว่า ตกลงคุกแนวตั้งแห่งนี้มันมีกี่ชั้นกันแน่ ผมไม่แน่ใจว่าผู้อ่านจะรู้มาจากไหนว่ามีกี่ชั้นนะครับ แต่ผมขอบอกเลยว่าไอ้ที่รู้ ๆ กันมาน่ะ มันผิดแน่นอน! (ถ้าไม่โกงไปอ่านสปอยล์ก่อนน่ะนะ) ต้องลองไปดูในหนังเอาเองว่า ตัวคุกเองจริง ๆ
แล้วมันมีกี่ชั้นกันแน่ ข้างล่างนั้นมีอะไรรออยู่ แล้วสุดท้ายจะมีใครต่อกรกับระบบพัง ๆ นี้ได้หรือไม่อย่างไรบ้าง เป็นหนังที่ผมว่าออกจะดูไม่ยากนักหรอกครับ ดูเอาสนุกและลุ้นระทึกก็พอได้อยู่ เพียงแต่ว่ามันก็มีความย่อยยาก และเต็มไปด้วยความลึกลับอยู่ไม่น้อยทีเดียวแหละ the platform สนุกไหม