รีวิว spiderhead

เรื่องราวบทเกาะกลางทะเลแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นสถานที่ใช้คุมขังของเหล่านักโทษ ซึ่งนักโทษที่อยู่ที่นี่จะได้ใช้ชีวิตที่สะดวกสบายกว่าการอยู่ในเรือนจำของรัฐ แต่การจะมาอยู่ที่นี่ได้ต้องแลกกับการรับการทดลองบางอย่าง เรื่องราวจะติดตาม เจฟฟ์ (รับบทโดย ไมล์ส เทลเลอร์) นักโทษที่อาศัยอยู่ในที่แห่งนี้ เขาเป็นหนึ่งในหนูทดลองของ สตีฟ

(รับบทโดย คริส เฮมส์เวิร์ธ) โดยเขาถูกจับให้ทดลองยาประหลาด ซึ่งมียาหลายรูปแบบ ทั้งยาหัวเราะ ยาความรักที่จะทำให้คนหลงรักกัน จนไปถึงยาทรมาน แต่เมื่อเจฟฟ์ถูกจับไปทดลองมากขึ้นเรื่อยๆ เขาก็เริ่มสงสัยว่าแท้จริงแล้ว สตีฟเป็นใครและกำลังทำอะไรอยู่ และเขาก็เริ่มอยากที่จะหนีออกไปจากที่แห่งนี้ สุดท้ายแล้วเรื่องราวทั้งหมด

จะเป็นอย่างไร แท้จริงแล้วการทดลองประหลาดนี้มีจุดมุ่งหมายอะไรกันแน่ ทุกคนต้องไปรับชมด้วยตาตัวเอง Spiderhead (สไปเดอร์เฮด)  รีวิวหนังฝรั่ง

 

ก่อนอื่นของบอกก่อนเลยว่า ตอนแรกผมรู้สึกคาดหวังกับเรื่องนี้อยู่นิดหน่อย เพราะทั้งชื่อนักแสดงนำทั้ง 2 คนอย่าง คริส เฮมส์เวิร์ธ และ ไมล์ส เทลเลอร์ สองคนนี้ถือว่าเป็นนักแสดงที่มีศักยภาพพอสมควร ไม่ใช่ดาราโนเนม แถมยังกำกับโดย โจเซฟ โคซินสกี้ ผู้กำกับเจ้าของผลงาน Top: Gun Maverick (2022) ที่พึ่งเข้าฉายในโรงไป

และสนุกโคตรๆ ทำออกมาได้ดีมากๆ ตอนแรกผมเลยตั้งความหวังไว้เลยว่า ถึงจะไม่ดีมากแต่อย่างน้อยต้องสนุก กลายเป็นว่ามันไม่ค่อยเป็นไปตามที่หวังซักเท่าไหร่ เริ่มจากเรื่องบทก่อนเลย บทพูดต่างๆ ของตัวละครถือว่าค่อนข้างใช้ได้ ไม่ได้แย่เลย แต่สิ่งที่มันไม่ค่อยเวิร์คคือ พล็อตหลักๆ ของเรื่อง คือมันไม่ได้น่าติดตาม

หรือทำให้เราอยากรู้เท่าไหร่เลย และการดำเนินเรื่องทีดำเนินเรื่องไปแบบช้ามากๆ แทบจะไม่มีอะไรเลย ให้อารมณ์แบบแค่หนังทดลองทั่วไป ประเด็นหลักก็ไม่ค่อยแข็งแรง จึงอาจทำให้หลายคนเบื่อและถอดใจไปก่อนที่จะดูจบ  ดูหนัง

รีวิว spiderhead

รีวิว spiderhead   ต่อมาด้านการแสดง ส่วนนี้ถือเป็นสิ่งที่ช่วยค้ำจุน และแบกหนังไว้ได้ นักแสดงนำทั้ง 2 คนทำหน้าที่ตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม ไมล์ส เทลเลอร์ แสดงได้ดีเหมือนเคย การแสดงออกทางสีหน้าท่าทางของพี่แกนี่สุดยอดมากๆ ส่วนในด้านของป๋าคริสก็ไม่แพ้กัน เรื่องนี้มารับบทเป็นตัวร้าย ซึ่งดูแปลกตาไปมาก เพราะปกติเห็นแต่แกเป็นพระเอก    เว็บหนัง

แต่กลับกลายเป็นว่า แกแสดงบทของตัวร้ายได้ดีใช้ได้เลยทีเดียว มีหลายฉากที่ผมหมันไส้อยู่เหมือนกัน ถือว่าใช้ได้เลย และนอกจาก 2 คนนี้แล้ว นักแสดงคนอื่นๆ ก็ถือว่าแสดงได้ตามมาตรฐานทั่วไป อีกอย่างตัวละครในเรื่องนี้มีไม่ค่อยเยอะด้วย โดยรวมแล้วในด้านของการแสดงสำหรับผมคือรับได้

ด้านงานภาพและการโปรดักชั่น มาดูที่งานภาพกันก่อน งานภาพของเรื่องนี้ สำหรับผมคือธรรมดาตามมาตรฐานทั่วไป ภาพสวย โทนสีภาพก็ดี แต่ไม่ได้ดีงามจนน่าจดจำ ส่วนด้านงานโปรดักชั่นก็ถือว่าใช้ได้ และคาดเดาว่าอาจจะเป็นหนังที่ทุนไม่สูงมากนัก ซึ่งทำได้ขนาดนี้ถือว่าดีมากแล้ว การเซ็ตฉากต่างๆ เสื้อผ้าหน้าผม ทำออกมาได้ดี

การตัดต่อ ดนตรีประกอบ การลำดับเสียงก็ทำออกมาได้ดีเช่นกัน สรุปง่ายๆคือ มีดีหลายอย่างแต่มาพลาดเรื่องบทและการดำเนินเรื่อง และจุดนี้ก็เป็นเหมือนกระดูกสันหลังของหนังเลย แต่มันยังไม่น่าติดตามเท่าที่ควร สำหรับเรื่องนี้มันเป็นหนังที่ไม่เหมาะกับทุกคน เหมาะกับคนที่ชอบดูที่หนังดำเนินเรื่องไปแบบช้าๆ ใครที่เป็นสายเดินเรื่องไวๆ

ชอบแอ็คชั่นนี่ผมไม่แนะนำเลย ท้ายสุดนี้ผมขอให้คะแนนภาพยนตร์เรื่อง Spiderhead (สไปเดอร์เฮด) ไว้ที่ 5.5/10 คะแนน  spiderhead สปอย

การดำเนินเรื่อง

สไปเดอร์เฮด เล่าเรื่องราวของเรือนจำสุดไฮเทคบนเกาะกลางทะเลชื่อสไปเดอร์เฮด เป็นที่คุมขังนักโทษอุฉกรรจ์ แต่เซ็นสัญญากับรัฐ ให้ย้ายตัวเองเข้ามาอยู่ในเรือนจำที่ค่อนข้างมีอิสระในการใช้ชีวิต แต่ต้องแลกมากับการทดลองยา โดยมีหัวหน้าคือสตีฟ เขาจะฉีดยาที่มีผลต่ออารมณ์ของนักโทษที่อาสาสมัคร เพื่อทดสอบยาที่มีออกฤทธิ์แตกต่างกันไปให้กับนักโทษแต่ละคน นักโทษจะต้องติดกล่องยาบรรจุแคปซูลกับกระดูกสันหลัง การฉีดยาจะถูกควบคุมโดยสตีฟและผู้ช่วยของเขา ยาแต่ละชนิดจะออกฤทธิ์ต่างกันเช่น

ดูหนังฟรี

ยาพูดคล่องทำให้พวกเขาพูดจาฉะฉานแม้จะอยู่ในภาวะไม่อยากพูด ยาความรักทำให้พวกเขาตกหลุมรักกันอย่างง่ายดาย และมีความสัมพันธ์โดยที่ไม่จำเป็นต้องรู้จักกันมาก่อน ยาอารมณ์ดีทำให้มีความสุขแล้วหัวเราะได้ตลอดเวลาทั้ง ๆ ที่มีความทุกข์อยู่ ยาทรมานทำให้พวกเขารู้สึกเจ็บปวดรวดราวจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป ยาโลกสวยทำให้พวกเขาเห็นสิ่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะเลวร้ายแค่ไหนก็งดงามได้ และดูเหมือนว่านักโทษทุกคนนั้นต่างก็ยินดีจะรับยาพวกนี้  spiderhead สปอยหนัง

รีวิว spiderhead

พล็อตเรื่อง

แต่นักโทษคนหนึ่งชื่อว่าเจฟฟ์ ที่รับยาพวกนี้มาบ่อยครั้งจนแทบนับไม่ได้ และไม่ว่าจะถูกให้ยาชนิดไหนเขาก็แทบจะไม่เคยปฏิเสธ เพราะนี่มันคือเสมือนการลงโทษตัวเองต่อความผิดบาป ที่เขาได้เธอกระทำไว้กับคนที่เขารักจนตัวเองไม่มีวันให้อภัย ยาที่เขาถูกฉีดให้บ่อยครั้งที่สุดก็คือยาแห่งความรัก ทุกครั้งที่เขาถูกยาชนิดนี้ก็จะมีเพศสัมพันธ์อย่างดุเดือดกับผู้ทดลองอีกหนึ่งคนทุกครั้ง  ดูหนังออนไลน์

เจฟฟ์ได้พบกับนักโทษหญิงอีกคนหนึ่งที่ชื่อว่าราเชล ไม่นานเขาก็หลงรักเธอ

วันหนึ่งสตีฟ ได้นำราเชลเข้ามาในห้องทดลองโดยจะฉีดยาทรมานให้เธอ โดยให้เจฟฟ์เป็นผู้กดปุ่มปล่อยยาให้เธอ แต่เขากลับปฏิเสธเพราะการให้ยาโดยเฉพาะยาทรมานไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง และอีกเหตุผลหนึ่งคือ ก่อนหน้านี้เขาได้พบว่าสตีฟ เรือนจำสุดไฮเทค และยาที่ให้กับนักโทษนั้นมีลับลมคมในบางอย่าง ผิดหลักมนุษยธรรม ผิดกฏหมาย และจะส่งผลอันเลวร้ายต่อผู้คนทั้งโลกในอนาคต  spiderhead เนื้อเรื่อง

สไปเดอร์เฮดเป็นหนังจาก netflix ที่สร้างมาจากเรื่องสั้นชื่อ Escape from Spiderhead ของ จอร์จ ซอนเดอร์ เผยแพร่ในเดอะนิวยอร์คเกอร์ นำแสดงโดยคริส เฮมส์เวิร์ธ ที่รับบทเป็นผู้ดูแลคุกสไปเดอร์เฮดและผู้วางแผนทดลองยาวิเศษ และ ไมลส์ เทลเลอร์ ผู้รับบทเจฟฟ์ เป็นนักโทษผู้รู้ถึงพิษภัยของยาวิเศษะต้องการจะถูกปลดปล่อยจากคุกนี้

รีวิว spiderhead

รีวิว spiderhead บทสรุป

รีวิว spiderhead  หนังกำกับโดยโจเซฟ โคซินกี้ ผู้กำกับมากฝีมือที่เคยฝ่าผลงานไว้กับ Top Gun: Maverick (2022) , Oblivion (2013) , Torn: Legacy (2010) จากรายชื่อนักแสดงและผู้กำกับก็สามารถการันตีในเบื้องต้นได้ว่าสไปเดอร์เฮด น่าจะมีอะไรที่น่าสนใจและสร้างความประหลาดใจให้กับคนดู

แต่หลังจากดูจบแล้วส่วนตัวผมกลับรู้สึกว่าสไปเดอร์เฮด ไม่ได้มีอะไรที่สร้างความน่าสนใจหรือสร้างความประหลาดใจเลย หนังดำเนินเรื่องได้ค่อนข้างน่าเบื่อ วนเวียนอยู่แต่ในคุกสุดไฮเทค แต่ดูแล้วก็แทบไม่มีอะไรให้เห็นว่ามีแต่ความไฮเทคเลย  spiderhead บทสรุป

หนังวนเวียนอยู่กับการทดลองยาที่มีความหลากหลายอารมณ์ให้กับนักโทษ แล้วก็วนกลับเข้าสู่ปรัชญาที่ตั้งคำถามกับความถูกต้อง ระหว่างการลงโทษนักโทษให้คุมขังอย่างไร้อิสระทุกข์ทนในที่แคบ กับถูกคุมขังใจที่สบายอิสระแต่ต้องแลกกับการทดลองยาที่ผิดหลักมนุษยธรรม

ผนวกกับการนำเสนอความรู้สึกผิดบาปที่อยู่ภายในใจของนักโทษที่ได้กระทำความผิดไปในอดีต จนนำมาสู่การคุมขังในคุกแห่งนี้ แล้วหนังก็ได้บอกกับเราว่า เพราะเหตุใดนักโทษทุกคนนั้นจึงล้วนแล้วแต่ไม่มีใครอยากปฏิเสธยาถึงแม้จะรู้ว่าผลที่ได้รับนั้นจะทรมานมากมายขนาดไหนก็ตาม

รีวิว spiderhead

โดยรวมหนัง

ทั้งนี้หนังก็ได้แสดงให้เห็นภาพความกระทำผิดของตัวเอกในเรื่อง ที่เกิดขึ้นในอดีตแต่สลับกับเรื่องราวในปัจจุบันด้วย ซึ่งดูแล้วก็รู้สึกเข้าใจว่า ทำไมเขาถึงเลือกที่จะมารับโทษในการทดลองยาในคุกกลางทะเลแห่งนี้ และเมื่อตัวละครพูดว่าทำไมเขาถึงไม่ปฏิเสธยา เราก็เข้าใจได้ทันที แต่เสียดายที่เขาทำให้เห็นภาพแบบนี้กับตัวละครหลักเพียงคนเดียวเท่านั้น ตัวละครอื่นนำเสนอเพียงแค่การพูดจากปาก ก็เขาใจว่าน่าจะประหยัดงบประมาณ  spiderhead สนุกไหม

นอกจากนี้ก็ยังเป็นการตั้งคำถามว่า คุกที่กักขังร่างกายและอิสรภาพ กับคุกที่กักขังความผิดบาปในใจสิ่งไหนน่ากลัวกว่ากัน

ในด้านการแสดงก็พอไปได้ไม่ได้มีอะไรติดขัด บุคลิกของสตีฟที่แสดงโดย คริส เฮมสวิร์ธ ดูแล้วก็ค่อนข้างน่ารำคาญพูดมากสมกับบุคลิกตัวละคร ดูแล้วก็รู้ทันทีเลยว่าไอ้ตัวละครตัวนี้ไม่ได้เป็นคนดีอย่างแน่นอน และก็ไม่น่าเชื่อว่าพี่ธอร์ เทพเจ้าสายฟ้าของเราจะมาเล่นหนังอะไรแบบนี้

นอกจากนี้หนังก็ไม่ได้มีอะไรมากมายนัก ก็แค่ทำให้เห็นว่ายาตัวที่รุนแรงที่สุดนั้นมันส่งผลต่อคนอย่างไรบ้าง แล้วเมื่อตัวละครเอกของเรื่องรับรู้ว่าคุกแห่งนี้ไม่ชอบมาพากลก็ต้องการจะแหกคุกแห่งนี้ไปก็เท่านั้นเอง

ส่วนอารมณ์ของหนังก็เรียบง่าย ไม่ได้ตึงเครียดจนเกินไป และไม่ได้เบาสบายจนเป็นหนังตลกไปเลย ก็นับว่ากลางๆและด้วยความที่กลางนี่เองจึงทำให้เรารู้สึกว่ามีอารมณ์น่าเบื่อกับหนังเรื่องนี้มากกว่าอารมณ์สนุกสนานเพลิดเพลิน

สไปเดอร์เฮด แม้จะให้ปรัชญาหรือแนวคิดกับคนดูแต่ก็ไม่ได้มากมายและหนักแน่นอะไรนัก หัวใจสำคัญที่ว่าด้วยการยอมรับความผิดบาป หนังหลายเรื่องก็ได้พูดไปหมดแล้ว

และหากจะพูดในแง่ของยาวิเศษ ก็ไม่สามารถเทียบอะไรได้กับยาวิเศษที่เกิดขึ้นในหนังหลาย ๆ เรื่องอย่าง Limitless (2011) หนังที่ทำให้เห็นว่ายาวิเศษสามารถพัฒนาสมองมนุษย์ให้กลายเป็นอัจฉริยะได้ หรือ Project Power (2020) หนังจาก netflix ที่ทำให้เห็นได้ยาวิเศษนั้นสามารถเปลี่ยนคนธรรมดาให้กลายเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ได้

ดังนั้น จากที่กล่าวไปทั้งหมด Spiderhead ก็เป็นเพียงหนังที่มีอารมณ์ดิสโทเปีย หรือโลกในอุดมคติ ที่ต้องการจะทำให้โลกขาวสะอาดสดใสงดงาม แต่วิธีการที่จะนำทางไปนั้นกลับเป็นสีดำ ทั้งยังบอกว่าโลกจินตนาการที่มีแต่คนดีและสิ่งดีนั้นมันไม่มีอยู่จริงและไม่มีทางเป็นไปได้นั่นเอง

ก็นับว่าเป็นหนังที่พอดูได้ ทำงานบ้านไปทำการบ้านไป หรือเปิดทิ้งเอาไว้ในขณะอ่านหนังสือก็ได้ เปิดเอาไว้เป็นเพื่อนแก้เหงาก็ไม่เสียเวลาครับ  หนังฝรั่ง netflix

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *