รีวิว Shaun the Sheep the Movie (2015)
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมอนิเมชั่นดินน้ำมันเรื่องนี้ถึงได้เข้าชิงออสการ์ครั้งล่าสุด เพราะมันเป็นอนิเมชั่นที่มีประเด็นไปไกลกว่าอนิเมชั่นเรื่องอื่น เมื่อ Shaun ตัดสินใจที่จะใช้เวลาในช่วงปิดภาคเรียนและสนุกมากเขาจะได้รับการดำเนินการมากกว่าที่เขาต้องการ ภาพยนตร์อนิเมชั่น สต็อปโมชั่น ตลก ผจญภัย จากซี่รี่ย์ Shaun the Sheep (แกะซ่าฮายกก๊วน)
ผลงานของ Aardman Studios (อาร์ทแมน สตูดิโอ) มาสู่หนังใหญ่ Shaun the Sheep Movie (แกะซ่าฮายกก๊วน มูฟวี่) เป็นเรื่องราวของเจ้า”ณอน”แกะน้อยจอมป่วน ที่ใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์กับพ้องเพื่อนอยู่ในฟาร์ม (Mossy Bottom Farm) แถบชนบท
ชานเมือง เริ่มเบื่อชีวิตที่ซ้ำซากจำเจ แสนจะธรรมดาเหมือนกันทุกวันในฟาร์ม จึงคิดวางแผนกับเพื่อนๆกำจัดเจ้านายชาวไร่(แค่ทำให้หลับนะครับ) เพื่อที่ตัวเจ้าณอนและเพื่อนๆจะได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระเสรี แบบที่ไม่ต้องมีชาวไร่คอยควบคุ้ม แต่ระหว่างนั้นรถบ้านที่เจ้าณอนนำเจ้านายชาวไร่
ไปซ่อนนั้นได้เกิดอุบัติเหตุรถไหล ทำให้รถบ้านที่มีเจ้านายชาวไร่อยู่ไหลเข้าไปสู่เมืองใหญ่ ดังนั้นจึงต้องเป็นหน้าที่ของเจ้าณอน ที่ต้องนำตัวเจ้านายชาวไร่กลับคืนสู่ฟาร์ม(ไม่มีชาวไร่แล้วฟาร์มโคตรวุ่นวาย555) ดูหนังออนไลน์ฟรี 2022
การผสมผสานกับชาวนากองคาราวานและเนินเขาที่สูงชันมากพาพวกเขาไปยังเมืองใหญ่และขึ้นอยู่กับ Shaun และฝูงเพื่อให้ทุกคนได้เดินทางกลับไปที่หญ้าสีเขียวอย่างปลอดภัย
Shaun the Sheep Movie l แกะซ่าฮายกก๊วน มูฟวี่ เป็นหนังพิเศษที่สามารถดูได้ทุกเพศทุกวัย ทุกเชื้อชาติ เนื่องจากตัวหนังไม่มีบทพูด บรรยายด้วยภาพพร้อมดนตรีประกอบและเสียงเอฟเฟค สต๊อปโมชั่น ดินน้ํามัน ในหนังดูแล้วเพลินตาเคลื่อนไหวต่อเนื่อง ไม่มีอาการกระตุกของภาพให้เห็น ตัวละครใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในหนังมีเอกลักษณ์และความฮา
เฉพาะตัว(แม้กระทั่งปลาทองในโหลแก้ว) ส่วนพวกตัวเก่าๆในซี่รี่ย์ยังคงความกวนและความฮาเช่นเดิม มุกที่มีในหนังมีตลกมาก ตลกน้อย คละเคล้ากันไป แต่ละมุกเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ ไม่มีพิษมีภัย(บางอันฮามาก) สามารถนำจุดเด่นของหนังหลายๆเรื่อง(เช่น ซี่รี่ย์ Breaking Bad, The Wolverine, The Silence of the Lambs หรือแม้
กระทั่ง The Shawshank Redemption ฯลฯ) มาล้อเลียนได้เหมาะเจาะและสร้างความบันเทิงกับผู้ชมมิใช่น้อย ทำให้อมยิ้มและอดหัวเราะไปกลับเรื่องนี้ไม่ได้ มีดนตรีประกอบและเพลงที่ไพเราะ(เพลง Feels Like Summer เพราะมาก) ถึงตัวหนังจะเป็นอนิเมชั่น แต่ก็แฝงแค่คิดเกี่ยวกับภาวะการขาดผู้นำ แน่นอนใครๆก็อย่างสบาย ไม่ทำงาน เป็นอิสระดูหนังออนไลน์ฟรีไม่กระตุก
กันทุกคนแหละ แต่ถ้าไม่มีคนคอยควบคุ้มจัดระเบียบ คิดดูซิ!ที่เหล่านั้นจะวุ่นวายขนาดไหน การไม่เห็นคุณค่าของคนบางคน(ในหนังคือ”เจ้านายชาวไร่”) แต่ถ้าขาดเขาคนนั้นไปแล้ว ก็จะทำให้รู้ว่าบุคคลที่เราไม่เห็นความสำคัญนั้น มีค่าเพียงใด ตัวหนังกัดจิกเกี่ยวกับการตามกระแสของสังคม ขาดความเป็นตัวของตัวเอง(ใช้”เจ้านายชาวไร่”เป็นตัวหลักใน
การสื่อ ในตอนที่เขาสับสนในตัวเอง…เป็นเพราะอะไรต้องไปดูเอง) แม้แกนหลักจะเป็นหนังตลก แต่ก็สอดแทรกฉากประทับใจ ไว้ในหนังได้ดี(โดยเฉพาะช่วงท้ายๆของเรื่อง) ตัวหนังสามารถให้ความบันเทิง ตั้งแต่เริ่มเรื่องจนถึงเอนด์เครดิตกันเลยทีเดียว ให้ 8.5 ครับผม สนุก ฮา สร้างสรรค์ ประทับใจ
สตูดิโออนิเมชั่นอย่าง Aardman กลับมารับงานหนักอีกครั้งเพื่อสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากผู้ชม ใน Shaun The Sheep Movie
แม้ว่าหลายปีที่ผ่านมาพวกเขาจะเคยสร้างเจ้าแกะจอมกวนเหล่านี้ให้ชมทางโทรทัศน์ไปแล้ว ในช่อง BBC
แต่การผจญภัยในรูปแบบ stop-motion ฉบับหนังโรงนี้จะมีเนื้อหาที่ขยายกว้างออกไปอีกเพราะคราวนี้ เหล่าฮีโร่ประจำฟาร์มต้องออกไปทำภารกิจกันใน “เมืองใหญ่” ที่อาจจะทำให้คุณต้องลุ้นระทึกและตื่นเต้นหวาดเสียวจนหายใจกันไม่ทันเลยทีเดียว!
สำหรับทีมผู้สร้างจากสตูดิโอ Aardman พวกเขาได้ร่ายคาถาใส่รายละเอียดทุกๆส่วนในงาน แม้จะไม่มีบทพูดแต่ทุกๆฉากก็เรียกเสียงฮาได้ไม่น้อย อย่างฉากที่ล้อเลียนหนัง Silence of the Lambs และ Cape Fear กับฉากที่เหล่าฮีโร่แกะรวมตัวกันแต่งชุดเป็นม้า จากนั้นตัวโกงก็พุ่งเข้ามาชนจนหัวติดอยู่ที่ก้นม้า
ทำซะผมหัวเราะไม่หยุดเลยหากพูดถึงผลงานของผู้สร้างทีมนี้แล้วต้องบอกว่าพวกเขามีลายเซ็นต์ที่ชัดเจน และสัมผัสได้ ผมรู้สึกได้ว่าจิตใจของผมได้รับการขัดเกลาจากหนังเรื่องนี้จนใสสะอาดแม้ในช่วงฤดูหนาว แต่อย่างที่เพลงประกอบหนังเรื่องนี้บอกนั่นแหล่ะ “…ทุกๆวันเหมือนเป็นหน้าร้อนอันสดใสเมื่อได้อยู่กับคุณ!” เว็บดูหนังออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง
รีวิว Shaun the Sheep the Movie (2015)
มันพูดถึงประเด็นของชนชั้นกลางที่ถูกใช้แรงงาน (ถึงตัวละครจะเป็นแกะก็ตาม) ที่เบื่อหน่ายกับชีวิตการทำงาน แล้วอยากจะมี Day Off ชิลๆ สบายๆ ตามโฆษณาชวนเชื่อ แต่ความเป็นจริงแล้ว แค่ทำทุกวันที่ดูเหมือนจะน่าเบื่อให้เต็มที่ มีความสุขกับมันในทุกๆ ช่วง
แค่นี้ก็มีความสุขได้แบบไม่ต้องพยายามแล้ว แต่อย่าเพิ่งคิดว่าจะเป็นอนิเมชั่นน่าเบื่อแต่อย่างใด เพราะในแง่ของความบันเทิงมันก็ทำได้เต็มที่มากๆ คล้ายๆ กับการดู Tom & Jerry อะไรแบบนั้นเลย
ประเด็นชนชั้นกลางที่เราพูดถึงมันไม่ได้ถูกยกมาพูดแบบจงใจ หรือยัดเยียดจนรู้สึกว่ามัน “ซีเรียส” อย่างที่เห็นว่าตัวละครหลักของเรื่องคือ “แกะ” ที่เหนื่อยหน่ายกับชีวิตประจำวัน ที่ต้องตื่นแต่เช้า เดินเข้าแถวไปที่ฟาร์ม ถูกตัดขน ฯลฯ หรือจะเป็น “ชาวนา” เอง ที่แต่ก่อนเคยมีรอยยิ้มมากกว่านี้
แต่พอวันเวลามันเดินไปข้างหน้ามากขึ้น รอยยิ้มก็เริ่มจางหาย กลายเป็นความชาชินกับสิ่งที่ทำแทน มันเลยไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะรู้สึกอยาก “พักผ่อน” แต่ด้วยชีวิตของคนชนบท ที่ไม่คุ้นชินกับชีวิต “คนเมือง” ที่ต้องมีวิถีวัลลาบีต่างๆ เข้าภัตตาคารหรู อินเทรนด์ตามดารา หรือแต่งตัวมีรสนิยม ซึ่งสุดท้ายแล้ว
แม้การผจญภัยของเจ้าแกะในเมืองหลวงจะเป็นการตามหาชาวนาที่หายไป แต่ลึกๆ แล้วมันเป็นการเรียนรู้ชีวิตผ่านสังคมเมืองที่ต้องดื้นรน เพราะบางทีการแค่ได้ฟังเพลงจากวิทยุเครื่องเก่า และนอนในโรงนา ก็พอแล้ว
ความรู้สึกหลังดู
โดยรวมแล้ว Shaun The Sheep Movie เป็นอนิเมชั่นที่สมควรต่อการเข้าชิงออสการ์แล้วล่ะ แต่คงเป็นไปไม่ได้ที่จะชนะรางวัลกลับไป เราว่ากรรมการคงมองเห็นถึงความตั้งใจและวิสัยทัศน์ของ ผกก. ที่ไม่ละทิ้งเทคนิคแบบนี้ไป แถมยังมีประเด็นที่ไปไกลกว่าอนิเมชั่นทั่วไปอีก ถือว่าแค่การเข้าชิงก็เป็นรางวัลสูงสุดของคนทำหนังแล้ว และเรายังคงอยากเห็นอนิเมชั่นแบบนี้สักปีละเรื่องก็ยังดี เหมือนกับที่ปีที่แล้วเราชอบ The Boxtrolls มากอะไรแบบนั้นเลย ดูหนังออนไลน์ฟรีไม่กระตุกภาคไทย
เมื่อมองย้อนกลับไป การเปลี่ยนทีวีซีรีส์ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากของพวกเขาให้กลายเป็นภาพยนตร์ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับ Aardman บริษัทแอนิเมชั่นใน Bristol ที่ก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นกองกำลังสำคัญระดับโลกตลอดสองทศวรรษครึ่ง นับตั้งแต่การปรากฏตัวของตัวละครที่ได้รับรางวัลออสการ์ในปี 1989
หลังจากออกฉาย 130 ตอน ตอนละ 7 นาทีตั้งแต่ปี 2007 และจำหน่ายไปยังหลายดินแดนทั้วโลก Shaun ได้เปลี่ยนการประกบและความชอบที่ไม่ใช่ภาษาเฉพาะสำหรับการแสดงตลกแบบตบและภาพให้กลายเป็นรายการที่สามารถสร้างความบันเทิงให้กับเด็กวัยหัดเดินชาวโมร็อกโกได้อย่างง่ายดายเช่นเดียวกับผู้โดยสารรถไฟใต้ดินในปักกิ่ง นี่คือสิ่งที่คุณอาจเรียกว่าสมาการ Mr Bean และเช่นเดียวกับ Bean มีการสร้างรายได้จากภาพยนตร์
ในแง่ที่กว้างขึ้น เช่นเดียวกับเรื่องที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้นของ Shaun ที่มีต้นกำเนิดจากการแยกตัวของ Wrong Trousers ภาพยนตร์เรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงการกลับไปที่ Wallace and Gromitville ของ Aardman ซึ่งเป็นการรวมเอาความรู้สึกโหยหาบ้านที่ดูเหมือนว่าบริษัททำได้ดีอย่งชัดเจน นี่ไม่ได้เป็นการทำให้คุณสมบัติสองอย่างสุดท้ายของ Aardman คือ The Pirates และ Arthur Christmas แต่อย่างใด
เป็นเพียงการที่เมื่อเราปักหลักกับมนุษย์สัตว์ดินปั้นดินเผา พบว่าตัวเองประหลาดใจกับสิ่งประดิษฐ์ที่สร้างขึ้นอย่างประณีตหรือถูกเบี่บงเบนไปชั่วขณะ โดยป้ายร้านที่ดูน่าสนใจ มันเทียบเท่ากับถ้วยชาที่สมบูรณ์แบบในโรงภาพยนตร์ แต่แสงสีเหลืองอำพันของความคิดถึงไม่ได้กระตุ้นให้เกิดความรู้สึกที่มองย้อนกลับไปของความหลากหลาย วิสัยทัศน์ของ Aardman ในอังกฤษร่วมสมัยนั้น มีความใจกว้างและครอบคลุม หากภาพยนตร์ที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเกี่ยวกับแกะอัจฉริยะสามารถปล่อยให้ตัวเองมีความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่ในการสร้างแรงบันดาลใจอย่างแท้จริง
