รีวิว Malignant ชั่วโคตรร้าย
ผู้กำกับ “เจมส์ วาน” ที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าพ่อหนังสยองขวัญยุคใหม่ ก็เป็นธรรมดาที่ผลงานใหม่ของเขามักจะถูกจับตามองและคาดหวังเอาไว้ก่อน และนี่คือ “Malignant” (ชั่วโคตรร้าย) งานชิ้นใหม่ของเขาที่กลับมาหยิบจับแนวถนัดอีกหน หลังจากที่ปลีกตัวไปทำหนังซูเปอร์ฮีโร่มา หนังยังคงมาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ความหลอนระทึกและสร้างมิติชั้นเชิงในบทได้อย่างตรงจังหวะ แม้ว่าอาจจะยังไม่ใช่งานระดับมาสเตอร์พีชเรื่องใหม่ของเขาก็ตาม
Malignant เล่าเรื่องราวของ แมดิสัน หญิงสาวที่ตกใจแน่นิ่งราวกับเป็นอัมพาตจากภาพเหตุการณ์ฆาตกรรมสุดสะพรึงอยู่ตรงหน้า และความทุกข์ทรมานที่ค้นพบว่าภาพฝันเหล่านั้นคือความเป็นจริงอันน่าตกใจ ต้องยอมรับว่าเรื่องนี้มีหน้าหนังที่ค่อนข้างทำให้คนดูเข้าใจยาก ด้วยการที่ไม่สามารถสื่อสารแกนหลักของหนังออกมาได้ตรงๆ (เพราะจะเป็นการสปอยล์ทันที) จึงเป็นอุปสรรคหลักที่สร้างความสับสนให้กับผู้ชมว่าจะได้เห็นอะไรกันแน่…ในหนังเรื่องนี้
แน่นอนว่างานของ เจมส์ วาน ก็ยังคงเอกลักษณ์ความหฤหรรษ์ส่วนตัวของเขาเอาไว้ได้ดี หลายๆ องค์ประกอบของหนังได้นำมาใช้ได้ถูกจังหวะและเหมาะกับโครงเรื่องดี การเล่าเรื่องของ Malignant ค่อนข้างน่าสนใจตั้งแต่ฉากเปิดตัว ทำให้ผู้ชมค่อยๆ ซึบซับลำดับไล่เรียงตามได้อย่างเป็นจะโคน โดยใช้เวลาเพียงไม่นานนัก ผู้ชมก็น่าจะทราบถึงแก่นแท้ของหนัง และพอจะเริ่มนึกออกได้แล้วว่ากำลังดูหนังเกี่ยวกับอะไรอยู่
เจมส์ วาน ร่วมสร้างสรรค์แต่งไอเดียนี้ขึ้นมาพร้อมกับทีมเขียนบท ดังนั้นจะเห็นถึงความละเอียดและความใส่ใจในแต่ละทรีทเมนท์ของบทหนัง ที่ค่อยๆ แย้มปมออกมาทีละนิดอย่างมีชั้นเชิง อีกทั้งยังสร้างมิติให้กับตัวละครต่างๆ ค่อนข้างทำออกมาได้สนุกและชวนติดตาม แม้ว่าจะปะปนไปด้วยความซ้ำซากจำเจอยู่บ้างก็ตาม แต่เมื่อมองโดยรวมก็ถือว่า Malignant เป็นหนังเขย่าขวัญที่ชวนทำให้รู้สึกขยะแขยงทางอารมณ์ได้พอตัว และเนื้อหาก็มีเหตุและผลสรุปเอาไว้ได้ชัดเจนอยู่
การได้ดูหนัง Malignant เรื่องนี้จึงพอจะคิดออกถึงสาเหตุที่ เจมส์ วาน ไม่กลับมาทำหนังตระกูล The Conjuring ต่อ เพราะกลิ่นอายของหนังเรื่องนี้โชยไอเดียคล้ายกับ “The Conjuring: The Devil Made Me Do It” อยู่เบาๆ เหมือนกับหยิบยืมเอามาโดยไม่ได้นัดหมาย การสอดแทรกประเด็นต่างๆ ทั้งเชิงลึกและเชิงตื้นของหนังทั้ง 2 เรื่องนี้ มีองค์ประกอบที่แอบเหมือนกันอยู่ไม่น้อย
อีกหนึ่งสิ่งที่ชอบใน Malignant คือองค์ประกอบศิลป์และการจัดโทนแสงที่สื่อให้เห็นถึงความบรรจงในการเล่าเรื่องเป็นอย่างดี มีมุมกล้องบางฉากที่ทำให้รู้สึกว้าวอยู่บ้าง ขณะที่การจัดแสงและใส่สีเข้ามาในหนังก็ยกระดับตัวหนังได้เป็นอย่างดี นี่จึงกลายเป็นหนังที่ไม่ได้ย่ำอยู่กับคอนเซ็ปต์ความสยองขวัญ แต่ยังผนวกใส่ความเป็นหนังอาชญากรรมและมีกลิ่นแฟนตาซีเหนือธรรมชาติเข้าไปเบาๆ ที่ค่อนข้างลงตัวกับผู้ชมได้ดี
มาถึงฝั่งของการแสดงที่ต้องยอมรับว่าทีมนักแสดงอาจจะไม่ได้โดดเด่นเท่าไหร่ เพราะ “แอนนาเบลล์ วอลลิส” คือยืนหนึ่งแบกหนังเอาไว้เกือบทั้งเรื่อง การแสดงของเธอถือว่าทำได้ดี การถ่ายทอดอารมณ์ต่างๆ เข้ากับบรรยากาศของหนังได้ และทำให้คนดูรู้สึกคล้อยตาม อีกทั้งยังสร้างมิติให้กับตัวละครนี้ได้ค่อนข้างน่าพอใจ
รีวิว Malignant ชั่วโคตรร้าย
โดยภาพรวมแล้ว Malignant อาจจะยังไม่ใช่ชิ้นงานที่ดีที่สุดของ เจมส์ วาน และหนังก็ไม่ได้สนุกสะพรึงได้เท่ากับตระกูลหนังผีเรื่องก่อนๆ ของเขา แต่นี่เป็นความพยายามฉีกแนวมาอีกทาง และเห็นได้ชัดว่าหวังจะสร้างออกมาเป็นอีกจักรวาลใหม่ที่ทำภาคต่อได้อีก แต่กระนั้นหนังก็ยังมีความคลีเช่อยู่ในตัวสูงระดับหนึ่ง ไม่ใช่หนังแนวใหม่ที่รู้สึกตื่นตา และคนดูก็น่าจะเดาทิศทางของหนังได้ตั้งแต่กลางๆ เรื่อง แต่เมื่อมาอยู่ในมือคนทำหนังที่ทำได้สนุก หนังจึงออกมาได้สนุกดี ทั้งที่คาดหวังเอาไว้ระดับหนึ่งแล้วก็ตาม
ดังนั้น หนังเรื่องนี้จึงมองได้ว่าเป็นหนังที่บียอนด์ความเป็นหนังผี แต่ใส่ความคิดและความรู้สึกเข้าไปเสริม มีพลังความโหด ความเถื่อน และความสะพรึงได้อย่างสะใจคนดู ไม่ถึงกับเป็นหนังที่ยอดเยี่ยมอะไร แต่ก็พอดูได้รับอรรถรสเพลินๆ พอสะดุ้งกับบางฉากได้เล็กน้อย ใครที่คาดหวังเอาไว้…ก็ไม่น่าจะผิดหวังนะ
หนังเปิดเรื่องที่สถานพยาบาลเพื่อการวิจัยซีเมียน (Simion Research Hospital) ที่นั่นเราได้พบกับดร.ฟลอเรนซ์ วีฟเวอร์ (รับบทโดยแจคเกอลีน แม็คเคนซี Jacqueline McKenzie) กำลังจะทำการผ่าตัดคนไข้โดยเธอเรียกเขาว่า แกเบรียลหลังเกิดความผิดพลาดขึ้นเมื่อพลังของมันทำให้แกเบรียลหลุดจากการควบคุมและไล่ฆ่าเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลจน ดร.วีฟเวอร์ต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดเพื่อกำจัดภัยร้ายที่มีพลังจิตและความอำมหิตเป็นต้นทุน
หนังตัดไปให้เราทำความรู้จักกับ แมดดิสัน (รับบทโดย แอนนาเบล วอลลิส Annabelle Wallis) หญิงสาวท้องแก่ที่ต้องทนอยู่กับแฟนหนุ่มนิสัยเลวทรามและหลังจากเขาผลักเธอจนกระแทกกับข้างฝา ในคืนนั้นเองที่เธอต้องเผชิญภัยร้ายในรูปร่างปีศาจสีดำทะมึนบุกบ้านและฆ่าสามีของเธอ รวมถึงลูกในท้องของเธอเองก็ไม่รอดจากเหตุการณ์นี้ คดีนี้เลยเป็นที่สนใจของนักสืบชอว์ (รับบทโดยจอร์จ ยัง George Young) ที่มุ่งพิสูจน์ความจริงเกี่ยวกับเหตุฆาตกรรมสามีของแมดดิสันและคนที่เกี่ยวข้องให้ได้ก่อนที่มันจะทำร้ายชีวิตคนที่เธอห่วงใยไปจนหมดสิ้น
ความรู้สึกหลังดู
ต้องยอมรับว่าไอเดียตั้งต้นของหนังที่เจมส์ วานมีส่วนในการสร้างสรรค์นั้นน่าสนใจมากเมื่อมันถูกนำเสนอให้ชวนสงสัยว่าแท้จริงแล้วแกเบรียลเป็นปีศาจร้ายหรือแค่การสวมรอยของฆาตกร ซึ่งหนังก็หลอกล่อให้เราสงสัยและตีความไปต่าง ๆ นานา ก่อนจะหักมุมได้ชวนอึ้งตามสไตล์หนังของเจมส์ วาน รวมถึงการพยายามประสานรวมระหว่างตระกูลหนังสยองขวัญกับหนังแอ็กชันที่ทำให้ 20 นาทีสุดท้ายของหนังกลายเป็นช่วงที่มีทั้งแอ็กชันนองเลือดและความสยดสยองชวนแหวะถึงใจคอหนังสายโหด
แต่กระนั้นเมื่อพิจารณาในองค์รวม ‘Malignant’ กลับสอบตกอย่างรุนแรงในแง่ของการเร้าอารมณ์คนดู เจมส์ วานยังคงนำเสนองานวิชวลหรืองานภาพของหนังออกมาน่าตื่นตาตื่นใจและคงลายเซ็นไว้ได้อย่างดีเยี่ยม ทว่างานเทคนิคของหนังกลับนำเสนอให้ล้ำหน้าเพียงเพื่อจะกลบช่องโหว่ของบทหนังเสียมากกว่า ซึ่งบทภาพยนตร์และการกำกับของวานไม่ได้ชวนให้เราเอาใจช่วยแมดดิสันเท่าใดนัก ยิ่งมันนำเสนอทัศนคติของตัวละครที่บิดเบี้ยวอย่างการพยายามมีลูกแม้จะท้องกับคนเลวก็ยิ่งทำให้คนดูหงุดหงิดเกินกว่าจะเห็นใจเธอได้
ในด้านเนื้อเรื่องในส่วนที่เป็นการสืบสวนเราก็แทบไม่ได้เห็นความชาญฉลาดของตำรวจเท่าใดนัก ยิ่งเมื่อหนังดำเนินไปเรากลับเห็นความฉลาดของ ซิดนีย์ (รับบทโดยแมดดี แฮสซัน Maddie Hasson) เพื่อนสาวที่ดูเป็นห่วงเป็นใยเธอมากกว่าคนในครอบครัวแท้ ๆ เสียอีก ที่เป็นคนรวมหลักฐานและสืบหาความจริงจนนำไปสู่จุดหักมุมสุดช็อก ยิ่งตัวละครตำรวจในหนังถูกนำเสนอออกมาแห้งแล้งไร้เสน่ห์ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ทุกฉากที่ตำรวจปรากฎตัวกลายเป็นช่วงชวนหาวอย่างไม่ตั้งใจ
สุดท้ายคือความคาดหวังของคนดูต่อการปรากฎตัวของแกเบรียลที่ดูเหมือนเจมส์ วานจะได้แรงบันดาลใจจากหนังไซไฟยุค 80s มากไปหน่อยยิ่งหนังมาเฉลยให้เห็นรูปร่างของมันชัด ๆ ในช่วงท้ายยิ่งทำให้มันดูตลกมากกว่าน่าสะพรึงกลัวไปซะอย่างงั้น เลยทำให้เราสรุปได้ว่า ‘Malignant’ เป็นหนังสยองขวัญที่มีไอเดียน่าสนใจแต่การนำเสนอของมันทั้งบทหนังที่ยังมีช่องโหว่ การกำกับที่ยังพลาดเรื่องแอกติงของเจมส์ วานไปจนถึงงานดีไซน์สัตว์ประหลาดทำให้หนังไม่น่าจดจำเท่าที่ควรสำหรับปี 2021
ในฐานะที่เป็นแฟนหนังคนหนึ่งที่ติดตามผลงานของ James Wan ผู้กำกับและโปรดิวเซอร์สัญชาติออสเตรเลียนมาหลายเรื่อง แน่นอนว่า ใครๆ ก็คงตั้งฉายาให้เขาเป็นเจ้าพ่อหนังสยองขวัญไปหมดแล้ว ก็เขาคือเจ้าของผลงานดังอย่าง Saw, Insidious, The Conjuring แถมยังเคยข้ามไปทำหนังแนวอื่นอย่าง Aquaman และ Fast & Furious 7 เมื่อหันกลับมาทำหนังแนวที่สร้างชื่ออีกครั้ง จะให้พลาดได้ยังไง วันนี้ จึงขอเขียนถึงสักหน่อย กับหนัง Malignant หรือชื่อไทย ชั่วโคตรร้าย ที่เข้าโรงจนออกโรงไปแล้วนั่นแหละ
งานนี้ เขาทั้งร่วมเขียนโครงเรื่อง กำกับและโปรดิวซ์ เล่าเรื่องราวสยองขวัญที่ออกจะเหนือธรรมชาติอยู่ประมาณหนึ่ง ของหญิงสาวที่มองเห็นภาพฆาตกรรมและมองเห็นฆาตกรบุคลิกประหลาดได้อย่างถนัดถนี่
ผลงานที่ต้องบอกว่า สนุกมากๆ เลยครับ
มันเป็นเรื่องราวที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งสำหรับสาวอย่าง แมดดิสัน (Annabelle Wallis จากหนังเรื่อง Boss Level และ Annabelle: Creation) คนที่โคตรอาภัพ เพราะพยายามจะมีลูกแต่สุดท้ายก็แท้งทุกที รวมทั้งครั้งนี้ก็เช่นกัน ไม่เพียงเท่านั้น เหตุการณ์ที่ทั้งประหลาดและน่ากลัวกำลังจะเกิดขึ้นกับเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แมดดี้มักพบว่า ทั้งที่ตัวเองอยู่ในบ้านของตน แต่จู่ๆ สิ่งแวดล้อมรอบตัวเธอก็เปลี่ยนไปเป็นอีกที่หนึ่ง ทั้งยังกลายเป็นพยานรู้เห็นในเหตุฆาตกรรมสุดโหดของคนร้ายโรคจิตอีกคนที่หน้าตาโคตรน่าเกลียด ดูจากท่าทีของมันแล้ว เหมือนจะจงใจให้เธอมองเห็นเหตุฆาตกรรมอย่างจะแจ้ง
ซิดนีย์ (Maddie Hasson จากซีรีส์ Impulse) น้องสาวของเธอที่เป็นดาราที่มักมาเยี่ยมเยือนเธออยู่บ่อยครั้งหลังเธอประสบเคราะห์กรรมที่โคตรหลอน ซิดนีย์คือคนสำคัญที่ช่วยสืบหาข้อเท็จจริงจนได้ไปพบกับเทปวิดีโอในวัยเด็ก และเห็นว่าเธอมีพฤติกรรมชอบคุยกับเพื่อนในจินตนาการ ว่าแต่มันจะเกี่ยวกับเหตุฆาตกรรมที่เธอมองเห็นหรือเปล่านะ
นอกจากนี้ ยังมีตำรวจนักสืบที่เข้ามาช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็น เรจิน่า มอสส์ (Michole Briana White จากหนัง Songbird และ Courage Under Fire) และเค ชอว์ (George Young) ร่วมด้วยช่วยไขความลับว่าเบื้องหลังความน่าเคลือบแคลงสงสัยนี้ มันคืออะไรกันแน่?
เรื่องราวที่เริ่มต้นขึ้นด้วยเหตุในสถาบันวิจัยของโรงพยายานซิเมียน เมื่อ ดร.ฟลอเรนซ์ วีฟเวอร์ (Jacqueline McKenzie) ที่พบเห็นการสังหารหมู่เจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาล ก่อนที่เรื่องราวเลวร้ายจะไปบังเกิลขึ้นนอกโรงพยาบาล
ก่อนจะหันไปเล่าเรื่องราวของแมดดิสันที่สูญเสียลูกในท้องไปพร้อมกับการสูญเสียสามีที่ถูกฆ่าอย่างสยดสยอง หนังเริ่มจะเผยให้เห็นเงาของฆาตกร และมาพร้อมกับการเล่าเรื่องร่วมกัน ทั้งความมืด เสียงดนตรีประกอบ และภาพที่ชวนลุ้นระทึกยิ่งกว่าอะไร
จากนั้น แมดดี้ นางเอกก็เรื่องก็พบเจอเรื่องราวที่หนักข้อขึ้นกว่าเดิม เธอมองเห็นเหตุการณ์อีกที่ทั้งที่เธอยังอยู่ที่บ้านตัวเอง ไม่เท่านั้น เหมือนฆาตกรจงใจให้เห็นใบหน้าอันน่าเกลียดน่ากลัวและจงใจให้เห็นฉากฆาตกรรมในลักษณะเหมือนตีตั่วดูแถวหน้าสุด
แถมหนังยังบอกกับเราอีกว่า คนร้ายนั้นชื่อ แกเบรียล ว่าแต่เขาเป็นใครและเกี่ยวข้องอย่างไรกับแมดดี้
ผู้กำกับพยายามจะหยิบข้อมูลใส่หัวคนดูอยู่แทบตลอดเวลา แต่แค่เวลานั้น อาจยังไม่เพียงพอจะสรุปอะไร จนเวลาผ่านไป มีข้อมูลเข้ามามากขึ้นนั่นแหละ ถึงได้อึ้งว่า อ้อ ที่แท้มันเป็นอย่างนี้นี่เอง