รีวิว Flatliners (2017) ขอตายวูบเดียว
สวัสดีครับแอดคิดว่าการรีเมค Flatliners ออกจะเป็นอะไรที่เสี่ยงอยู่ครับ เพราะการจะทำออกมาให้เด่นเท่าต้นฉบับนั้นค่อนข้างยาก (ยิ่งจะทำให้ออกมา “ดีกว่า” นี่จะยิ่งยากที่สุด) และผลลัพธ์ก็ดูเหมือนจะออกมาแล้วว่าหนังไปได้ไม่ไกลนัก
แต่อย่างน้อยหนังก็ไม่ถึงกับล่มรุนแรงหากมองกันในเรื่องรายได้ เพราะลงทุนเพียง $19 ล้านเท่านั้น รายได้ทั่วโลกตอนนี้ได้ดไป $28 ล้าน.. ไม่มาก แต่ถ้าได้เงินเพิ่มตอนออกแผ่นและตอนฉายเคเบิ้ลก็น่าจะพอโปะต้นทุนได้อยู่
เรื่องราวก็มาในพล็อตเดิมแบบต้นฉบับครับ เรื่องของ 5 นักเรียนแพทย์ที่ทดลอง “ตายวูบหนึ่ง” เพื่อดูซิวาโลกหลังความตายมีอะไรรออยู่ และการทดลองครั้งนี้ก็นำพา “อดีต” และ เรื่องสยองมาสู่ชีวิตพวกเขา
บอกก่อนเลยว่าผมชอบเวอร์ชั่นต้นฉบับมากครับ จำได้ตอนดูสมัยนั้นฟอร์มมันสดมาก เพราะไม่ค่อยมีหนังเอาเรื่องโลกของความตายมาเล่นแบบเป็นเรื่องเป็นราว (แบบในเชิงวิทยาศาสตร์) และยังผนวกเอาเรื่องผลกรรมและผลแห่งการกระทำใส่ลงไปด้วย รีวิวหนังผีฝรั่ง
จุดเด่นของฉบับนั้นคือ 5 นักแสดงที่ถือว่ายอดฝีมือและเป็นระดับแม่เหล็ก อีกทั้งงานภาพที่มีความอลังผสมอารมณ์กอธิคเข้าไป และการเล่นแสงสีอีก จนทำให้นั่นเป็นอีกหนึ่งงานเด่นที่สร้างชื่อให้กับ Joel Schumacher
ส่วนฉบับนี้ ความรู้สึกระหว่างดูก็คือมาทางเดียวกับต้นฉบับ แต่ความขลังดูจะลดลงไป เช่นเดียวกับงานภาพที่ดูจะเน้น CG มากกว่าจะเน้นเรื่องการเล่นแสงเงา ซึ่งตอนเอาไปเปิดดูกับ TV ตอนออกแผ่น Blu Ray มันก็คงจะสวยดีน่ะครับ เพียงแต่มันไม่ได้แปลกใหม่อะไร
จริงๆ ตอนกลางๆ หนังทำให้นึกถึง Final Destination ครับ จนผมกลัวด้วยว่าหนังจะเป่ไปจากแก่นสารเดิมที่ต้นฉบับเคยเล่นไว้ไหม หรือจะกลายเป็นหนังสยองโกงความตายแบบเต็มตัว แต่ก็ยังดีครับที่สุดท้ายหนังยังคงสรุปแบบที่ให้เรานึกถึงเรื่อง “ผลกรรม” มากกว่าจะกลายเป็นแนวสยองวัยรุ่นทั่วๆ ไป
ในแง่นักแสดง ก็คงต้องบอกว่าอยู่ในระดับกลางๆ ครับ ไม่ว่าจะ Ellen Page, Diego Luna, Nina Dobrev, James Norton และ Kiersey Clemons ซึ่ง 3 คนแรกถือว่าพอมีชื่อ ส่วน 2 คนหลังคนไทยก็อาจยังไม่คุ้นนัก ซึ่ง Page กับ Dobrev ถือว่าเล่นได้เด่นพอตัวครับ ในขณะที่คนอื่นๆ ก็อยู่ในระดับโอเค
และต้องขอย้ำว่านี่เป็นงานรีเมคครับ เพราะบางคนพอเห็น Kiefer Sutherland มาเล่นเป็นอาจารย์หมอแล้วก็อาจชวนให้คิดไปได้ว่าเขาคือเนลสันจากต้นฉบับและนี่คือหนังภาคต่อ แต่จริงๆ ตัวละครที่เขาเล่นในฉบับนี้คือ แบร์รี่ วูลฟ์สัน เป็นคนละคนกันครับ
ตัวหนังจริงๆ ไม่มีอะไรเด่น ออกแนวเรื่อยๆ แต่ก็ยอมรับว่าเหตุการณ์ตอนกลางๆ เรื่องก็ทำให้ผมตกใจพอสมควรครับ ในแง่หนึ่งก็ถือว่าดีที่หนังพยายามจะแหวกไปจากต้นฉบับบ้าง และเรื่องนี้กำกับโดย Niels Arden Oplev ที่กำกับ The Girl with the Dragon Tattoo ภาคต้นฉบับน่ะครับ แต่ก็บอกได้เลยว่าเรื่องนี้สู้ผลงานเรื่องนั้นของเขาไม่ได้เลย
ครับ เอาเข้าจริงหนังไม่ได้มีอะไรเด่น แต่ผมก็ยังรู้สึกดีที่ยังไงหนังก็ยังคงแก่นของเรื่องไว้ นั่นคือ ทุกการกระทำย่อมมีผลตามมา โดยเฉพาะการที่เราทำไม่ดีกับใครเอาไว้ ผลแห่งการกระทำนั้นมันอาจย้อนมาทำร้ายเรา ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ซึ่งมันก็เป็นกฎแห่งกรรมในเชิงเหตุและผลน่ะครับ
ผมชอบประโยคที่ตัวละครหนึ่งพูดตอนท้ายว่า “แค่การขอโทษยังไม่ดีพอ แต่เราต้องกล้าเผชิญหน้ากับสิ่งที่เราทำไป จากนั้นก็อภัยให้กับตนเอง” มันดูเป็นคำตอบที่ดีสำหรับเรื่องนี้ครับ เพราะจริงๆ ผมเชื่อว่าเราต้องเคยทำผิดกันมาบ้างแหละ และบางครั้งมันก็หลอกหลอนเรา หรือส่งผลต่อปัจจุบันขณะจนชีวิตเราเสียหาย ดังนั้นทางที่ดี ก็คืออย่าไปทำไม่ดีกับใคร แต่หากทำไปแล้ว เราก็ต้องกล้าเผชิญและแก้ไขมัน หรือถ้าแก้ไม่ได้ เราก็ต้องยอมรับ และหาทางออกอื่นๆ ต่อไป
หนังอาจไม่ได้เด็ด แต่แง่คิดก็สะกิดเราได้โอเคครับ
รีวิว Flatliners (2017) ขอตายวูบเดียว
“มนุษย์” กับ “ความตาย” ในชั่วชีวิตหนึ่งมันควรเป็นความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว แต่ถ้าหากมีใครบางคนฝ่าฝืนกฎนี้ แล้วมองว่ามันเป็นเรื่องตลกที่สามารถล้อเล่นได้ก็ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ผิดถนัด เพราะความตายเป็นเรื่องที่แสนจริงจังอย่างมากเลยทีเดียว
บทความรีวิวภาพยนตร์ในวันนี้ อยากขอพาคุณผู้อ่านไปทำความรู้จักกับ หนังสยองขวัญ Flatliners ขอตายวูบเดียว เรื่องราวของกลุ่มคนที่มองว่าความตายเป็นเพียงสิ่งล้อเล่นจนเกิดเหตุการณ์สยองขึ้น ส่วนจะน่าดูเพียงใดนั้น ลองมาติดตามกันเลย
ชีวิตหลังความตายเป็นสิ่งลี้ลับที่ท้าทายการค้นหาของมนุษยชาติมานานแสนนาน เพราะคนที่ตายไปแล้วก็คงไม่ได้มีโอกาสได้กลับมาเล่าเรื่องราวที่เขาได้พบได้เจอหลังความตายนั้นเป็นแน่ แต่หนังเรื่อง Flatliners ขอตายวูบเดียว คนที่ทดลองตายนั้น เป็นผู้ที่มีความรู้ด้านการแพทย์จึงสามารถนำชีวิตกลับคืนมาได้
ทำให้หนังเรื่องนี้ กลายหนังที่น่าสนุกสนานขึ้นมาเลยทีเดียว
ประเภท : สยองขวัญ / ระทึกขวัญ / วิทยาศาสตร์
ปีที่ฉาย : 2017
เวลา : 1.48 ชั่วโมง
IMDb: 5.2 /10
ความรู้สึกหลังดู
หนังสยองขวัญ Flatliners ขอตายวูบเดียว เป็นเรื่องราวของกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่ตั้งทฤษฎีที่น่าสนใจเกี่ยวกับความตายนำไปสู่การใช้ตัวเองเป็นหนูทดลองตายเพื่อแอบดูว่ามีอะไรกันแน่ที่ซ่อนอยู่โลกหลังความตายหลังจากนั้นก็ทำการฟื้นชีวิตตัวเองกลับมาในเวลาอันเฉียดฉิว หลังจากพวกเขาเริ่มเสพติดมันและทำการทดลองอีกหลายต่อหลายครั้ง ดูเหมือนว่ามีบางสิ่งที่ติดตามพวกเขากลับมาจากโลกหลังความตายอันน่าสยดสยองด้วยเช่นกัน
หนังสยองขวัญ Flatliners ถือว่ามีแนวคิดในการสร้างหนังที่มีความน่าทึ่งกินขาดในเรื่องของความแตกต่างไม่เหมือนใครเกี่ยวกับประเด็นความตายและความพยายามในการพิสูจน์มันตามหลักของวิทยาศาสตร์ ช่วงแรกของหนังอาจดูเป็นแนววิทยาศาสตร์จ๋า แต่.. หลังจากนั้นมันก็ค่อย ๆ ถูกปูเรื่องราวเข้าสู่หนังสยองขวัญได้อย่างน่าสนใจ
ความตึงเครียดที่หนังสยองขวัญ Flatlinersพยายามสื่อสารเองก็ถือว่าทำออกมาได้ดี อีกทั้งยังมีความน่ากลัวในระดับหนึ่งและระดับการแสดงโดยรวมก็อยู่ในระดับมาตรฐาน และแน่นอนว่าเรื่องราวเหนือธรรมชาติอย่างความตายเป็นสิ่งที่สามารถเรียกความสนใจได้จากคนดูไม่เบาเลยทีเดียว
ในส่วนของจุดด้อย หนังสยองขวัญ Flatliners ควรถูกจัดอยู่ในกลุ่มของหนังระทึกขวัญมากกว่า เพราะมันมีเรื่องที่ชวนสยองขวัญน้อยมาก โดยเฉพาะครึ่งหลังของเรื่องราวที่มีการเล่นเรื่องราวของความต่างที่ค่อนข้างโจ่งแจ้งชัดเจนมากจนเกินไป จนทำให้เรื่องราวทั้งหมดกลายเป็นเรื่องที่สามารถคาดเดาได้ไม่ยากอันเป็นการทำลายเอกลักษณ์โดยรวมของหนังไปอย่างน่าเสียดาย
สำหรับผู้เขียน หนังสยองขวัญ Flatliners ถือว่าเป็นหนังสยองขวัญที่มีแนวในการเล่าเรื่องและโรงเรื่องที่ดีน่าสนใจเป็นอย่างมาก แต่ถ้าหากใครอยากที่จะทำการหยิบหนังเรื่องนี้ขึ้นมารับชมก็ไม่อยากจะให้คาดหวังกับความสยองขวัญที่ได้รับมากจนเกินไป ไม่อย่างนั้นจะทำให้หนังดูไม่สนุกนั่นเอง
ถ้าหากให้แนะนำหนังสยองขวัญ Flatliners ก็ถือว่าเป็นหนังเรื่องหนึ่งที่เก็บเอาไว้ดูตอนที่ว่าง ๆ ได้ แบบที่ไม่จำเป็นจะต้องรีบร้อนหามาดูแต่อย่างใด..
เริ่มที่นักศึกษาแพทย์สาวสวยชื่อ “คอร์ธนีย์” ได้ทำการทดลองตายชั่วขณะ เนื่องจากตัวเธอเองสนใจอยากเรียนรู้ประสบการณ์จริงของชีวิต หลังความตาย โดยหลังการทดลองของเธอในครั้งนี้ ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่น่าทึ่งเพราะศักยภาพและความสามารถบางอย่างในตัวเธอเพิ่มขึ้น
จึงทำให้เพื่อนๆ นักศึกษาแพทย์อีก 3 คนต้องการจะทดลองตายบ้าง แต่ท้ายสุดสิ่งที่ตามมาจากการทดลองตายคือคุณสมบัติด้านมืดบางอย่างซึ่งก่อให้เกิดผลสยองขวัญอย่างที่ทุกคนคาดไม่ถึง ส่วนเรื่องราวจะลงเอยอย่างไรนั้น แล้วพวกเขาจะแก้ปัญหาที่ตามมาได้หรือไม่ เชิญไปติดตามได้ในโรงภาพยนตร์
สำหรับคะแนน รีวิวหนัง Flatliner ขอตายวูบเดียว นั้นในส่วนของบทภาพยนตร์ถือตื่นเต้นเร้าใจเดินเรื่องได้กระชับฉับไว ไม่เยิ่นเย้อ ผมให้คะแนนในส่วนนี้ที่ 9/10 ในส่วนของดารานักแสดงนำ แสดงกันได้ดี หน้าตาก็ดี กันแทบทุกคน ผมให้ 8.5/10 สำหรับข้อคิดที่ได้จากหนังเรื่องนี้ อันนี้ผมให้เต็ม 10/10
คือข้อคิดดีงามมากโดยเฉพาะเรื่องความฝังใจกับความผิดพลาดในอดีตกับการให้อภัยตัวเอง โดยรวม คะแนน รีวิวหนัง Flatliners ขอตายวูบเดียว ผมให้ที่ 9/10 ถือเป็นหนังที่ดูแล้วได้คิด ได้ปลงกับชีวิต และได้เข้าใจตัวเองมากขึ้น ถือว่าครบเครื่องทั้งความสนุกและสาระ ไปดูได้ครับ ไม่เสียดายตัง
การที่หนังเลือกจะให้ตัวละครบางตัว “ตาย” กันตั้งแต่กลางเรื่องกลายเป็นจุดที่ทำให้หนังเวอร์ชั่นปี 2017 น่าสนใจและเหมือนจะมีแนวทางเป็นของตัวเอง จนกระทั่งไม่นานหนังก็เลือกจะกลับไปเดินเรื่องตามสูตรสำเร็จของหนังภาคแรกแบบทุกกระเบียดนิ้ว
จนทำให้ตรรกะในการเอาชีวิตรอดของตัวละครในหนังเวอร์ชั่นนี้เรียกได้ว่าพังทลายอย่างราบคาบ และน่าเสียดายเอามากๆที่รู้สึกได้ว่าหนังไม่กล้า “ทดลองทำอะไรใหม่”
อย่างไรก็ตามปรัชญาที่ FLATLINERS เวอร์ชั่น 1990 และ เวอร์ชั่นปี 2017 พยายามบอกคนดูก็คือการปลดปล่อยอดีตอันเลวร้ายที่ดีที่สุดนั้นคือการเผชิญหน้ากับมัน ยอมรับความความผิดพลาด ขอโทษ และก้าวเดินต่อไป อย่าปล่อยให้มันค้างคาอยู่ในใจก่อนที่เราจะ “ตาย” จากโลกนี้ไปนั่นเอง