รีวิว Spencer รักร้าวของเจ้าหญิงไดอาน่า
ชีวิตของเจ้าหญิงไดอาน่าเคยถูกหยิบมาถ่ายทอดในรูปแบบภาพยนตร์ไปบ้างแล้ว แต่ก็เหมือนเรื่องราวของเธอจะเต็มไปด้วยสีสัน ภายในนั้นเต็มตื้นไปด้วยเรื่องราวของอารมณ์และความรวดร้าว ตามมาติดๆ กับอีกหนึ่งหนังสายรางวัลประจำปีนี้กับอีกครั้งที่ฮอลลิวูดได้เลือกหยิบเอาเรื่องราวของเจ้าหญิงคนดังแห่งราชวงศ์อังกฤษมาตีแผ่ขึ้นจออีกหน แต่ในคราวนี้กลับได้เลือกนำเสนอในรูปแบบที่แตกต่างไปจากเดิมสักหน่อย เพราะนี่ไม่ใช่หนังเชิงชีวประวัติ
ถ้าจะมีคนหยิบมาถ่ายทอดมันอีกครั้ง แต่แน่นอนว่า ฉบับนี้ย่อมจะพยายามไม่ซ้ำเส้นทางเดิม วันนี้ เราจึงมี ‘Spencer’ ชื่อไทยทับศัพท์ว่า ‘สเปนเซอร์’ ที่บอกเล่าเรื่องราวรักอันร้าวรานของไดอาน่า…
นับตั้งแต่มีการนำชีวิตของเจ้าหญิงไดอานา (Princess Diana) มาบอกเล่าต่อในสื่อภาพยนตร์และซีรีส์ มีนักแสดงสาวที่สวมบทบาทเป็นเจ้าหญิงขวัญใจมหาชนนับเป็น 10 คนแล้ว และทุกเรื่องก็มักเคลมเอาปมปัญหาความอึดอัดที่เธอต้องอยู่ในภายใต้ชายคาเดียวกับราชวงศ์วินเซอร์ (Windsor) และเรื่องรักร้าวระหว่างไดอานากับเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ (Prince Charles) มาถ่ายทอดให้คนดูเห็นใจและเห็นถึงความเป็นเลือดนักสู้
และกับ ‘Spencer’ หนังก็เลือกฉีกทางมาเล่าเป็นแนวดรามาจิตวิทยาผ่านการกำกับของ พาโบล ลาเรน (Pablo Larrain) ที่เคยส่ง นาตาลี พอร์ตแมน (Natalie Portman) เข้าชิงออสการ์มาแล้วจาก ‘Jackie’ มาคราวนี้ลาเรนเลือกคริสเทน สจวร์ต (Kristen Stewart) มารับบทไดอานาฉบับจิตตกที่คราวนี้หนังจะพาเราไปสำรวจห้วงความคิดของไดอานาที่ต้องทนใช้ชีวิตกับพระบรมวงศานุวงศ์ช่วงคริสต์มาสตลอด 3 วัน
ในทางตรงข้ามกับหนังเรื่องอื่น ‘Spencer’ ไม่เน้นโครงเรื่อง ไม่มีเป้าหมายตัวละครที่ชัดเจนหรือกระทั่งการให้เหตุผลการกระทำของตัวละครอย่างตรงไปตรงมา มันคือบทเปรียบเทียบเปรียบเปรยที่ศิลปินในที่นี้คือ พาโบล ลาเรนเลือกจะนำเสนอ เหมือนเอาแค่ตัวละครชื่อไดอานาในช่วงที่ยังเป็นเจ้าหญิงและอภิเษกสมรสกับเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์มาอยู่ในสถานการณ์ของช่วงพักผ่อนคริสต์มาสต์ ซึ่งหนังก็เลือกเปิดเรื่องด้วยข้อความว่า “เรื่องแต่งจากโศกนาฏกรรมจริง” ซึ่งนั่นหมายความว่าเรื่องที่เขาจะเล่าอาจจะจริงหรือไม่จริงก็ได้
แต่ท้ายที่สุดมันก็ดันพึ่งพาเหตุการณ์อ้างอิงหลายอย่างอยู่ดีโดยเฉพาะความอึมครึมในความสัมพันธ์อันอื้อฉาวระหว่างเจ้าหญิงไดอานา เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์และนางคามิลลา พาร์คเกอร์ โบลส์ (Camilla Parker Bowles)ที่หนังพยายามไม่เอ่ยชื่อและไม่ลงลึกในรายละเอียด แต่เลือกจะถ่ายทอดผลของความสัมพันธ์อันเป็นพิษผ่านอาการเสียสติของเจ้าหญิงไดอานาด้วยท่าทางการเดินไปเดินมาและทำตาถลนรวมไปถึงการเลือกหยิบอาการบูลิเมีย (Bulimia) หรืออาการล้วงคออ้วกมานำเสนอซ้ำไปมา
แต่กระนั้นแทนที่หนังจะสามารถพาคนดูคล้อยตามและเห็นใจไปจนถึงร่วมประสบการณ์ความอึดอัดกดดันจนเห็นใจตัวละคร ตรงกันข้ามเรากลับได้เห็นว่าหนังพยายามตั้งธงเหลือเกินว่าราชวงศ์วินเซอร์คือปีศาจร้ายที่ทำร้ายหญิงสาวคนหนึ่งจนแทบเสียสูญ ดังนั้นมันจึงให้เราเห็นตัวละครเพียงมิติเดียวแทบทั้งเรื่องคือตัวละครอื่นนอกจากไดอานา เจ้าฟ้าแฮรีและเจ้าฟ้าวิลเลียมคือชั่วหมด ใจร้ายเสียเต็มประดา
ซึ่งต่างจากข้อมูลรอบด้านที่เราได้รับมาจากซีรีส์ ‘The Crown’ ที่ทำให้เราเห็นทั้งความน่าสงสารของเจ้าหญิงไดอานาและทำให้เห็นการรับมือกับกระแสสื่อที่เริ่มทิ่มแทงราชวงศ์จนทางพระนางเจ้าเอลิซาเบธที่ 2 (Queen Elizabeth II) เองก็ต้องหาทางรับมือกับพายุที่ทำให้ระบอบกษัตริย์สั่นคลอน แต่เอาล่ะในเมื่อหนังต้องการให้เราเห็นใจไดอานา เราก็จะไม่นำส่วนนี้มาต่อว่าหนัง ทีนี้เรามาดูเรื่องนักแสดงที่มาถ่ายทอดบทบาทนี้จนมีชื่อเข้าชิงรางวัลมากมายอย่างคริสเทน สจ๊วร์ตกันดีกว่า
สำหรับคริสเทน สจวร์ต ในบทของเจ้าหญิงไดอานาก็ต้องบอกว่าแม้เธอจะถ่ายทอดความอึดอัดของตัวละครได้ดีและยอมรับว่าหนังให้โอกาสเธอได้เปล่งประกายในหลายเรื่องทั้งการฝึกสำเนียงอังกฤษและการปรากฎกายในอากัปกริยาที่คล้ายเจ้าหญิงไดอาน่ามาก ๆ ซึ่งก็คือ “การเอียงคอ” ซึ่งหนังมีช็อตที่สจวร์ตต้องเอียงคอเยอะซะจนไม่แน่ใจว่าผู้กำกับอย่างลาเรนได้บรีฟข้อมูลตัวละครอย่างอื่นบ้างหรือเปล่าเพราะนอกจากอากัปกริยาที่พยายามก็อปมาจากไดอานาและหน้าตาที่เหมือนคนอยากอาเจียนตลอดเวลาแล้วเธอแทบจะไม่สามารถถ่ายทอดความเจ็บปวดหรือสภาวะที่ตัวละครต้องเผชิญจนไม่อาจนำพาอารมณ์คนดูให้รู้สึกร่วมตามไปได้เลย
ไดอาน่าเวอร์ชันนี้กำกับโดย Pablo Larraín ชายชาวชิลีที่เคยกำกับหนังแนวเดียวกันอย่าง Jackie ในปี 2016 ครั้งนั้น เขาหยิบจับเอาสุภาพสตรีหมายเลข 1 ผู้เป็นภรรยาของประธานาธิบดี จอห์น เอฟ. เคนเนดี้ ของสหรัฐฯ มาบอกเล่า จนทำให้เราสะเทือนใจไปกับบทบาทของ Natalie Portman กันไปแล้ว มาครั้งนี้ เขาหยิบเสี้ยวหนึ่งของชีวิตหญิงสาวที่ทั่วโลกรู้จักจากอีกฟากหนึ่งของโลกมาบอกเล่า
ได้เวลาสัมผัสกับชีวิตเสี้ยวนั้นของเธอกันแล้วล่ะ
เว็บดูหนังออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง
รีวิว Spencer รักร้าวของเจ้าหญิงไดอาน่า
และผลลัพธ์จากการที่หนังเองก็พยายามถ่ายทอดข้อมูลด้านเดียวและพยายามปั้นแต่งเปรียบเปรยกับวรรณกรรมต่าง ๆ มากจนเกินงามสุดท้ายตัวละคร ไดอานาของสจวร์ตเลยกลายเป็นแค่แบบฝึกหัดการเอียงคอและกดเสียงต่ำพร้อมพูดสำเนียงอังกฤษไปเสียอย่างนั้นจนน่าเสียดายไม่น้อยว่าแม้หนังจะพยายามดึงคนดูด้วยงานดีไซน์เสื้อผ้าสวย ๆ การออกแบบซีนที่ดูปราณีตมากท้ั้งฉากโต๊ะสนุ๊กเกอร์ในซีนที่ทำให้เห็นว่าฟ้าชายชาร์ลส์หมดรักเธออย่างสิ้นเชิง
หรือการพยายามเลาะด้ายที่เย็บติดผ้าม่านกันพวกปาปาราสซี่ออกเพื่อแสดงถึงภาวะที่ตัวละครต้องการพื้นที่หายใจก็กลับกลายเป็นการประดิดประดอยจนเกินงามและพยายามเหลือเกินจะให้มันดูเป็นซิมโบลิกสื่อความหมายแต่ท้ายสุดก็กลับกลายเป็นความเอื่อยเฉื่อยอันน่ารำคาญ แม้จะถ่ายทอดผ่านงานกำกับภาพอันลื่นไหลประหนึ่งดูหนังอาร์ตของผู้กำกับเทอร์เรนซ์ มาลิค (Terrence Malick) ก็ไม่อาจฉุดคนดูให้อยู่กับหนังได้จนบางคนถึงกับถอนสายบัวอำลาไดอานาไปเข้าเฝ้าพระอินทร์กันเป็นแถบ
เอาจริงๆ ก็แทบไม่ต้องเล่าอะไรมากมายนัก สำหรับประวัติชีวิตของผู้หญิงคนนี้ ความที่เธอเป็นเจ้าหญิงผู้โดดเด่นด้านความงาม ทั้งมีเรื่องราวชีวิตรักที่ไม่เคยจะสมหวัง และหนังเรื่องนี้ก็หยิบช่วงเวลาเพียงสั้นๆ 3 วันเท่านั้นของเธอมาบอกเล่า
เจ้าหญิงไดอาน่า (คริสเตน สจ๊วต/Kristen Stewart จากหนังเรื่อง Café Society, American Ultra และ Still Alice) เจ้าหญิงแห่งเวลส์ที่ใช้ชีวิตแต่งงานกับ เจ้าชายชาร์ลส์ (แจ็ค ฟาร์ธิง/Jack Farthing จากหนังเรื่อง The Lost Daughter, The Riot Club และซีรีส์เรื่อง Poldark ) แม้มีลูกชายด้วยกันสองคน คือ วิลเลียม (Jack Nielen) และแฮร์รี่ (Freddie Spry) แต่ดูเหมือนเธอจะไม่เคยมีความสุขเลย
เธอต้องอยู่กับธรรมเนียมประเพณีที่ขีดคั่น ภาพลักษณ์ที่ต้องสง่าและดีพร้อมตลอดเวลา บีบให้เธอต้องมีชีวิตเหมือนอยู่ในกรงขัง เธอจำต้องดิ้นรนเพื่อหลุดพ้น และช่วงเวลาระหว่างนั้นก็ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นภาพยนตร์ดราม่าเชิงชีวประวัติที่มีความยาว 117 นาทีเรื่องนี้
หลังจากได้ดูหนังเรื่องนี้แบบเต็มๆ แล้ว บอกได้เลยว่า มันเป็นหนังแนวชีวประวัติที่แตกต่างจากหนังแนวเดียวกันเรื่องอื่นๆ หนึ่งคือ มันโฟกัสเพียงชีวิตของตัวละครเอกเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ เพื่อจะได้ขับเน้นทุกอารมณ์และความรู้สึกของตัวละครออกมาอย่างใกล้เคียงที่สุด รวมทั้งเรื่องราวของเจ้าหญิงองค์นี้ คงแทบไม่มีใครในโลกแล้วมั้งที่จะไม่รู้จัก จึงอาจไม่จำเป็นต้องมานั่งเล่าเรื่องตั้งแต่เด็กยันตายของเธออีกครั้ง
เพียง 3 วันก็เพียงพอแล้วสำหรับไดอาน่า
ชีวิตรักของไดอาน่ามืดมนเสมอมาไม่ว่าเธอจะคบหรือแต่งกับใคร การแต่งงานครั้งแรกของเธอคือการแต่งกับคนในราชวงศ์ เจ้าชายแห่งเวลส์ คือคนที่ทำให้เธอกลายเป็นเจ้าหญิงแห่งเวลส์ เขาคือรักแรก แต่กลับกลายเป็นคนที่ไม่ได้ให้ ‘ความรัก’ จริงๆ กับเธอ ดูเหมือนเขาจะมีสัมพันธ์อยู่กับหญิงคนอื่น ซึ่งก่อความช้ำใจให้กับเธออย่างมาก
ประกอบกฎระเบียบที่เคร่งครัดภายในวัง กลายเป็นอีกแรงผลักที่สร้างความอึดอัดให้กับเธอ มันส่งผลไปทุกอย่าง ความเครียดหนักทำให้กินข้าวไม่ลง กินแล้วก็ต้องไปอาเจียนต่อในห้องน้ำ จนผ่ายผอมลงทุกวัน ด้านจิตใจก็ไม่ต่างจนเธอแสดงพฤติกรรมที่ทำให้คนอื่นในวังต้องเอือมระอา
เรื่องราวที่ถูกเล่าในช่วงเทศกาลคริสต์มาส ที่คนในราชวงศ์นี้จะย้ายมาพำนักที่ตำหนักซานดริงแฮม ทุกคนจะต้องชั่งน้ำหนักทั้งก่อนและหลังเพื่อดูว่ามีความสุขดีหรือไม่ ทั้งต้องแต่งตัวตามที่ถูกกำหนดไว้ ทุกอย่างบีบเค้นจนอึดอัน เธอจึงมักทำตัวขบถ ด้วยการขับรถออกไปข้างนอกคนเดียว กลับมาร่วมโต๊ะล่าช้ากว่าคนอื่นๆ และอะไรต่อมิอะไรที่บ่งบอกว่า เธอสุดจะทนแล้วกับวังวนชีวิตภายในวังเช่นนี้
ความรู้สึกหลังดู
ทั้งหมดคือสิ่งที่ Kristen Stewart ต้องรับหน้าที่แสดงบทบาท แสดงความรู้สึกที่อัดอั้นจนใกล้ระเบิดออกมาให้ผู้ชมได้รับรู้ ซึ่งเธอก็ทำได้ยอดเยี่ยมทั้งสีหน้า แววตา ท่าทาง หนังบอกเราถึงชีวิตของคนที่ต้องอยู่ตรงนั้นว่า พวกเขาต้องมีสองชีวิต ชีวิตจริงๆ กับชีวิตที่อยู่หน้ากล้อง เธอไม่อาจฝีนทนปั้นหน้าทั้งที่ข้างในไม่รู้สึกแบบเดียวกันอย่างนั้นได้อีกต่อไป หนังให้เวลาเธอได้แสดงบทบาทเป็นเลดี้ไดอาน่าที่เจ็บปวดรวดร้าวทั้งด้านชีวิตรักและการมีชีวิตอยู่ได้อย่างเต็มเปี่ยม
‘สเปนเซอร์’ มีเธอเป็นคนแบกหนังทั้งเรื่องไว้คนเดียวจริงๆ
หนังบอกเล่ากับเราด้วยสไตล์โซโคนิดๆ พยายามขับเน้นสภาพของจิตใจที่แตกสลายออกมาให้เห็นแจ่มชัดที่สุด บางช็อตอาจแทรกไว้ด้วยอารมณ์ขัน แม้หนังจะไม่ได้เดินเรื่องหวือหวา แต่ว่าก็กลับสะกดผู้ชมให้อยู่กับหนังไปได้จนจบโดยไม่เกิดอาการง่วงงุนแต่อย่างใด
ไหนเล่าคือชีวิตรักดั่งเทพนิยาย ไม่มีตรงไหนในหนังเรื่องนี้ที่ทำให้รู้สึกตรงนั้นเลยสักนิดเดียว ความประทับใจในตัวหนังนอกเหนือจากลีลาการแสดงของ Kristen Stewart แล้วก็คงจะเป็นงานด้านการถ่ายภาพ
คงต้องบอกว่า สวยสดสะกดใจมากมายในแต่ละวินาทีที่ผ่านไป บางส่วนยิ่งใหญ่อลังการ บางส่วนร้าวรานสะเทือนใจ Cinematography เต็มอิ่มจนล้นจอ
ดูหนังออนไลน์ฟรีไม่กระตุกภาคไทย
สิ่งที่ดีเยี่ยมและสอดประสานกันได้อย่างลงตัว คือ งานดนตรีประกอบที่ทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยมในการส่งเสริมอารมณ์ของภาพ ส่วนใหญ่จะมาในช่วงที่ไม่มีบทพูด บางช่วงเต็มไปด้วยชีวิตชีวา แต่บางเวลามันกลับบรรเลงด้วยลีลาที่กรีดลึก
ช่วงระยะเวลาสั้นๆ เพียง 3 วันของสตรีผู้มีรูปโฉมงดงาม แต่ชีวิตรักช่างเจ็บปวดแสนสาหัส หัวใจที่แตกเป็นเสี่ยงๆ อยู่ภายใต้ภาพลักษณ์อันเริ่ดหรู อาศัยอยู่ในวังอันโอ่อ่า ไดอาน่าผู้สับสนในหนทางเดิน เธอจำเป็นต้องเลือกระหว่างการถูกทอดทิ้งให้โดดเดี่ยว หรือทำตัวขบถ
ซึ่งแน่นอนว่า ผู้คนย่อมรู้แล้วว่าเธอเลือกอย่างไหน
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
ชื่อภาพยนตร์ Spencer / สเปนเซอร์
ผู้กำกับ Pablo Larraín/ปาโบล ลาร์เรน
ผู้เขียนบท Steven Knight
นักแสดง Kristen Stewart/คริสเตน สจ๊วต, Timothy Spall, Jack Nielen, Freddie Spry, Jack Farthing/แจ็ค ฟาร์ธิง, Sally Hawkins
แนว/ประเภท Drama, Biography
เรท R
ความยาว 117 นาที
ปี 2021
วันเข้าฉายในไทย 13 มกราคม 2022
ผู้ผลิต/ผู้จัดจำหน่าย Shoebox Films, Komplizen Film, FilmNation Entertainment, Topic Studios, Fabula, M Pictures