รีวิว Resident Evil: Apocalypse (2004)
สวัสดีครับวันนี้มารีวิวต่อจากภาคแรกผมดูรอบแรกแล้วไม่ถึงกับติดใจอะไรมาก แต่พอเอามาดูซ้ำก็ชอบมากขึ้น ยอมรับว่าหนังทำออกมาได้น่าติดตามดี และ Milla Jovovich ก็สวยมากทีเดียว พอมาภาค 2 ตอนแรกก็นิ่งๆ แต่พอดูตัวอย่างแล้วมันเข้าท่าแฮะ
เลยอยากดูครับ อีกอย่าง Sienna Guillory ขวัญใจผมมาเล่นเป็น จิลล์ วาเลนไทน์ ด้วย งานนี้ต้องดูครับ
หนังต่อจากภาคแรกโดยเล่าย้อนนิด หน่อยถึงตัวจิลล์ แล้วก็ตัดมาที่อลิซ (Jovovich) ซึ่งเพิ่งฟื้นขึ้นมา ก็ต้องเจอกับเมืองแรคคูนซิตี้ที่กลายเป็นนรกบนดินไปแล้ว แล้วซักพักอลิซกับจิลล์ก็มาแท๊กทีมกัน เพื่อหาทางออกจากเมือง โดยพวกเขาได้ทำข้อตกลงกับดร.แอชฟอร์ด (Jared Harris)
ไว้ว่า ดร.จะพาพวกเธอออกมาหากสามารถช่วย แองจี้ (Sophie Vavasseur) ลูกสาวของเขาซึ่งยังคงติดอยู่ในโรงเรียนออกมาได้ การตีกับซอมบี้ฝูงใหญ่ หมาโคตรโหด และพี่รูปหล่อเนเมซิสก็เริ่มต้นขึ้นครับ
ผมชอบภาคนี้มาก ก่าตอนแรกครับ เริ่มจากฉากแอ๊คชั่นแบบ Non – Stop การเดินเรื่องก็อย่างเจ๋ง อะไรหลายๆอย่างทำให้นึกถึงในเกมเลยครับ ไม่ว่าจะจิลล์ที่ใส่เกาะอก (ซึ่งอันนี้ผมดีใจมั่กๆ ที่ยังคงคอนเซปต์นี้อยู่) ฉากตามตรอกแคบๆ ที่เหมือนกับเอาโลกของเกมมาไว้จริงๆ
ดูแล้วมันได้อารมณ์ดีเหลือเกินครับ เนื้อเรื่องภาคนี้ก็เป็นอะไรที่เหมือนในเกมน่ะแหละ ซึ่งเป็นเจตนาของ Paul W.S. Anderson ผู้กำกับและเขียนบทในภาคแรกด้วยครับ ที่จะทำหนังให้เป็นไตรภาค โดยภาคแรกเขาตั้งใจจะให้เป็นเหตุการณ์ก่อนที่เกิดในเกมครับ
ส่วนภาคนี้ตามเกมเป๊ะๆ และภาคต่อไป (ซึ่งมีแน่นอนครับ) จะเป็นเหตุต่อจากในเกมครับ ดังนั้นพอดูในภาคนี้ Anderson ก็ยังเขียนบทอยู่ แต่มันเข้าท่าขึ้นครับ เพราะภาคก่อนปูพื้นไว้แล้ว ภาคนี้ก็ตีกันอย่างเดียวเลย ซึ่งก็บอกได้ว่า มันส์ครับ
Effect ทะลัก ฉากแอ๊คชั่นกระจาย ระเบิดเต็มไปหมดจนผมกับเพื่อนๆ หูดับไปชั่วขณะเลยล่ะครับ
สรุปว่าคุ้มครับ หนังมันส์กว่าภาคแรก สำหรับผมดูแค่ อลิซกับจิลล์ก็คุ้มแล้วล่ะครับ โอ้โห สวยๆทั้งนั้นอ้ะ โดยเฉพาะ Jovovich นี่ โอยห์ ใจละลายเหลือเกินครับ แล้วยังเจอกับ Guillory อีก ผมก็ถึงแก่ความตายไปเลยล่ะ ฮุๆๆๆๆ
มันส์ดีครับ เนื้อหาอาจไม่หนักแน่นเท่าภาคแรก แต่ก็เป็นภาคต่อที่ดูเพลินไม่เลว
หลังจากเรื่องราวในหนังภาคที่ 1 บริษัท ‘Umbrella Corporation’ ได้ส่งทีมของทหารรับจ้างไปยัง ไฮฟ์ เพื่อสืบสวนความจริงที่เกิดขึ้นที่นั่น แต่ทีมของทหารรับจ้างนั้นก็ถูกฆ่าโดยซอมบี้จนหมดอย่างรวดเร็ว
และพวกซอมบี้ก็ได้แพร่กระจายเชื้อไปยังเมืองแรคคูลที่อยู่ใกล้ๆ กับ ไฮฟ์ อย่างรวดเร็วทำให้ ‘Umbrella’ ได้ตอบโต้โดยการปิดกั้นทางเข้าและออกเมืองและอพยพเพียงแต่บุคลากรที่สำคัญออกจากที่เมือง
โดยทางของ “Angela Ashford” ลูกสาวของนักวิจัยสำคัญของ ‘Umbrella’ ที่ชื่อว่า ดร. “Charles Ashford” ได้หายตัวไปหลังจากที่รถขนส่งของเธอได้ชนเข้ากับอะไรบางอย่างในขณะการเดินทางออกนอกเมือง
ในขณะเดียวกัน ณ ฝั่งของเจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองแรคคูนจากหน่วยพิเศษที่ชื่อว่า “Jill Valentine” ได้กลับไปที่สถานีเพื่อสนับสนุนเหล่าเจ้าหน้าที่ให้หนีออกไปจากเมืองนี้
รีวิว Resident Evil: Apocalypse (2004)
ณ ฝั่งของ “Alice” ที่ได้ตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาลที่ถูกทิ้งร้างและเธอก็ได้เดินไปรอบๆ เมืองเพื่อตามหาเสบียงและของเอาไว้ใช้ป้องกันตัว ซึ่งทางของ ‘Umbrella’ ได้ใช้สะพานเพื่อเป็นทางในการออกจากเมืองเพียงทางเดียว
จนกระทั่งได้มีหนึ่งในประชาชนได้เปลี่ยนกลายเป็นซอมบี้ และเพื่อเป็นการไม่ให้ไวรัสออกนอกเมือง ทางของ ผู้พัน “Timothy Cain” ซึ่งเป็นผู้นำทีมทหารรับจ้างที่อยู่ในเมือง ได้ทำการปิดทางออกสุดท้าย และบังคับให้พลเรือนกลับไปในเมือง
ซึ่งในขณะเดียวกัน กลุ่มของทหาร ‘Umbrella’ ที่ถูกทิ้งไว้ในเมืองโดยมี “Carlos Olivera” และ “Nicholai Ginovaef” ได้ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่หน่วยพิเศษของเมืองเพื่อต่อกรกับฝูงซอมบี้ที่เข้ามาหาพวกเขา
อีกที่หนึ่งในเมือง ขณะที่ “Valentine” พร้อมกับนักข่าวที่ชื่อว่า “Terri Morales” กำลังจะถูกฝูงซอมบี้ฆ่า “Alice” ก็ได้โผล่ออกมาช่วยทั้งสองไว้ทันเวลาพอดี และด้วยเหตุนี้ทาง ‘Umbrella’ จึงได้ส่งมนุษย์กลายพันธุ์ที่เรียกว่า “Nemesis” ลงไปยังเมือง ทำให้พวกเขาจะต้องหาวิธีจัดการกับเจ้ามนุษย์กลายพันธุ์นั่น พร้อมกับหาวิธีหนีออกจากเมืองก่อนที่มันจะถูกระเบิดโดยนิวเคลียร์ของรัฐบาล
ความรู้สึกหลังดู
สวัสดีครับเพื่อนที่รักนักเสพความเอนเตอร์เท นเม้นท์ผ่านสื่ออินเตอร์เน็ท กลับมาพบกันอีกครั้งนะครับเมื่อมีภาพยนตร์เก่าที่น่าสนใจนำมารีวิวกันใหม่ “นัวฟิล์ม” ก็จะนำมาวิจารณ์ให้ เหล่าเพื่อนๆในหนังดีดอทคอมได้อ่านกันนะครับ ตอนนี้หนังภาคต่อของภาพยนตร์ในชุด Resident Evil หรือ ผีชีวะ
ได้ เข้าฉายอยู่ในโรงภาพยนตร์บ้านเราซึ่งเป็นตอนที่ 5 ของหนังแล้ว ซึ่งหนังที่โด่งดังเนื่องจากทำมาจากเกมส์ยิงผีซอมบี้ชื่อดังจากญี่ปุ่นได้ เปลี่ยนแปลงเป็นหนังที่ได้รีบกระแสตอบรับที่อยู่ในระดับดี ที่ผมจะนำเสนอในวันนี้คือภาค 2 ของภาพยนตร์ชุดนี้ ชื่อตอนว่า Resident Evil 2: Apocalypse (ผีชีวะ 2: ฝ่าวิกฤตไวรัสสยองโลก)
เรื่องราวต่อเนื่องจากภาคแรกหลังจากที่ อลิซ (มิล่า โจโววิช) ถูกจับไปทดลองและเธอได้ตื่นขึ้นมาที่เมืองแร็คคูนซิตี้ ซึ่งเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยคนที่กลายเป็นซอมบี้ไปแล้ว แต่ก็ยังมีผู้รอดชีวิตและได้ร่วมต่อสู้ไปกับอลิซด้วย นำทีมมาด้วยสาวสวยอย่าง จิล วาเลนไทน์ (เซียนน่า กิลเลอร์รี่ย์) และ คาลอส โอลิเวร่า(โอเด็ต เฟหร์)
ซึ่งทั้งสามช่วยกันต่อสู้และหาทางหนีรอดออกจากเมืองแห่งนี้ให้ได้ และต้องหนีผู้ไล่ล่าอย่าง นีเมสิส (แม็ธธิว เทย์เลอร์) ที่อัมเบลล่าส่งมาเพื่อจัดการกับ อลิซโดยเฉพาะ
ตัวภาพยนตร์ เป็นภาพยนตร์ภาคต่อของผีชีวะซึ่งบอกได้ว่าเป็น หนังแอ็คชั่น-ไซไฟที่เน้นแอ็คชั่นเป็นหลัก ซึ่งมีที่มาจากเกมส์ยิงซอมบี้ชื่อดังของญี่ปุ่นที่ตอนนี้ออกมาถึง 6 ภาคหลักและภาคแยกย่อยอีกมากมาย มีการนำเนื้อหาและองค์ประกอบต่างๆมาจากเกมส์ต้นฉบับมากยิ่งขึ้นทั้งตัวละคร
และชื่อสถานที่ เป็นต้น บทบาทภาพยนตร์ บทบาทของภาพยนตร์เรื่องผีชีวะ2 นี้เนื้อเรื่องต่อจากภาคแรกหลังจากที่ อลิซถูกนำไปทดลองและตื่นขึ้นมาอีกครั้งที่เมือง แร็คคูนซิตี้ ทำให้เธอได้พบกับเพื่อนร่วมอุดมการณ์ในการตามล่าบริษัท อัมเบลล่า ซึ่งเป็นตัวการในการทดลองและปล่อยเชื้อไวรัสทั้งหลายจนโลกแทบจะพินาศ
นักแสดง มิล่า โจโววิช กลับมารับบท อลิซ สาวที่ต้องการจัดการบริษัท อัมเบลล่า ซึ่งเป็นต้นเหตุของเรื่องวุ่นวายทั้งหลายเหล่านี้ คราวนี้ได้ เซียนน่า กิลเลอร์รี่ย์ มาแสดงในบทของ จิล วาเลนไทน์ ตำรวจสาวสวยของเมืองแร็คคูนซิตี้ และยังมี คาลอส โอลิเวร่า
ที่รับบทโดย โอเด็ต เฟหร์ สหายผู้ร่วมเสี่ยงตายในภารกิจครั้งนี้ การกำกับ ภาคนี้ได้ อเล็กซานเดอร์ วิทท์ มากำกับซึ่งก็ทำได้ดีไม่แพ้ พอล แอนเดอร์สัน ซึ่งภาคนี้เขายังทำหน้าที่ผู้แต่งเช่นเดิม ผมว่า วิทท์ กำกับได้ดีเลยนะครับทำหนังออกมาได้อย่างน่าสนใจ ภาพรวม
หนังภาคนี้ทำออกได้สนุกสนานทั้งฉากแอ็คชั่นและ เนื้อเรื่อง ตัวละครก็น่าสนใจถือว่าเป็นภาคที่ผมชอบมากๆเลยครับ โดยเฉพาะสาว จิล วาเลนไทน์ สวยมากๆชอบมากกว่า อลิซเสียอีก
ความคุ้มค่า 7.5/10 ทิ้งท้ายไว้นิดหน่อย การพบเจอเรื่องเลวร้ายหรืออุปสรรคอยู่ข้างหน้า อย่าคิดแต่เพียงว่าเราทำไม่ได้ ถ้าหากเรายังไม่ได้ลองเผชิญกับมันอย่างเต็มที่ ถ้าเต็มที่แล้วยังไม่ได้ ลองปรึกษาผู้อื่นเพื่อหาทางที่จะทำให้เราผ่านอุปสรรคนั้นไปให้ได้ เพราะแต่ละคนมีความรู้ที่แตกต่างกันออกไปจึงต้องมาแบ่งปันความรู้ให้กับผู้ อื่น สิ่งนี้จะทำให้โลกจะน่าอยู่ขึ้นครับ