รีวิว Hellraiser Revelations

เมื่อกล่าวถึงหนังผี “Hellraiser” เชื่อว่าแฟนหนังสยองคนยุคคลาสสิกต้องร้อง อ๋อ…. กันเลยทีเดียว เพราะภาพลักษณ์อันแสนแปลกประหลาดและน่าสะพรึงกลัวของปีศาจ “Pinhead” ที่ตอกตะปูเต็มใบหน้าของตัวเองไปหมด

ที่ปรากฏกายพร้อมกับลากผู้ที่เปิดกล่องปริศนาไปยังขุมนรกหลายต่อหลายภาค แต่ลล่าสุดได้ทำการปล่อยหนังผี Hellraiser Revelations บิดเปิดผี นรกไม่มีวันตาย ออกมาในปี 2011 ส่วนจะมีความน่าสนใจเพียงใดนั้น อันนี้ต้องมาติดตามอ่านจากบทรีวิวในบทความชิ้นนี้กัน

เรื่องราวของหนังผี Hellraiser Revelations บิดเปิดผี นรกไม่มีวันตาย เริ่มต้นขึ้นหลักจากที่สองชายหนุ่มเพื่อนซี้จอมเอาแค่ใจ “นิโค” และ “สตีเวน” หนีออกจากบ้านไปผจญภัยท่องเที่ยว ณ ประเทศเม็กซิโก หลังจากปาตี้จนเมามาย

ก็ได้เข้าไปพัวพันกับเหตุการณ์ฆ่าผู้หญิงตายและหลังจากนั้น พวกเขาก็ได้รับกล่องปริศนาจากชายเร่ร่อน พร้อมกับคำเชื้อเชิญว่าการเปิดกล่องนี้จะช่วยปลดเปลื้องความทุกข์ทรมานจากความรู้สึกเจ็บปวด ผิดบาปในการฆ่าคนตาย แล้วสองหนุ่มจะสามารถทนต่อคำหวานยั่วยวนอันน่าแปลกประหลาดได้หรือเปล่า!? เป็นเรื่องที่ต้องติดตามรับชมกันเอง

ประเภท : สยองขวัญ / ปีศาจ

ปีที่ฉาย : 2011

เวลา : 1.15 ชั่วโมง

IMDb: 2.7/10

หนังผี Hellraiser Revelations บิดเปิดผี นรกไม่มีวันตาย ถ้าให้พูดถึงจุดเด่น ตอบตามตรงว่า “ไม่มี” ว่ากันตามตรงหนังผี Hellraiser Revelations บิดเปิดผี นรกไม่มีวันตาย เป็นหนังต้นทุนต่ำ ที่ใช้นักแสดงหน้าใหม่ทั้งหมดและทำหน้าที่ของตัวเองในการแสดงออกมาได้อย่างน่าอึดอัดตลอดทั้งเรื่อง

ในส่วนของการนำเสนอ เทคนิคการถ่ายทำเองก็เข้าขั้น “น่าเบื่อ” แม้จะพยายามใส่เสียงกรีดร้องและฉากเลือดสาดเข้าไปก็ไม่ได้ทำให้หนังเรื่องนี้ดูน่าตื่นเต้นขึ้นแม้แต่น้อย แสง เสียงและคุณภาพของเสื้อผ้าเองก็ไม่ได้คุณภาพ ราวกับผู้กำกับเผางานอยากปิดกล้องให้จบเรื่องให้เร็วที่สุด

ยังไม่รวมของฉากขุมนรกที่เต็มไปด้วยโซ่กวัดแกว่งแบบต้นฉบับที่ฉายในปี 1987 ที่ไร้การปรับปรุงอย่างสิ้นเชิง สิ่งเดียวที่ทำให้รู้สึกทึ่งในหนังผีเรื่องนี้คือ “ความกล้า” ของผู้กำกับ ที่กล้าปล่อยให้ผลงานชิ้นนี้ออกมาฉายต่อสายตาชาวโลก

ถ้าให้ผู้เขียนพูดกันตามตรง หนังผี Hellraiser Revelations บิดเปิดผี นรกไม่มีวันตาย เป็นการ “ตบหน้า” ของแฟนซีรีส์หนังสยองขวัญเรื่องนี้ในระดับหน้าหัน และทำลายศรัทธาของคนที่ชมภาพยนตร์ อ่านการ์ตูนและนิยายภาพที่เกี่ยวกับ Hellraiser ชนิดราบคาบ

ดังนั้น ถ้าหากใครยังไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้ ขอแนะนำว่า “***ไม่ควรรับชมอย่างเด็ดขาด” แต่ถ้าหากใครชอบของแปลก แล้วคิดว่ารับมือไหวจะลองดูก็ไม่ว่ากัน แต่… อย่าหาว่าไม่เตือนนนนนนนน…..

หนังภาคต่อตอนที่ 9 ของ Hellraiser ที่ถือเป็นตอนต่อแบบ “กันสัญญาหมด” ครับ

ประมาณว่างานสร้าง Hellraiser ฉบับรีเมคยังไปไม่ถึงไหน แต่ทว่าหากทาง Dimension Films ไม่สร้างหนังชุดนี้ต่ออีกในเวลาที่กำหนด ลิขสิทธิ์ของหนังชุดนี้ก็จะคืนสู่เจ้าของ และเจ้าของก็จะสามารถส่งต่อไปขายสิทธิ์ให้เจ้าอื่นได้

รีวิว Hellraiser Revelations

รีวิว Hellraiser Revelations

ดังนั้น Dimension Films เลยไม่อยากเสียสิทธิ์ครับ จึงรีบทำการเขียนบทให้หนังชุดนี้แบบด่วนสุดพิกัด ซึ่งก็เขียนเสร็จเรียบร้อยใน 3 อาทิตย์ ก่อนจะลงมือถ่ายทำในเวลาแค่ 11 วันเท่านั้นเอง… ออกแนวลวกหน่อยๆ ว่าไหมครับ

แล้วงานภาคนี้ก็ออกมาพร้อมกลิ่นอายลวกจริงๆ กับเรื่องราวว่าด้วยสองเพื่อนซี้ นิค แบรดลี่ย์ (Jay Gillespie) และ สตีเว่น คราเว่น (Nick Eversman) ยกก๊วนไปเฮ้วกันที่เม็กซิโกครับ แล้วเขาก็ไปเจอกล่องรูบิคนี่เข้า จากนั้นพวกเขาก็เปิดมันแล้วความสยองก็เริ่มครับ

จริงๆ แล้วหนังเรื่องนี้ถือว่าเป็น Hellraiser เรื่องแรกนับแต่ภาค 4 เป็นต้นมาที่มีการเขียนบทขึ้นเพื่อหนังเรื่องนี้โดยเฉพาะนะครับ เพราะภาค 5 – 8 นั้นเป็นการเอาบทหนังสยองเรื่องอื่นๆ ที่ทางสตูดิโอรับมาดัดแปลงให้เป็นหนัง Hell ทั้งสิ้น แต่กับเรื่องนี้คงเพราะมันเร่งด่วนน่ะครับ รอบทหนังเรื่องอื่นไม่ได้ เลยเขียนเองซะเลย

แต่จะว่าไปแล้ว ผมว่าโครงเรื่องนั้นไม่เลวนะครับ ช่วงแรกๆ อาจไม่น่าสนใจเท่าไร เหมือนหนังวัยรุ่นคะนองแล้วไปเจอเหตุสยองทั่วๆ ไป แต่จากนั้นหนังก็ค่อยๆ เผยปมทีละนิด ว่าหลังจากนิคและสตีเว่นเปิดกล่องแล้ว มันเกิดอะไรขึ้นบ้าง มีปมปริศนาน่าสนใจอยู่ แต่พอดีว่าทีมนักแสดงและการเดินเรื่องมันไม่มีพลังเท่าที่ควร ทำให้เรื่องราวดูเนือย แม้จะมีความสยองแทรกเข้ามาแต่การดำเนินเรื่องมันไม่เร้าใจ ไม่ชวนติดตามนัก

ดูหนังฟรี

รีวิว Hellraiser Revelations

ความรู้สึกหลังดู

แล้วที่หนักหนาที่สุดคือ พี่ Doug Bradley ผู้ผูกขาดบทพินเฮดมานานเขาไม่กลับมาเล่นครับ จริงๆ ตอนแรกเขาก็ทำท่าจะกลับมานะครับ เพราะได้รับการติดต่อไป แล้วเขาก็สนใจจะมาแสดง แต่พอเข้ามาดูการเตรียมงานที่แสนจะลวก เช่นบทหนังที่โดนเขียนแบบลวกๆ ไม่มีการเกลารอบสองใดๆ เท่านั้นล่ะพี่ท่านรีบถอยเลยครับ แล้วมิหนำซ้ำยังถูกขอให้ลดค่าตัวอีก เขาเลยโบกมืออำลาไปทันที

ในที่สุดทีมงานจึงจำเป็นต้องหาคนมาแทน แล้วหวยก็มาลงที่ Stephan Smith Collins นักแสดงที่มักเล่นหนังสั้นหรือไม่ก็หนังทีวีมาแสดงเป็นพินเฮดแทน ซึ่งบอกตรงๆ ครับว่าคนละชั้น พลังความน่ากลัวไม่มากเท่าพี่ Doug เจ้าเก่าเลยจริงๆ

ออกจะเสียดายหน่อยๆ เหมือนกันครับเพราะถ้ามีการเตรียมงานดีๆ ออกแบบฉากให้เข้าท่า ปรับบทเกลาให้มันเข้าที่อีกสักนิด ลงทุนอีกสักหน่อย ภาคนี้น่าจะสนุก (สยอง) ในระดับหนึ่ง อย่างน้อยก็น้องๆ ภาค 3 ล่ะน่า แต่ด้วยการที่หนังเซฟทุนสุดๆ (ลงไปแค่ 300,000 เหรียญน่ะครับ) ผลที่ได้จึงไม่งดงาม

ดูหนังใหม่

รีวิว Hellraiser Revelations

หนังกำกับโดย Victor Garcia แห่ง Return to House on Haunted Hill ครับ ซึ่งผมว่าจริงๆ พี่แกก็พยายามคุมหนังให้เข้าท่าอยู่นะครับ เพียงแต่บทหนังยังไม่เข้าที่ ทุนก็ไม่ถึง ทำให้อะไรๆ มันไม่ถึงจุดสนุกอย่างที่ควรจะเป็น

อย่างที่บอกครับ หลายๆ อย่างมันน่าจะเกลาน่าจะดันให้เข้าที่ อย่างการที่เปิดเรื่องมา ก่อนจะตัดสลับเหตุการณ์มาเล่าว่าหนึ่งในสองคนที่เปิดกล่องนั้นได้รอดกลับมาบ้าน ซึ่งจุดนี้ถ้าปรุงดีๆ ย้ำดีๆ ก็จะชวนให้คนดูติดตามได้ล่ะครับ ว่าหมอนี่รอดมาได้อย่างไร และคนในบ้านจะต้องพบความสยองอะไรไหม เรียกว่าถ้าวางดีๆ ล่ะก็หนังจะออกมาแนวลุ้นๆ หลอนๆ ได้เลยล่ะครับ

แต่ก็นั่นล่ะเน้อะ ออกมาเท่านี้ก็คงได้เท่านั้น ก็ขอแนะนำว่าอย่าคาดหวังอะไรมากครับ โดยเฉพาะคอ Hellraiser ที่ต้องทำใจขนานหนักที่ครั้งนี้พี่พินเฮดเปลี่ยนหน้าไป

… อันนี้ผมแอบลุ้นนะครับ จริงๆ แล้วฉบับรีเมคน่ะไม่ต้องไปคิดอะไรมากแล้วล่ะ เอาบทในเรื่องนี้แหละไปคิดให้ดี เกลาให้เหมาะ วางเรื่องราวให้ซับซ้อนนิดๆ มีปมปริศนาและความหลอนหน่อย ก็น่าจะได้ Hellraiser ภาครีเมคที่อร่อยในระดับหนึ่งแล้วล่ะครับ

รีวิว Hellraiser Revelations

ภาค Revelations เป็นเรื่องราวราวที่ไม่ได้ดำเนินต่อจากภาคใดก่อนหน้านี้ ที่เกิดขึ้นจากสองเพื่อนซี้ นิค แบรดลี่ย์ (Jay Gillespie) และสตีเว่น คราเว่น (Nick Eversman) ออกจกาบ้านหนีเที่ยวยันเม็กซิโกเพื่อหาความท้าทายของชีวิต แล้วเกิดไปเจอชายพิลึกคนหนึ่งที่เสนอกล่องแปลกมาให้แบบฟรี แล้วบอกว่าจะให้ในสิ่งที่สุขกว่าทุกอย่างที่เคยสัมผัสมาก่อนในชีวิต ว่าแล้วก็ให้กล่องรูบิคปริศนาเอาไว้ จากนั้นพวกเขาเริ่มอยากลองของกับกล่องใบนี้ ลองทำการเปิดมันเล่นๆ ทว่าความสยองก็เริ่มเปิดต้อนรับพวกเขาจากขุมนรกเช่นกัน

สิ่งที่ทำให้ Hellraiser ภาคนี้โดดเด่นคือการทำเรื่องมาให้เฉพาะกับตัวเอง สังเกตดูได้ว่าภาคหลังๆกลายเป็นหนังแนวสืบสวนที่มีพิเฮดเป็นตัวประกอบไปหมดแล้ว ทั้งการผูกเรื่องที่พินเฮดโผล่มาแวบๆ หรือจะการพยายามโย้งประเด็นถึงพินเฮดให้ได้ส่วนหนึ่ง ซึ่งนั้นเป็นการจับใส่เข้ามาในโครงเรื่องให้ Hellraiser อยู่ต่อไปแม้จะเริ่มกลายเป็นหนังที่น่าง่วงเข้าไปทุกที่ก็ตาม และเมื่อเทียบกับภาคแรกๆแล้วระดับมันคนละชั้นราวฟ้ากับเหว

 รีวิวหนังออนไลน์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *