รีวิว Pineapple Express (2008)
สวัสดีจ้าวันนี้แอดจะมารีวิวหนังแนวตลกปนบู้ จากผู้กำกับหนัง David Gordon Green เรื่องPineapple Express (2008) วุ่นแล้วตู จู่ๆ ก็โดนล่า
เมื่อสองคู่หูสายสมุนไพรต้องหนีจากแก๊งมาเฟีย หนังสายเมาที่ทำเอาทั้งฮา ทั้งเดือด ตลกด้วยโทนจริงจัง ใครอินสายมะกันน่าจะต้องชอบ “เพื่อนสองคนที่ความสัมพันธ์ไม่ได้แน่นแฟ้นอะไร แถมเมากัญชาแบบสุดๆ ต้องมาหนีการตามล่าของแก๊งมาเฟีย” คือพล็อตเรื่องของ Pineapple Express
หนังเรื่องแรกๆ ของคู่หู Seth Rogen และ James Franco ก่อนที่ทั้งคู่จะมาแผลงฤทธิ์กันสุดๆ ใน The Interview จนโดนแฮก โดนนำหนังไปปล่อยในอินเทอร์เน็ตเต็มเรื่องก่อนฉายจริง แถมมีข่าวลือว่าคนแฮกคือเกาหลีเหนือ เพราะเนื้อเรื่องมีการพาดพิงถึงคิมจองอึน จนสุดท้ายโดนเลื่อนฉายไปหลายรอบ
Pineapple Express มีทุกอย่างที่คุณคาดหวังจะให้มีในหนังของสองคนนี้ ความบ้าบอ ความเพี้ยน ความเมา ความบ๊องตื้น การตัดสินใจอะไรโง่ๆ เรียกว่าไม่ผิดหวังแน่นอน
สำหรับทีมงานของหนังเรื่องนี้ก็ไม่ธรรมดา กำกับโดย David Gordon Green ที่เพิ่งกำกับ Halloween ภาคล่าสุดไปปีที่แล้วพร้อมคำชมถล่มทลาย สำหรับบทภาพยนตร์เป็นการรวมพลังกันระหว่าง Judd Apatow, Seth Rogen และ Evan Goldberg รับประกันความฮา
ฮีโร่คือเซิร์ฟเวอร์กระบวนการชื่อ Dale (Seth Rogen) และพ่อค้ายาของเขา Saul (James Franco) พวกเขาทั้งคู่สูงในทุกฉาก Dale มีความสัมพันธ์กับแองจี้ (แอมเบอร์ เฮิร์ด) ซึ่งหวังว่าจะบรรลุนิติภาวะ แม้ว่าการมีเพศสัมพันธ์ทางกายไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องก็ตาม
ฉันคิดว่า Dale ยังอยู่ในวัยที่มีการพัฒนาทางอารมณ์ ซึ่งการก้าวต่อไปหมายถึงการขอให้ผู้หญิงรักษาตัว ซาอูลน่าสมเพชยิ่งกว่าเดิม ซ่อนตัวอยู่ในอพาร์ตเมนต์ของเขาซึ่งเต็มไปด้วยเครื่องใช้ไฟฟ้าและสินค้า
ให้เวลาเขาวันหนึ่งเขาไปที่บ้านของซาอูลเพื่อซื้อหญ้า และซาอูลก็ให้ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เพิ่งนำเข้ามาผ่านทางสายสัมพันธ์ของเขา มันคือสับปะรดเอ็กซ์เพรส ซึ่งเป็นส่วนผสมของกัญชาที่ดีเลิศ เขากล่าวว่าแม้แต่การสูบบุหรี่ก็ยังเป็นอาชญากรรม “เหมือนกับการฆ่ายูนิคอร์น” Dale ยืนหยัดอย่างหมดจดด้วยกลิ่นลอยออกไปจากบ้านของซอลหลังจากการสนทนาที่น่าเหลือเชื่อ มันจะทำหน้าที่เป็นหมายเรียกสำหรับเท็ด โจนส์ (แกรี่ โคล) ชายคนเดียวกับซอลที่ดึงหม้อของเขาออกมา
ที่จอดอยู่นอกบ้านเป็นครั้งสุดท้าย Dale ตกใจมากที่เห็นรถของทีมจอดอยู่ข้างหลังเขาและโยนข้อต่อออกไป จากนั้นคุณจะได้ที่นั่งแถวหน้าเพื่อเป็นสักขีพยาน ผ่านกำแพงกระจกขนาดใหญ่ ผู้ชายที่ถูกเท็ดยิงและตำรวจหญิง (โรซี่ เปเรซ) เขาเดินออกไป ปล่อยให้เท็ดไปหาข้อต่อ สุ่มตัวอย่าง ระบุตัวตน
และพบว่าพยานในคดีฆาตกรรมซื้อมันมาจากซอล เพื่อนๆ รู้ว่าเท็ดจะสานสัมพันธ์นั้นและหลบหนีจากมือสังหารที่ไร้ความสามารถของเท็ดอย่างสิ้นหวัง สิ่งนี้นำไปสู่การล่มสลายที่แปลกประหลาดผ่านป่าบริสุทธิ์การสูญเสียรถของเขาและความพยายามของ Dale ที่จะนั่งทานอาหารเย็นกับพ่อแม่ของ Angie อย่างน่าเชื่อถือ
(Ed Begley Jr. และ Nora Dunn) หลังจากที่พวกเขาอยู่ในที่สูง เลือดไหล ฉีกขาด ไม่เรียบร้อย และต้องการ รดน้ำ
นักวิจารณ์เจมส์ เบราร์ดิเนลลีตั้งข้อสังเกตว่า “ภาพยนตร์แต่งงานหลายเรื่องไม่ได้แตกต่างจากหนังโรแมนติกคอมเมดี้โดยพื้นฐาน ความสัมพันธ์มักพัฒนาในลักษณะเดียวกัน มีเพียงพันธะผู้ชายเท่านั้นที่จะมาแทนที่เคมีทางเพศ สิ่งนี้ทำให้ Dale และ Saul เป็นเกย์แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้หรือไม่?
ฉันคิดว่านั่นอธิบาย Buddies ในภาพยนตร์ Buddy หลายเรื่องที่ผลิตโดย Judd Apatow รวมถึง “Step Brothers” ล่าสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนจบที่มีความสุขแบบบังคับ มีการกอดและบทสวดมากมายว่า “ฉันรักคุณ ผู้ชาย!”
รีวิว Pineapple Express (2008)
หลายคนมักคิดว่ากัญชา แม้จะเป็นสิ่งเสพย์ติดผิดกฏหมาย แต่ก็มักคิดว่ามันมีประโยชน์ต่อเราหลายอย่าง ทำให้กินอาหารอร่อย ทำให้เรื่องบนเตียงดูซู่ซ่าร์ ทำให้หนังห๋วยแตกดูสนุก หรือทำให้ชีวิตที่แสนน่าเบื่อดูมีสีสันต์ คุณค่าทางโภชนาการแบบนี้คงกลายเป็นเรื่องตลก
ถ้าเกิดขาบ๋องดวงกุ๊ดเข้าไปผัวพันกับสงครามระหว่างแก็งค์(ค้ายา)แม้ชีวิตจะติดสวรรค์แค่ไหน แต่ก็ทำให้เขาตกสวรรค์ได้เหมือนกับเช่นสองเกลอจากหนัง Pineapple Express เรื่องนี้ที่กัญชามิได้นำมาซึ่งแค่การเจริญอาหาร เซ็กซ์เร้าร้อนที่ทุกอย่างจะดีขึ้นเพียงเท่านั้น
เมื่อ เดล เดนตัน ได้มาเยือนบ้านของ โซล ซิลเวอร์เด็กส่งยา เพื่อขอซื้อกัญชา ด้วยความที่ทั้งคู่สนิทกัน โซลจึงแนะนำให้เดลทดลองใช้และซื้อสิ้นค้าตัวใหม่ซึ่งเกรดดีที่สุด อีกทั้งเขาเจ้าเดียวเท่านั้นที่มีขาย หลังเสร็จกิจที่บ้านโซล เดลก็ดิ่งไปบ้านเท็ด โจน เพื่อส่งหมายศาลต่อ
ทว่าเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ขณะที่เขาจอดกำลังเมามันกับสิ้นค้าตัวใหม่ นายตำรวจคนหนึ่งก็จี้ตูดรถสายตรวจของเธอจ่อสนิทเข้ากลับรถเขา แต่เธอกลับดิ่งเข้าไปในบ้านเท็ด ต่อมาการฆาตกรรมก็เกิดขึ้น เขาเห็นมัน ณ จุดนั้น จึงพยายามฉวยโอกาสที่คนร้ายยังไม่ไหวตัวรีบบึ่งรถออกไป
ทว่าเขากลับเผอิญทิ้งหลักฐานที่สามารถสาวมาถึงตัวได้ นั้นคือ กัญชาเกรดเยี่ยมของโซล
หนังเรื่องนี้ไม่ใช่ตลกขำท้องแข็งหรือโป๊กฮา โทนเรื่องค่อนข้างเอียงไปทางตลกแบบจริงจังมากกว่า ที่ดีกรีน่าลิ้มลองเหมือนกับหนังคู่เกลอเพี้ยนๆหลายเรื่อง เช่น Dude, Where’s My Car หรือ Knocked Up หรือ The Hangover หรือ Superbad แต่หนังค่อนข้างอินท์ยากเพราะใช้ธรรมเนียมอเมริกันมาเป็นบทล้อเรียนและพยายามทำให้มันดูตลกแบบจิ๊กกัด
ความรู้สึกหลังดู
เดล เดตัน ชายสายเขียวที่มาบ้านของ โซล ซิลเวอร์ พ่อค้ายาในเมือง เพื่อมารับกัญชาเพิ่ม แต่ด้วยความที่ เดล เป็นลูกค้าประจำ โซล จึงเสนอกัญชาตัวใหม่เกรดพรีเมี่ยมที่มีชื่อว่า “Pineapple Express” มาให้ลอง ระหว่างออกเดินทางเขาแวะจอดรถเพื่อดื่มด่ำกับสินค้าตัวใหม่ แต่ก็เกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นมาเสียก่อน เมื่อ เดล นั้น กลายเป็นพยานในเหตุการณ์ฆาตกรรมที่คนร้ายดันเป็นตำรวจเลวขึ้นมา ด้วยความตื่นตระหนกตกใจเลยทำให้เขาพลาดทำกัญชาตัวแรร์นี้ตกเอาไว้ ทำให้ เดล ต้องรีบกลับไปบอก โซล ถึงความผิดพลาดครั้งนี้ และเตรียมหนีตายกันจากสถานการณ์สุดวายป่วง
สำหรับ Pineapple Express จะเหมาะกับคนที่ชอบแนวตลกร้ายแบบดาร์คๆ ที่ไม่ใช่ตลกโปกฮากันเพียงอย่างเดียว เพราะมุขในหนังส่วนมากนั้นเป็นตลกด้วยบทพูดและสถานการณ์ ที่อาจต้องเข้าใจวัฒนธรรมอเมริกันอยู่สักหน่อย ถ้าชอบความวายป่วงอะไรแบบนี้จะสนุกไปกับหนังได้มาก อีกทั้งตัวหนังยังติดเรทซะด้วย ไม่ว่าจะเป็นทั้งจากยาเสพติด ความรุนแรง และคำหยาบคายเต็มหมด ใครที่ชอบหนังสไตล์แบบ Superbad, Knocked up หรือคอหนังสไตล์ Judd Apatow ทั้งหลาย คิดว่าน่าจะชอบหนังเรื่องนี้กันได้ไม่ยากเลย
หนังสไตล์แก๊งขี้ยาอีกเรื่องที่ทำออกมาได้สนุกไม่น้อย ด้วยพล็อตแสนวายป่วงของตัวละครที่เมาสุดฤทธิ์ แต่ต้องมาหนีการตามล่า มันเลยเอาไปสร้างสรรค์มุขตลกระหว่างทางได้มากมาย และมีอะไรชวนหัวเราะได้ทั้งเรื่อง ด้วยความตลกของมันนั้นไม่ใช่ความตลกจ๋า ในแบบที่จะรีดเค้นเสียงหัวเราะจากคนดูตลอดเวลา แต่จะให้เราตลกไปกับสถานการณ์ และบทพูดสุดประหลาดจากความเมาในเรื่องมากกว่า และในแต่ละฉากที่เปลี่ยนแปลงไป ก็มักมีมุขจากสถานการณ์ใหม่ๆ ให้กับคนดูอยู่เสมอ
อีกทั้งมันยังเชื่อมโยงกับวัฒนธรรมอเมริกันอยู่มาก อาจทำให้หลายคนไม่ฮา และไม่เก็ตกับอะไรในเรื่องได้เหมือนกัน ถ้าหากไม่ได้เข้าใจ American Pop Culture หรือเข้าใจสังคมในแบบนั้น แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาที่น่าห่วงเท่าไร เพราะหนังยังมีทีมดาราสายฮา มาช่วยเสริมจังหวะมุขได้ดีในหลายจังหวะ จนเรียกได้ว่าบางทีเห็นหน้าพวกเขา ก็ฮากันไปก่อนแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่พวกเขาเมากัญชาเคลิ้มๆ แล้วทำวีรกรรมสุดวายป่วงแล้วนี่ยิ่งชวนฮากันเข้าไปใหญ่เลย
จากบทหนังของ Seth Rogen และทีมสร้างโดย Judd Apatow ก็ทำให้เราเดาโทนหนังได้ไม่ยาก เพราะตัว Judd เองก็ชอบทำหนังตลกสไตล์ฉลาดๆ อยู่แล้ว ส่วน Seth ก็ช่วยเสริมเรื่องความมันส์ เมา กาวเข้าไปอีก ทำให้ทั้งเรื่องจึงเต็มไปด้วย ความเพี้ยน งี่เง่า บ้าบอ และตัวละครที่ตัดสินใจอะไรโง่ๆ อยู่ทั้งเรื่อง (ทั้งหมดนี้คือคำชม)
อีกส่วนที่น่าสนใจของหนังก็คงเป็นในเรื่องของคาแรคเตอร์ตัวละคร และความสัมพันธ์ระหว่างกันที่ดูรักกันมาก พร้อมช่วยเหลือกันตลอด ก็เป็นส่วนที่ทำให้เราอยากเอาใจช่วยตัวละครได้ดี โดยรวมจึงทำให้มันเป็นอีกหนึ่งหนังสายเขียวที่หลายๆ คนชอบ และเป็นที่รู้จักในวงกว้างได้จริงๆ
หมวดหมู่ : Action Comedy Crime
สัญชาติ : American
กำกับโดย : David Gordon Green
ความยาว : 1 ชั่วโมง 51 นาที
นักแสดงนำ : Tom Hardy, Charlize Theron, Nicholas Hoult