รีวิว Ghostbuster Afterlife

วันนี้แอดจะมารีวิวหนังเรื่อง Ghostbuster Afterlife หนังที่ออกผีผีแนวตลก ๆ ดูเพลินเพลิน ซึ่งในช่วง37 ปีก่อนใครจะคิดว่า ‘Ghostbuster’ หรือ ‘บริษัทกำจัดผี’ หนังจากมันสมองของ แดน แอครอยด์ (Dan Aykroyd) จะกลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของป๊อปคัลเจอร์อย่างทุกวันนี้

เพราะนอกเหนือจากหนัง แอนิเมชันซีรีส์ และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องมากมายแล้วมันยังถูกนำมาอ้างอิงและปรากฎตัวในหนังและซีรีส์ที่พูดถึงยุค 80s ได้แบบที่ยากที่จะมีหนังเรื่องไหนที่ยืนหยัดอยู่เหนือกาลเวลาขนาดนี้ และหลังจากภาคต่อปี 1989

และการรีบูตที่ผิดกลิ่นสุด ๆ ในปี 2016 ของพอล ฟีก (Paul Feig) ก็ได้เวลาที่เจสัน ไรต์แมน (Jason Reitman) ผู้กำกับหนังอินดีมือรางวัลลูกชายแท้ ๆ ของ ไอวาน ไรต์แมน (Ivan Reitman) จะสานต่อมรดกและรับความคาดหวังของแฟน ๆ ทั่วโลกมาพิสูจน์ฝีมือในหนังแฟนตาซีที่เจ้าตัวไม่ค่อยมีโอกาสได้ทำนัก

ในส่วนของเรื่องราวของหนังจะเริ่มต้นที่ใครคนหนึ่งในทีมบริษัทกำจัดผีเดิมเสีียชีวิตและทิ้งมรดกไว้ให้แก่ คัลลี (รับบทโดย แครี คูน Carrie Coon) คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว เทรเวอร์ (รับบทโดยฟินน์ วูล์ฟฮาร์ด Finn Wolfhard) ลูกชายคนโต

และ ฟีบี (รับบทโดย แม็กเคนนา เกรซ Mckenna Grace) ลูกสาวคนเล็กที่คลั่งไคล้วิทยาศาสตร์ จนพวกเขาต้องเดินทางไปยังโอคลาโฺฮมาเพื่อพบว่ามรดกที่ได้คือบ้านเก่า ๆ และฟาร์มที่มีแต่ดินไร้พืชผลใด ๆ

และเป็นฟีบีที่ได้ค้นพบว่าคุณตาของเธอคือ อีกอน สแปงเลอร์ ที่ได้ขนสรรพวุธต่าง ๆ ไว้เตรียมต่อกรกับโกเซอร์ปีศาจร้ายที่แฝงตัวอยู่ในเมืองเล็ก ๆ ของเธอ และเมื่อเหล่าผีร้ายออกอาละวาดฟีบีก็ได้เวลารวมพลพี่ชายและเพื่อน ๆ ของเธอเพื่อต่อกรกับปีศาจร้าย และในขณะเดียวกันคัลลีก็เริ่มออกเดตกับกรูเบอร์สัน (รับบทโดย พอล รัดด์ Paul Rudd) ครูของฟีบี

ดูหนัง

ซึ่งหนึ่งในความยากประการสำคัญในการทำหนังอย่าง ‘Ghostbuster’ คงหนีไม่พ้นชื่อเสียงและฐานแฟนคลับที่หนังได้สร้างมาต่อเนื่องเกือบ 4 ทศวรรษ และยิ่งมีภาพจำหลาย ๆ อย่างเช่นชุดปฏิบัติการของสมาชิกบริษัทกำจัดผี รถเอ็คโตวัน กับดักผี กระทั่งผีต่าง ๆ ที่ปรากฎในหนังภาคแรกโดยเฉพาะผีสไลม์และมาร์ชเมลโลแมน ที่เห็นปุ๊บจะต้องนึกถึงบริษัทกำจัดผีปั๊บ

แต่กระนั้นก็ไม่น่าเชื่อว่าเจสัน ไรต์แมนกลับสามารถผสมผสานระหว่างไอคอนจากหนังต้นฉบับให้มาอยู่ในธีมเรื่องที่เอาดราม่าครอบครัวที่เป็นลายเซ็นของเขาได้อย่างลงตัว โดยเราจะเห็นตัวละครที่มีความสัมพันธ์ในครอบครัววิ่นแหว่งอย่างคัลลีที่มีปมทั้งสามี

และพ่อแท้ ๆ ทิ้งไปจนเธอไม่อาจเข้าใจและเป็นห่วงฟีบีลูกสาวคลั่งวิทยาศาสตร์ของเธอที่เดินตามรอยคุณตาเป๊ะแทบทุกกระเบียดนิ้วเพราะกลัวจะเข้ากับเพื่อนไม่ได้ก็สามารถสานต่อเรื่องราวกับหนังต้นฉบับได้อย่างเนียนสนิทโดยไม่เสียความเป็นตัวเอง

และเมื่อเหตุการณ์พาตัวละครมาเจอกับปีศาจคู่ปรับเก่าของเหล่าบริษัทกำจัดผีภาคแรกและกลายเป็นการปลดล็อกความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ครบถ้วนทั้งความเป็นหนังไซไฟตลกและยังมีดราม่าครอบครัวที่เวิร์กมาก ๆ ก็ยิ่งทำให้ ‘Ghostbuster Afterlife’ อยู่เหนือการเป็นเพียงหนังแฟนเซอร์วิสธรรมดา ๆ เรื่องหนึ่ง

และถ้าหาก ‘Ghostbuster’ ฉบับปี 2016 เคยมีปัญหาเรื่องแฟน ๆ หนังต้นฉบับสาบส่งที่หนังพยายามจะใส่ความเป็นสาวห่ามแบบพอล ฟีกจนเกินงาม ในหนังเรื่องนี้ก็แก้ปัญหาด้วยการรีบูตเครื่องให้คนที่รับมรดกต่อเป็นลูกหลานของสมาชิกเก่าได้อย่างชาญฉลาด  รีวิวหนังผีฝรั่ง

โดยได้การตีความของแม็กเคนนา เกรซ นักแสดงดาวรุ่งจากหนัง ‘I,Tonya’ ก็ทำให้ตัวละครฟีบีเต็มไปด้วยเสน่ห์ชวนมองและบทก็ยังเก็บรายละเอียดมุกแนววิทยาศาสตร์เหมือนในหนังต้นฉบับมาให้เธอถ่ายทอดความเนิร์ดได้อย่างน่ารักน่าชังอีกด้วย

นอกจากนี้หนังยังได้นักแสดงเด็กอีกคนที่เปล่งประกายมาก ๆ คือ โลแกน คิม (Logan Kim) เจ้าหนูชาวเอเซียที่มารับบทเป็น พอดแคสต์ เด็กเนิร์ดที่ชอบทำพอดแคสต์ที่ขยันขโมยซีนจนดาราดังอย่าง ฟินน์ วูล์ฟฮาร์ด ถูกกลบรัศมีไปไม่น้อยเลยทีเดียว และหนังยังได้ เซเลสต์ โอ คอนเนอร์ (Celeste O’ Connor) สาวผิวสีคนสวยมารับบทลัคกี สาวสวยที่เทรเวอร์หมายปองได้อย่างมีเสน่ห์อีกด้วย

แต่ก็ใช่ว่าเจสัน ไรต์แมนจะทิ้งการบูชาครูหนังคุณพ่อตัวเองเสียทีเดียว ตรงกันข้ามเขากลับนำภาพจำและรวมถึงประวัติศาสตร์หลายอย่างที่เกี่ยวกับพ่อของเขามาแอบใส่ในหนังได้อย่างแนบเนียน โดยนอกจากรถเอ็กโตวัน อุปกรณ์จับผีหรือชุดบริษัทกำจัดผีอันเป็นไอคอนแล้ว ไรต์แมนยังแอบใส่โปรแกรมหนัง ‘Cannibal Girls’ หนังสยองขวัญปี 1973 ของคุณพ่อให้ปรากฎอยู่หน้าฉากหลังที่เป็นโรงหนังอีกด้วย

หรือกระทั่งรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับตัวละครของ ฮาโรลด์ รามิส อย่างอีกอน สแปงเลอร์อย่างการนำเห็ดและราในโหลแก้วเป็นพรอปประกอบฉากก็ยังแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในรายละเอียดและเมื่อตัวอักษรบนหน้าจอขึ้น ‘For Harold’ ตอนท้ายมันก็เมกเซนส์และแสดงให้เห็นเลยว่าหัวใจของหนังเรื่องนี้ถูกมอบเป็นเกียรติให้แก่ฮาโรลด์ รามิสอีกหนึ่งนักแสดงและคนเขียนบท ‘Ghostbuster’ ได้อย่างสมศักดิ์ศรี

รีวิว Ghostbuster Afterlife

และประมาณสิบเดือนก่อนการเปิดตัว “Ghostbusters: Afterlife” และโดยไม่ทราบว่ามีภาคต่อที่ล่าช้าในการผลิต ฉันได้ดูต้นฉบับปี 1984 อีกครั้งเป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปี และร่วมกับลูกๆ ของตัวเอง (อายุหกขวบและ สิบ). จำเป็นต้องพูด ลูกหลานของฉันไม่ได้ประทับใจแม้แต่น้อยกับเทคนิคพิเศษจากช่วงต้นทศวรรษที่แปดสิบ และตามจริงแล้ว ฉันพบว่าสิ่งที่ฉันชอบในวัยเด็กของฉันก็มีวันที่แย่เช่นกัน

ซึ่งความเสียใจที่ใหญ่ที่สุดของฉันคือการที่ฉันไม่สามารถถ่ายทอดความรู้สึกมหัศจรรย์ของการ “ค้นพบ” โลกแห่งสยองขวัญ, สัตว์ประหลาด, F/X และ ectoplasm! แต่เมื่อเราเห็นการประชาสัมพันธ์ “Ghostbusters: Afterlife”

ใหม่ล่าสุดทางโทรทัศน์ ลูกๆ ของฉันก็ถามอย่างเป็นธรรมชาติว่าเราจะไปดูมันบนจอใหญ่ได้ไหม ใช่ พวกเขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่ฉันรู้สึกเมื่อเห็น “Ghostbusters” เป็นครั้งแรกด้วยความล่าช้าเล็กน้อย และฉันรู้สึกเหมือนตัวเองอายุ 9 ขวบอีกครั้ง

ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่าสิ่งที่ดีที่สุดที่อาจเกิดขึ้นกับแฟรนไชส์นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากรีเมคที่ล้มเหลวในปี 2016 คือการหวนคืนสู่รากเหง้า เรื่องราวเชื่อมโยงกลับไปยังต้นฉบับโดยตรง ตัวเอกอันเป็นที่รักปรากฏตัวขึ้น (แม้ว่าจะเป็นช่วงสั้นๆ)

และผู้เขียนร่วม/ผู้กำกับก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากลูกชายของ Ivan Reitman; เจสัน “ชีวิตหลังความตาย” เต็มไปด้วยลูกเล่นที่อ้างอิงถึงต้นฉบับ แตกต่างกันไปตั้งแต่แบบละเอียดไปจนถึงแบบธรรมดา นักแสดงรุ่นเยาว์นั้นสดชื่นและเข้ากันได้ดีในจักรวาล “Ghostbusters”

แต่รู้สึกดียิ่งขึ้นที่จะเชื่อมต่อกับคนที่คุ้นเคยสมัยก่อน เช่น รถ Ghostbusters ในตำนานและ แน่นอน ธีม Ray Parker Jr. เพลง. การแสดงความเคารพต่อ Harold Ramis หนึ่งในผู้สร้างแนวคิดดั้งเดิมและสมาชิกคนเดียวที่เสียชีวิตนั้นสวยงาม

บอกตามตรงว่าหลังจากหนัง Ghostbusters ภาคที่แล้ว ฉันไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้เท่าไหร่ ฉันก็ยอมทำตามอย่างไม่เต็มใจ และต้องยอมรับว่าฉันสนุกกับมันมาก รู้สึกเหมือนเป็นผู้สืบทอดที่คู่ควรกับภาพยนตร์ต้นฉบับ ไม่ใช่แค่มองข้ามอดีต แต่ยังสนับสนุนอีกด้วย ฉันแนะนำให้ดูหนังต้นฉบับล่วงหน้า เพราะมันมีความหวนคิดถึงอยู่รอบๆ ฉันรู้สึกว่าพวกเขาต้องการให้มันเคารพต้นฉบับที่มันเป็น

ซึ่งสเปเชียลเอฟเฟกต์ที่ดีจริงๆ บางอย่างอาจไม่ค่อยดีนัก แต่นั่นเป็นเพียงฉันที่จู้จี้จุกจิก บรรยากาศที่ดีและจังหวะที่ดี ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่มีอะไรช้า ไม่ขับกล่อม และไม่รู้สึกนาน มันดูงี่เง่าไปหน่อย มันไม่ได้ดูจริงจังเกินไป

กระนั้น เยี่ยมมากที่ได้เห็นใบหน้าเก่าๆ ที่คุ้นเคย หากคุณเป็นแฟนตัวยงของต้นฉบับ คุณจะหลงรักกลิ่นอายของความคิดถึง Paul Rudd ยอดเยี่ยมมาก ฉันคิดว่าเขาโดดเด่นสำหรับฉัน

ดูหนังออนไลน์

รีวิว Ghostbuster Afterlife

ความรู้สึกหลังดู

ในส่วนของ ‘Ghostbusters’ เรื่องแรกเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ฉันชอบที่สุดในวัยเด็กของฉัน คนที่สองถูกวิจารณ์บางครั้ง แต่ฉันคิดว่ามันดีเท่าครั้งแรก ลืมไปว่าหนังสยองขวัญที่น่าอับอายที่เกิดขึ้นในปี 2010

และในที่สุดก็มุ่งเน้นไปที่ภาพยนตร์เรื่องนี้: ภาพยนตร์ที่สามที่แท้จริงของ ‘GHOSTBUSTERS’ ฉันไม่มีโฆษณาเกินจริงสำหรับเรื่องนี้ (ส่วนใหญ่เป็นเพราะซากรถไฟที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่อยู่ในสถานที่ปี 2010) แต่ฉันรู้สึกค่อนข้างถูกบังคับที่จะให้ประโยชน์ของความสงสัยและตระหนักว่าความกลัวของฉันถูกหรือผิด… ฉัน’ จะบอกสิ่งนี้: ดูหนังเรื่องนี้!

ซึ่งเป็นเรื่องราวที่จริงใจ เชื่อมโยงกัน และสนุกสนาน โดยให้ความเคารพต่อต้นตอของเรื่องราวและดำเนินเรื่องราวต่อไปด้วยความรัก เนื้อเรื่องไม่ได้ถูกเปิดเผยมากเกินไปเนื่องจากเหตุผลหลักและถึงแม้ใครบางคนจะถูกทำให้เสียใจอย่างน่าเศร้า

เว็บหนัง

รีวิว Ghostbuster Afterlife

เมื่อส่วนนั้นเกิดขึ้นในจอเงินนั้นช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ แต่ไม่ใช่แค่จุดพีคนั้น: หนังมีจุดพีคหลายจุด ตัวละครทำได้ดีเกินคาดมาก ต้องขอบคุณการแสดงที่ยอดเยี่ยมและน่าดึงดูดใจ ในที่สุดเราก็กลับไปที่ความหวาดกลัวและซีเควนซ์ที่น่าสงสัยบางอย่างที่ย้อนกลับไปถึงรูปแบบเก่าที่พลาดไปจากยุคแปดสิบ CGI นั้นดี เพลงประกอบตรงประเด็น และสคริปต์ไม่เคยลากมาหาฉันเลย

กระนั้นทั้งหมดใน: ความประหลาดใจที่น่ายินดี หากเรื่องราวจบลงที่นี่ มันจะเป็นตอนจบที่ดีที่สุดที่พวกเขาเคยทำได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต หนังเรื่องนี้ทำให้งานของมันถูกต้องและสนุกมาก (ด้วยตอนจบที่สะเทือนอารมณ์จริงๆ ซึ่งผมร้องไห้) และนั่นคือทั้งหมดที่สำคัญ เป็นการย้อนวัยที่สนุกสนานและสะเทือนอารมณ์ที่ต้องดู!

รีวิว Ghostbuster Afterlife

โดยสรุปแล้วคงต้องบอกว่าตลอดเวลา 124 นาทีของหนังผ่านไปอย่างรวดเร็วและแน่นอนว่าแฟน ๆ ของหนังต้นฉบับก็จะรักหนังฉบับนี้ไม่ต่างกัน ส่วนคอหนังรุ่นใหม่ก็ถือว่าได้รู้จักกับโลกของ ‘Ghostbuster’ ในแบบที่เป็นมิตรกับจริตการดูหนังในปัจจุบันได้อย่างดี

เอาเป็นว่า แม็คเคนนา เกรซ คือหัวใจสำคัญที่ทำให้หนังกลายเป็นที่รักของคนดูได้ไม่ยาก เซอร์วิสแฟนหนังต้นฉบับได้ครบถ้วน และน่าประทับใจเป็นการสานต่อมรดกงานกำกับจากพ่อที่ เจสัน ไรต์แมนทำได้แทบสมบูรณ์แบบและยังเอาการเล่าเรื่องที่ถนัดมาเสริมความบันเทิงให้หนังได้อีก ด้วย

 รีวิวหนังฝรั่ง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *