รีวิว Deep Blue Sea (1999)
สวัสดีจ้าและนี่คือที่สุดแห่งหนังฉลามยักษ์กินคน ที่มันมาพร้อมคมเขี้ยวสุดคมกริบ ขนาดที่มหึมาและมันสมองที่ชาญฉลาด Deep Blue Sea เรื่องราวของกลุ่มวิจัยทางทะเลที่นำทีมโดย ดร.ซูซาน พวกเขาประจำการในห้องทดลองลอยน้ำที่ชื่อ แอควาติก้า ทีมนักวิจัยกำลังทดลองเรื่องฝืนธรรมชาติ พวกเขาฉีดโปรตีนให้สมองฉลาม
เพื่อให้พวกมันสังเคราะห์เนื้อเยื่อสมองขึ้นมาใหม่ ผลลัพท์ที่ได้ก็คือ ทีมนักวิจัยสามารถใช้เซลล์สมองของฉลามรักษาโรคความจำเสื่อม (อัลไซเมอร์) ได้ ซึ่งถือเป็นสุดยอดของงานวิจัยที่ไม่มีใครเคยทำได้มาก่อน พวกเขาจะสามารถช่วยเหลือคนเป็นล้านๆให้หายจากโรคนี้ได้ แต่ในขณะเดี๋ยวกัน
โปรตีนที่ฉีดให้พวกฉลามก็ได้ทำปฏิกิริยาบางอย่างต่อพวกมัน ตอนนี้พวกเขาได้สร้างเหล่าเครื่องจักรสังหารตามธรรมชาติ ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลกขึ้นมาแล้ว ทั้งทรงพลัง แข็งแกร่งและรวดเร็ว อีกทั้งยังมีสมองที่สุดวิเศษอีกด้วย สถานการณ์เลวร้ายมาถึงขีดสุดเมื่อมีพายุบุกถล่มห้องทดลองลอยน้ำแอควาติก้า
ทำให้น้ำทะเลได้ไหลทะลักเข้ามาด้านใน ทีมนักวิจัยต้องหาทางเอาชีวิตรอดไปจากที่นี่ให้ได้ ก่อนที่แอควาติก้าจะจมลงสู่ใต้ท้องทะเล แต่ทว่าไม่ใช่มีเพียงแค่น้ำทะเลที่ทะลักเข้ามาเท่านั้น ยังมีฝูงฉลาดขนาดมหึมาไหลตามน้ำเข้ามาด้วย งานนี้พวกเขาทุกคนต้องหาทางเอาชีวิตรอดจากคมเขี้ยวของฉลามยักษ์ที่ตัวเองสร้างขึ้นมา
อีกทั้งยังต้องหนีน้ำที่กำลังท่วมเข้ามาอีกด้วย
ดร. ซูซาน นักวิทยาศาสตร์ประจำห้องทดลองลอยน้ำ แอควาติก้า หนึ่งในทีมนักวิจัยที่เอาฉลามพันธุ์ดุ มาดัดแปลงพันธุกรรม ปรับสมองฉลามใหม่ เพื่อหวังว่าจะเอาเซลล์สมองของฉลามมาใช้รักษาโรคความจำเสื่อมในมนุษย์ แต่แล้วการทดลองนี้ก็ทำให้ฉลามที่ถูกดัดแปลงนั้น
กลายมาเป็นเครื่องจักรสังหารอันทรงพลัง ที่อัพเกรดทั้งร่างกายที่่ทรงพลัง รวดเร็ว รวมไปถึงมันสมองที่ชาญฉลาด อีกทั้งความซวยยังบังเกิดต่อเมื่อพายุถล่มห้องทดลองจนทำพวกเขาต้องอยู่ท่ามกลางฉลามสุดโหดเท่าที่เคยมีมา
ระดับของเนื้อหา 3 ดาว เป็นหนังแนวฉลามไล่กินคนที่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ตัวหนังมีความกระชับฉับไว สนุกและตื่นเต้นตลอดทั้งเรื่อง ถึงแม้เนื้อเรื่องจะไม่ค่อยมีอะไรมากก็ตาม (ตามสูตรหนังแนวนี้ล่ะ ไม่ต้องมีเนื้อเรื่องมาก คนสนใจแค่ฉากการกินเหยื่อเท่านั้น)
ระดับความสยอง 4 ดาว ฉลามในเรื่อง ทั้งโหดแถมยังฉลาดอีกด้วย ทำให้คนดูลุ้นระทึกได้ตลอด เดาไม่ออกเลยว่ามันจะโผล่มาตอนไหน แค่เห็นครีบโผล่เหนือน้ำมาเท่านั้นล่ะครับ บรรดาตัวละครก็ตะกุยน้ำหนีกันยกใหญ่ ลุ้นแบบใจหายใจคว่ำกันไปเลย ใครจะอยู่ใครจะไป เป็นความสนุกตื่นเต้นที่หาไม่ได้ในหนังสยองขวัญแนวอื่นๆจริงๆ
ระดับความน่าดู 4 ดาว สำหรับผมแล้วนี่คือหนังสยองขวัญแนวฉลามไล่กินคนที่ดีและประทับใจเป็นอันดับต้นๆเลยก็ว่าได้ เพราะว่าตัวหนังทำออกมาได้ตื่นเต้นระทึกใจและสนุกมาก ถึงแม้เวลาจะผ่านไปนานและเอากลับมาดูในตอนนี้ ผมว่าก็ยังดีกว่าหนังฉลามปัจจุบันหลายๆเรื่องเลยทีเดียว ดูเข้าท่ากว่ามากๆ ถ้าคุณเป็นแฟนหนังสยองขวัญแนวสัตว์ไล่กินคนล่ะก็ เรื่องนี้คุณไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงครับ
รีวิว Deep Blue Sea (1999)
สำหรับ Deep Blue Sea นั้น เป็นหนังสำหรับคอหนังฉลามอีกเรื่อง ที่มีพื้นที่เป็นของตัวเอง และจะเหมาะอย่างมากกับคนที่ชอบหนังสัตว์ไล่ล่ามนุษย์ เพราะเรื่องนี้ไปจัดเต็มอยู่กลางทะเล ไร้ซึ่งทางหนีจนบีบให้ต้องปะทะกันเพื่อความอยู่รอดของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเท่านั้น จังหวะของหนังชวนลุ้นดีเลย มีตัวละครตายแบบโง่ๆ ให้สะใจเป็นพิธี
แต่ก็เดากันยากว่าใครจะอยู่จะตาย เสมือนเป็นศึกชิงไหวชิงพริบขนาดย่อมๆ ของคนและฉลามที่ตัดต่อพันธุกรรมมาให้ฉลาดขึ้น โหดขึ้น ไว้ขึ้น ใครที่เกลียดหนังสัตว์กินคนก็ข้ามไปแต่หากใครที่ชอบหนังแนวๆ นี้อย่าง The Meg, The Shallow แล้ว เราขอแนะนำ เพราะถึงมันจะไม่ดีขึ้นหิ้งขนาด Jaws แต่รับรองความสนุกๆ พอๆ กับ 2 เรื่องที่บอกเลย
อีกหนึ่งหนังฉลามที่มีคนชื่นชอบเป็นอย่างมากในช่วงปลายยุค 90s ซึ่งแน่นอนว่าหากนำไปเทียบกับหนังในตำนานอย่าง Jaws ก็คงเรียกได้ว่าห่างไกลทั้งในเรื่องชั้นเชิงในการเล่าเรื่องหรือการสร้างความสะพรึงได้ตามนั้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Deep Blue Sea นั้น ก็ค่อนข้างมีความครบเครื่องในแง่ของหนังสัตว์ไล่กินคนสักเรื่องหนึ่ง
ตั้งแต่เรื่องราวการทดลองที่น่าสนใจ จนทำให้ตัวฉลามในเรื่องเองนั้นมีความโดดเด่นมากขึ้น ทั้งในแง่ของพละกำลัง ความรวดเร็วที่อัพเกรดเพิ่มขึ้น รวมถึงในด้านความฉลาดทันเกม ทันมนุษย์ก็ทำให้มันกลายเป็นศึกชิงไหวชิงพริบระหว่างคนและสัตว์ที่เข้มข้นมากเลยทีเดียว
ด้วยความที่หนังเองดันเอาฉากหลังเป็นศูนย์วิจัยทางทะเล ซึ่งแน่นอนว่าหากพิจารณาถึงในแง่ทำเลนั้น ก็สร้างความเสียเปรียบให้กับฝั่งมนุษย์เป็นอย่างมาก แถมพอโดนพายุุถล่มเข้ามาอีก ก็ยิ่งกลายเป็นว่าตัวฉลามกลายเป็นฝ่ายได้เปรียบ และหาทางผลุบโผล่มาเชือดมนุษย์ได้โดยสมบูรณ์
แถมหนังก็ยังสรรหาสถานการณ์ให้คนลงไปดำผุดดำไหว้อยู่เสมอ ทำให้ในแต่ละฉากนั้นคาดเดาได้ยากมาก ว่าตัวละครจะตายในฉากไหน และตายเมื่อไร เพื่อหนังค่อนข้างฉีกขนบหนังแนวๆ นี้อยู่พอสมควร จนทำให้การคาดเดา และร่วมลุ้นไปกับตัวละครนั้น เต็มไปด้วยความสนุก แม้ว่าจะมีความหงุดหงิด จากการตายโง่ๆ ของหลายๆ
ตัวละครอันเป็นจุดอ่อนของหนังสไตล์นี้อยู่ก็ตาม แต่ด้วยความตายที่หลากหลาย แต่ตายอย่างโหดสมกับ Rate R แล้ว ก็พอทำเอาสะใจและแก้เบื่อได้อยู่ไม่น้อย
โดยรวมแล้วมันกลายเป็นหนังฉลามอีกเรื่อง ที่มีความเฉพาะตัวที่น่าสนใจกับการสร้างซุปเปอร์ฉลามพันธุ์ดุ ที่สร้างความระทึกได้อยู่ตลอดทั้งเรื่อง และมีองค์ประกอบของความเป็นหนังสัตว์ไล่ฆ่าคนได้อย่างครบถ้วน ซึ่งนั่นก็รวมถึงความโง่ของบางตัวละครด้วย
แต่ทั้งนี้ด้วยความที่จังหวะหนังมันเร็ว และมีจังหวะตอบโต้ การแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า ที่ชวนสนุกลุ้น ตลอดจนการที่เดาได้ยากว่าใครจะอยู่ใครตาย พอประกอบกับ CG ในสมัยนั้นแล้ว ก็นับว่าออกมาโอเคอยู่ไม่น้อย จนไม่แปลกใจนัก ที่หนังจะมีภาคต่อตามมาอีกถึง 2 ภาค แม้ว่าจะเป็นในแบบ Home Entertainment ก็ตาม (แต่ภาค 3 ก็สร้างสรรค์และดูเพลินดีอยู่เหมือนกันนะ)
ความรู้สึกหลังดู
มนุษย์จำต้องการสิ่งที่สำคัญที่ไม่สามารถมีได้จากสัตว์ทำให้จำต้องมีการทดลองกับสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่หนูที่เราคุ้นเคยแต่เป็นฉลามสัตว์ดุร้ายแห่งท้องทะเลที่ขย้ำคุณให้ตายภายในไม่กี่วินาที ทีมวิทยาศาสตร์ได้เร่งผลการทดลองเพื่อไม่ให้ตกงานให้เร็วยิ่งขึ้นโดยพัฒนาสมองให้ใหญ่ขึ้นเพื่อเอาโปรตีนที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้เป็นโรคอัลไซเมอร์ เพราะฉลามไม่มีปัญหาหรือผลกระทบอะไรเลยในยามแก่ทำให้เป็นที่น่าสนใจต่อโปรเจคช่วยคน
ในวันที่เกิดพายุใหญ่ สิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้กับบังเกิดเพียงเพราะอุบัติเหตุ ทำให้อาคารที่อยู่ใต้น้ำต้องพังลงเรื่อยๆเพราะการทรุดตัวที่เป็นผลพวงจากการรับน้ำหนักของน้ำที่ทะลักเข้ามาเป็นตันๆ จากสถานที่ทดลองที่ที่น่าปลอดภัยไร้พิษสงดันเป็นที่อันตรายที่สุดเมื่อฉลามที่ถูกพัฒนาพันธุกรรมจนฉลาดล้ำนั้นหลุดออกมา ทำให้พวกเขาต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดขึ้นไปบนบกก่อนที่อาคารจะโดนน้ำท่วมทั้งหมดนั้นเพราะว่าฉลามจะมาและขย้ำกินคุณลงท้องแบบไม่ทันตั้งตัว
จากผู้กำกับ Renny Harlin ที่สร้างความมันส์กับหนังแอ๊คชั่นอย่าง Die Hard 2: Die Harder จะมาเล่าเรื่องราวความน่ากลัวของฉลามที่น่ากลัวยิ่งกว่าที่เคยเมื่อมันฉลาดขึ้น เนื้อเรื่องก็ว่าด้วยความสำเร็จที่เรียกว่าผิดพลาดเลยก็ว่าได้เพราะการทำฉลามให้ล้ำขึ้นนั้นหมายถึงความอยู่รอดก็น้อยลงตาม พูดได้ว่าเหมือนตัวละครเราจะโชคร้ายอย่างจังเลยกับตอนที่เกิดพายุจนเป็นเหตุให้อาคารพังถือว่าเป็นเรื่องที่เกินบรรยาย
ดาราไม่มีปัญหาจนรู้สึกว่าตัวละครบางตัวนี่นับว่าเหลือเชื่อกว่าตัวเอกอย่างพระเอกเมื่อพ่อครัว (LL Cool J) เล่นได้ดีและดูเอาตลกเป็นพักๆจนแทบลืมฉลามไปเลย เป็นตัวละครที่ตัดไม่ได้เลย ถือว่าเพิ่มสีสันขึ้นได้มาก ส่วนพระเอกเราคาร์เตอร์ (Thomas Jane) ดูเล่นเป็นผู้นำของทีมดีแต่ในเรื่องแกเก่งมากจนหลบฉลามแล้วไปเกาะครีบได้อ่ะ ถือว่าชวนให้ตื่นเต้นใต้น้ำอีกแบบ
หนังทำได้สนุกดี ชวนตื่นเต้นพาลุ้นกันเป็นช่วงๆเพื่อความลุ้นที่ว่าฉลามจะมาตอนไหน ด้านเอฟเฟคต้องบอกว่าไม่ค่อยประทับใจเท่าไรเพราะดูไม่เนียนเลยแต่ยังโอเคครับ เพราะเป็นฉากเปิดกว้างตอนที่มันกินคนดูจะได้เห็นกันจะๆว่าฉีกและขย้ำและได้สยองแค่ไหน แต่เวลาถ่ายใกล้ๆไม่มีอะไรให้ดูเกินจริงตัวฉลามถือว่าออกมาเยี่ยมมากดูดุร้ายมีชีวิตดี เรื่องสถานก็ทำถ่ายทำที่เดียวที่ที่เกิดเหตุล่ะครับเป็นแบบจำกัดอยู่ในตัวอาคารที่แคบๆตามทางเดินแต่หลายสถานที่มากทำให้เป็นสถานที่กว้าง ไม่แคบจนดูเหมือนเป็นแค่ฉาก เก็บรายละเอียดและใส่รายละเอียดสิ่งแวดล้อมได้ดีมากทำให้ดูสมจริงโดยอย่างยิ่งเรื่องน้ำที่ต้องมีการทะลักที่แรงตามพื้นที่ต่างๆ และการซึมของน้ำที่ไหลตามช่องต่างๆอย่างพวกตามกำแพงหรือประตูที่ปิดอยู่
ทีมนักวิจัยในห้องทดลองลอยน้ำ แอควาติก้า กำลังล้อเล่นกับพระเจ้า และบัดนี้ความน่าสะพรึงกลัวของวันล้างโลกมาถึงแล้ว การทดลองของ ดร.ซูซาน แม็คอเลสเตอร์ (แซฟฟรอน เบอร์โรว์ส) เกือบจะเป็นการเปลี่ยนประวัติศาสตร์ทางการแพทย์ ด้วยการใช้ฉลามมาโค หนึ่งในเครื่องจักรสังหารธรรมชาติที่เร็วที่สุดและสมบูรณ์แบบที่สุด ดร.แม็คอเลสเตอร์ต้องการที่จะหาวิธี ที่จะเพาะเนื้อเยื่อสมองมนุษย์ขึ้นมาใหม่ แต่การไปถึงเป้าหมาย เธอต้อง ฝ่าฝืนจรรยาบรรณ การถ่ายพันธุ์ดีเอ็นเอของฉลาม ทำให้พวกมันฉลาดขึ้น เร็วขึ้น เปลี่ยนมันจากสัตว์อันตราย ไปเป็นสัตว์ประหลาดที่ดุร้าย
แต่แม็คอเลสเตอร์ มีสิ่งอื่นที่สร้างความวิตกกังวลมากกว่าสัตว์ทดลองอันตราย ทฤษฎีที่เป็นปัญหาของเธอก่อให้เกิดความตึงเครียด ระหว่างเธอกับเพื่อนร่วมงาน ลูกเรือแอควาติก้า หัวหน้าทีมผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับฉลาม คาร์เตอร์ เบลค (โธมัส เจน) และ เชอร์แมน ดัดเลย์ (แอลแอล คูล เจ) เหตุการณ์ยิ่งบานปลายไปอีกเมื่อผู้ให้ทุนในการวิจัยรู้สึกกลัว และถูกขู่ให้ปิดกั้นชายฝั่งในของการทดลองที่ใกล้เข้ามา
ภายใต้การจับตามองของผู้สนับสนุนด้านการเงิน รัสเซลล์ แฟรงคลิน (ซามูเอล แอล. แจ็คสัน) ซูซานและทีมของเธอ ประสบความสำเร็จในการทดลอง ตัดแบ่งเนื้อเยื่อสมองจากฉลามมาโคที่ใหญ่ที่สุด เพียงแค่เสี้ยววินาทีต่อมา ฉลามร้ายได้ทำลายห้องทดลองจนพังไม่มีชิ้นดี พร้อมกับพายุโซนร้อนหมุนวนรอบๆแอควาติก้าที่กำลังจมลง บรรดานักวิทยาศาสตร์และลูกเรือพบว่า พวกเขากำลังถูกไล่ล่าจากฉลามสายพันธุ์ใหม่ที่น่ากลัวที่สุด พวกเขาต้องต่อสู้กับปีศาจร้ายที่ช่วยกันสร้างขึ้น
เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นที่พาลุ้นพอสมควรไม่มีความอืดจะมีแค่ช่วงแรกเพื่อเป็นการอธิบายเรื่องและแนะนำตัวเองที่เหลือก็ต่างเอาตัวรอดจากฉลามอย่างไงเท่านั้น ดนตรีพาให้อารมณ์ระทึกขวัญบางช่วงดูให้ความหวังดี
ตัวละครมีความกล้าพอสมควรทำให้ตัดไปเลยเรื่องกำลังใจที่จะทำให้ทรุด แต่ต้องมีบ้างแหละครับแต่เรื่องไม่ได้ทำให้เสียเวลาถือว่าการรีบเร่งในการขึ้นบกโดยมีฉลามเป็นอุปสรรคทำให้เรื่องไม่อืดอย่างที่คิด เรื่องพาให้ติดตามจนวินาทีสุดท้ายถึงแม้จะเสียเรื่องเอฟเฟคก็เถอะ
หมวดหมู่ : Action Adventure Sci-Fi
สัญชาติ : American
กำกับโดย : Renny Harlin
ความยาว : 1 ชั่วโมง 45 นาที
นักแสดงนำ : Thomas Jane, Saffron Burrows, Samuel L. Jackson