รีวิว Silent Hill เมืองห่าผี
สวัสดีแอดมินเชื่อว่าแฟนหนังและเกมสยองขวัญ คงจะคุ้นเคยกับชื่อของ หนังสยองขวัญ Silent Hill เมืองห่าผี กันเป็นอย่างดี เพราะเดิมที่หนังเรื่องนี้เป็นแกมน่ากลัวจากประเทศญี่ปุ่น ที่ดูเหมือนเนื้อหาจะไปเตะตาผู้กำกับฮอลลีวูดเข้าอย่างจังกระทั่งกลายมาเป็นหนังที่น่าสนใจอย่างมากเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม
หากพิจารณาเพียงจากปีที่ฉาย หลายคนอาจมองว่ามันเป็นเพียงหนังเก่า แต่.. ที่จริงแล้วรับรองว่าหนังสยองขวัญ Silent Hill เมืองห่าผี เป็นหนังที่น่าดูเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว ส่วนจะมีความน่าสนใจแค่ไหน ลองมาฟังรีวิวแบบไม่ต้องเสี่ยงการสปอยจากบทความชิ้นนี้กันเลย
ถ้าพูดถึงภาพยนตร์ที่สร้างจากวิดีโอเกมที่พอดูได้หรือค่อนข้างดีแต่ไม่ดีที่สุด หลายคนคงจะคิดถึงภาพยนตร์เรื่อง ‘Silent Hill’ หรือที่บ้านเรารู้จักในชื่อ “เมืองห่าผี” ที่เพิ่งครบรอบ 16 ปีไปเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ปี 2006 ที่แม้เนื้อเรื่องจะต่างกับในเกมไปมาก แต่โดยรวมเนื้อหาก็มีกลิ่นอายความเป็น ‘Silent Hill’ เอาไว้ได้ครบถ้วน ซึ่งถ้าผู้กำกับทำตามในเกมจะยอดเยี่ยมกว่านี้มาก ๆ ขณะที่ส่วนของคนที่ไม่ได้เล่นเกม ก็ชื่นชอบในความน่ากลัวบิดเบี้ยวของโลกในภาพยนตร์ ที่ทำออกมาได้ดีน่าค้นหาและอยากรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
ซึ่งใครที่ยังไม่เคยดูเราขอแนะนำเลยสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ ส่วนใครที่เคยดูมาแล้ววันนี้เรามาทบทวนความทรงจำ และมาย้อนดูสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์เรื่องนี้กัน ซึ่งหลายเรื่องเชื่อว่าหลายคนยังไมทราบ ถ้าพร้อมแล้วก็เตรียมตัวให้พร้อมแล้วมาลุยในเมืองห่าผีไปพร้อม ๆ กันเลย
จุดเริ่มต้นความหลอกหลอนภาพยนตร์เมืองห่าผี Silent Hill
ย้อนเวลากลับไปเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ปี 2006 ภาพยนตร์จากเกมชื่อดังของ ‘Konami’ ในชื่อไทยว่า “เมืองห่าผี” ได้ฉายในบ้านเราพร้อมกับความคาดหวังแบบไม่ค่อยอยากหวังของแฟนเกม เพราะในตัวอย่างที่ปล่อยออกมานั้นแม้มีหลาย ๆ อย่างที่เป็นองค์ประกอบมาจากเกม ‘Silent Hill’ ทั้งบรรยากาศในเมือง องค์ประกอบฉาก เนื้อเรื่องเกี่ยวกับการตามหาลูกสาวที่หายตัวไป แต่ก็มีหลายอย่างที่ถูกเปลี่ยนไป อย่างตัวเอกที่เปลี่ยนจากผู้ชายมาเป็นผู้หญิง มีการใส่มอนสเตอร์ที่มาจากภาคอื่นอย่าง ‘Pyramid Head’ ที่ไม่มีในภาคแรกลงไปในภาพยนตร์ จนแฟนเกมเริ่มเห็นความไม่เหมือนในเกมและคิดว่ามันต้องออกมาไม่ดีแน่ ๆ
แต่พอได้ชมภาพยนตร์จากเสียงที่เคยต่อว่าเรื่องความไม่เหมือน ก็ถูกแยกออกเป็นสองกลุ่มทันทีจากคนเล่นเกม แบบแรกคือฝั่งชอบภาพยนตร์ที่ใช้องค์ประกอบจากเกมได้อย่างลงตัว แม้จะเปลี่ยนเนื้อเรื่องไปจนเกือบหมด แต่หัวใจหลักและแก่นของเรื่องก็ยังคงอยู่ กับอีกฝ่ายที่ไม่ชอบภาพยนตร์เลย เพราะตัวภาพยนตร์บิดเบือนเนื้อหาไปจนเป็นเรื่องราวใหม่ ทำให้ทุกอย่างดูเพี้ยนไปคนละแบบจากเกม แถมเนื้อเรื่องก็สลับด้านกลับขั้วใส่สิ่งที่ไม่มีลงไปในภาพยนตร์จนแทบจะเป็นเรื่องราวใหม่ ขณะที่คนซึ่งไม่เคยเล่นเกมต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าสนุกตื่นเต้นและชอบมาก ๆ จนภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่ตรงกลางของความดีและไม่ดี ที่จนถึงตอนนี้ก็ยังเอามาถกเถียงกันได้เรื่อย ๆ จากคนเล่นเกม
บอกตรงๆ ช่วงนี้หลอนยังไงก็ไม่ทราบครับ ใครพูดถึงหนังเรื่องนี้ทีไรล่ะชื่อไทยมันลอยมากระแทกหน้าทุกที และชื่อที่ลอยมาก็ไม่ใช่เมืองห่าผีครับ มันเป็นเมืองผ่า! ไปซะงั้นน่ะ
เอาล่ะ ก็ตามธรรมเนียมครับ ดูแล้วก็เอามาร่ายกัน คิดไงก็ว่างั้นนะครับ ดังนั้นถ้าคนดูแล้วเห็นต่างกันไปก็ไม่แปลก และถ้าลองพิจารณาจากกระแสล่ะก็เห็นทีผมคงคิดต่างจากชาวบ้านไม่ใช่ย่อยแหงๆ
ถ้าพูดตรงๆ แบบไม่อ้อมค้อมตรงนี้ก็บอกได้ว่า ผมออกจะชอบครับ กับ Silent Hill … อ้า ใช่ ต้องออกตัวก่อนอีกแล้วครับว่าผมไม่เคยเล่นเกม ไม่เคยเลยแม้แต่ภาคเดียวนะครับ ดังนั้นผมก็คงนึกอารมณ์ตอนเล่นเกมไม่ออกหรอกนะครับ
เรื่องในหนังนั้นว่าด้วยครอบครัวเล็กๆ ที่ประกอบไปด้วย คริสโตเฟอร์ เดอ ซิลวา (Sean Bean) กับ โรส (Radha Mitchell) และลูกเลี้ยงของพวกเขา ชารอน (Jodelle Ferland) สาวน้อยน่ารักสดใสที่มักมีอาการละเมอเป็นประจำ และละเมอแต่ละครั้งนี่พ่อแม่หัวใจจะวายครับ เกือบตายหลายที และทุกครั้งที่เธอละเมอ เธอจะต้องกล่าวถึงชื่อนี้เสมอ … “ไซเลนท์ ฮิลล์”
รีวิว Silent Hill เมืองห่าผี
โรสเลยพยายามที่ขะหาทางให้ลูกเลิกละเมอเสียที โดยการพาเธอไปยังเมืองไซเลนท์ ฮิลล์ของจริงซะเลย เพื่อจะได้ไขข้อข้องใจไปในตัวด้วยว่า เมืองนี้มันมีอะไรเกี่ยวโยงกับลูกของเธอคนนี้หรือเปล่า
แต่แล้วระหว่างทาง โรสก็เกิดความเข้าใจผิดกับ ซีบิล เบนเนทท์ (Laurie Holden) ตำรวจสาวที่สงสัยในพฤติกรรมของเธอ เลยมีการขับรถไล่ล่ากันเล็กน้อย จนทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น โรสหัวกระแทกจนสลบไป … และพอตื่นขึ้นมา ชารอนที่นั่งมากับเธอด้วยกลับหายตัวไปโดยไร้ร่องรอย
และเธอก็ค้นพบว่าตนเองได้มาถึงแล้ว … Silent Hill
จากนี้จะเกิดอะไรกับเธอบ้าง ผมก็ขออุบเงียบล่ะครับ อยากรู้ก็ต้องไปดู
เอาล่ะ หนังเป็นไง … เผอิญผมไปดูคนเดียวด้วยน่ะครับ (คือหลอกสาวๆ ไปไม่ได้ซักราย ฮิๆๆ) เลยไม่มีเสียงอื่นบอกว่าชอบไม่ชอบ แต่เท่าที่ได้ยินมาหลายคนก็ออกไปทางเฉยๆ ก็มีนะครับ กระแสเสียงไม่ใคร่จะสวยนักน่ะว่าตามตรงเลยแล้วกัน อันนี้ที่มาเล่าก็เพื่อประกอบการพิจารณาครับ ไหนๆ ก็รีวิวให้ชาวบ้านฟังผมก็ต้องขอรวมเอาหลายๆ เสียงมาบอกหน่อยน่ะนะครับ ท่านจะได้ไม่เชื่อผมคนเดียว เพราะผมมันประหลาดคนน่ะครับ หลายเรื่องชอบทั้งๆ ที่คนอื่นเฉยก็มี อย่าง The Omen ก็เหมือนกัน หลายรายก็นิ่ง แต่ผมนั่งแฮ้ปปี้ดีพร้อมอยู่คนเดียว (555)
ความรู้สึกหลังดู
และใช่ครับ สำหรับเรื่องนี้ผมกระเดียดไปทางชอบนะ
ถ้าถามว่าทำไมถึงชอบก็คงเนื่องมาจากสไตล์ความชอบส่วนตัวน่ะครับ คือผมนี้มันชอบหนังแนวซ่อนปมน่ะ ประเภทให้ตัวเอกต้องไปเจอกับเงื่อนงำปริศนา แล้วหนังก็ดำเนินไป ปมค่อยๆ คลายตาม ผมว่ามันมีเสน่ห์นะ น่าติดตามน่ะครับ ออกจะลุ้นด้วยว่าหนังจะเอาอะไรมาบอกเราในตอนท้าย
เรื่องทั้งหมดมันเกิดเพราะอะไร ซึ่งสไตล์หนังแบบนี้ก็ให้นึกถึงพี่ Roman Polanski รายนี้ผมว่าเป็นจอมเลยนะ ทำเก่งมาก ไม่ว่าจะ Rosemary’s Baby, China Town, Frantic, Death And The Maiden หรือ The Ninth Gate (และเกมนี้ก็ได้แรงบันดาลใจมาจากหนังสไตล์นี้ด้วยน่ะครับ) มันเลยเข้าทางผม และอีกอย่างก็ต้องยอมรับล่ะครับว่าหนังแนวนี้มีไม่ค่อยมากน่ะ ดังนั้นมาทีก็ดีใจเป็นธรรมดา และหนังเองก็ยังทำออกมาได้ไม่เลวด้วย
งาน Effect จัดว่าดีเลยครับ ฉากก็ดี ดูแล้วมันไม่ใช่โลกของเราจริงๆ โลก Silent Hill เนี่ย ตอนขาวโพลนก็ขาวเลยนะครับ แต่ก็ให้อารมณ์ผวา ดังนั้นพอตอนความมืดวิ่งเข้ามาล่ะก็เลิกพูดกันตัวใครตัวมันครับ สีสยองใช้ได้จริงๆ ไอ้พวกตัวบ้านั่นก็น่าขนลุกดี ยิ่งไอ้พี่โดนมัดโซ่นั่นก็สยดสยองกันไปล่ะครับ
เอาแค่เสียงก็ไม่ไหวแล้วอ้า มันตัวบ้าชัดๆ อ้าใช่พูดถึงเรื่องเสียง ผมว่าโอเคเลยนะครับ เสียงพวกตัวประหลาดหรือ Sound ค่อนข้างได้อารมณ์ ดนตรีจังหวะก็วังเวงแบบแปลกๆ ดี ซึ่งดนตรีส่วนมากก็เอามาจากเกมน่ะแหละฮะ อย่างเพลงก็เหมือนกัน ตอนฟังสมัยโน้นยังรู้สึกว่ามันหลอนไม่เลว จังหวะมันเงียบๆ เหงาๆ น่ะครับ สิ้นหวังพิลึก
ผมชอบอีกอย่างตรงที่หนังไม่ได้พยายามเล่นมุข ตึ่ง หรือมุขหลอกให้คนตกใจเท่าไหร่ เล่นกับบรรยากาศล้วนๆ ซึ่งนั่นก็กึ่งดีกึ่งเสียนะครับ เพราะบางคนก็ต้องการความตกใจหรืออะไรบ้าง แต่กับในหนังเหมือนกับเขาไม่ได้ตั้งหน้าตั้งตาพยายามให้เราตกใจเท่าไหร่ครับ เขาจะไปเน้นตรงการนำเสนอมิติหลอน SH และมุ่งไปที่การสื่อความหมายต่างๆ มากกว่า ซึ่งใครที่เล่นเกมและตามเนื้อเรื่องของเกมบ้างก็คงเจออะไรให้อ๋อๆ ตลอดทั้งเรื่องล่ะครับ อย่างไอ้พี่หัวปิรามิดสุดโหดนั่น น่ารักจริงๆ เลย
พูดถึงตัวประหลาด จริงๆ ผมชอบหมดแหละครับ มันออกมาค่อนข้างดี ยกเว้นตรงนางพยาบาลนั่นแหละที่ออกจะดูน่าขันมากกว่าจะน่ากลัว อ้อ และอีกอย่าง ขอบอกนะครับว่าโฆษณาน่ะมั่ว ที่บอกนางพยาบาลติดไวรัสอะไรนั่นมันไม่ใช่อย่างงั้นนะครับ เดี๋ยวจะนึกว่าเป็นหนังแบบ Resident Evil ที่มีแค่เดินไปเจอปีศาจแล้ววิ่งหนี ไม่เลยครับ ไม่ใช่ หนังมันเป็นแนวซ่อนปมมากกว่านั้น และปีศาจที่เห็นก็ไม่ใช่แค่ปีศาจธรรมดา มันมีความหมายครับ อย่างที่ชาวเกม SH ทราบกัน เกมนี้มีความหมายแฝงเพียบไปหมดครับ เอาแค่เรื่องมิตินี่ก็ร่ายได้ยาวเป็นวาแล้ว และคนที่เล่นเกมมาก็น่าจะเข้าใจความเป็นไปในหนังได้ดีล่ะครับ เพราะหลายๆ อย่างมันอิงจากทฤษฎี มิติ SH อยู่เยอะ
บางคนงง ผมไม่ได้เล่นเกมแล้วไปเก็ทอะไรกับเขายังไง คือ จริงครับที่ผมไม่ได้เล่นเกมเลย ไม่เคยแตะต้อง แต่ผมชอบเรื่องราวของ SH มากๆ ประมาณเพื่อนเล่าเรื่องแล้วผมก็ไปหาอ่านต่อ จนรู้เรื่องในเกมหมด (แต่ดันไม่เคยเล่นเกมเลย 555) จนภาวนาให้เขาช่วยเขียนนิยายออกมาจะดีมากเลยครับ ยอมรับว่าคนคิดเกมนี้สุดยอดจริงๆ มีความซับซ้อน มีความหมายและความน่ากลัวอยู่เพียบจริงๆ คือพวกเขาไม่ได้คิดแค่เกมนะครับ เขาคิดโลก และเหตุผลในมิตินี้ขึ้นมาทั้งหมด ผมก็เลยอยากแนะนำให้คนที่ชอบเรื่องราวแนวลึกลับนะครับ ลองไปค้นหาเรื่องราวของ SH มาอ่านยาวๆ หรือจะเล่นเกมก็ได้ครับ แล้วท่านจะหลงใหลในโลกของ SH เพราะมันน่าค้นหาจริงๆ (แต่ไม่น่าไปอยู่นะ ไม่เอาอ้ะ)
ดังนั้น ว่ายังไงดี อา ก็คนที่ชอบหนังแนวลึกลับซ่อนปมนะครับ ผมว่าน่าลองทีเดียว หนังก็สยองใช้ได้เหมือนกันนะ น่าติดตามดี การเดินเรื่องก็ดี ไอ้เรื่องเหตุผลนั้น ไม่รู้สิครับมันพูดยากนะ คือนี่ไม่ใช่หนังฆาตกรรมน่ะครับ จะมานั่งคิดว่าโน่นเป็นไปไม่ได้ นี่เป็นไปไม่ได้มันก็เหนื่อยน่ะครับ
ดีไม่ดีปวดหัวด้วย คือในเรื่องมันเป็นมิตินรกน่ะครับ เขาไม่มานั่งถามเหตุผลกับท่านหรอก มันก็เหมือนกับกรณีผี Ju On น่ะแหละ บางคนบอกเป็นไปไม่ได้ ผีจะมาลอดผ่าห่มได้ไง แต่ขอโทษเถอะครับถ้าท่านเป็นผีที่แค้นจัดๆ ล่ะ เหมือนคนเราเวลาตกใจ ยกโอ่งหนักๆ
ยังทำได้เลยนี่ เรื่องพวกนี้เราไม่รู้ครับ และผมเชื่อว่าโลกเรานี้ยังมีอะไรอีกมากมายที่หลักเหตุผลและคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ยังต้องมานั่งทำตาปริบๆ ดังนั้นเวลาผมดูหนังพวกนี้นะ ผมไม่เอาตำราฟิสิกส์หรืออะไรเข้าไปหรอกครับ ผมแค่ไปอยู่ตรงนั้นแล้วซึมซับกับโลกตรงนั้นไป
ถ้ามันทำได้เนียนไปกับตัวมันเอง ผมว่ามันก็โอเคแล้วอ้ะ และในเรื่องผมว่ามันก็ไปได้นะ เหตุผลโดยรวมๆ ก็นับว่าลงดี แต่ผมก็เข้าใจครับ บางท่านอาจไม่เก็ทไม่รู้ว่าโลก SH มันทำอะไรได้บ้างก็เลยอาจไม่เข้าใจ อันนี้ก็ลองอ่านเพิ่มครับ เชื่อเถอะ ผมว่าอย่างน้อยท่านจะรู้สึกโอเคกับหนังที่ดูเหมือนจะไม่มีสาระเรื่องนี้มากขึ้นเยอะทีเดียว
ครับ ตกลงว่าผมชอบน่ะ ว่าก็ว่าเถอะ ดังนั้นนี่ผมอาจจะลำเอียงอะไรบ้างก็ขออภัยล่ะนะครับ แต่ก็ว่าตามที่คิดน่ะแหละ หนังก็ออกมาดีครับ ดาราดี ฉากและส่วนต่างๆ ค่อนข้างดี บทสรุปก็สะใจดี และเปิดทางสำหรับภาคต่อเหมือนกัน เอาเป็นว่าถ้าท่านอยากดูหนังลึกลับนะครับ เรื่องนี้คุ้มไม่เลว มันอาจทำให้ท่านอยากเล่นเกมก็ได้ครับ ผมยังอยากเลย อยากมาจะสองปีแล้วเนี่ย แต่ก็ไม่มีเวลาซักที แต่ก็รู้เนื้อเรื่องไปจบหมดแล้ว (555) ก็ลองดูครับ