รีวิว BEASTARS season 2 (2021)
สวัสดีจ้าวันนี้แอดจะมารีวิวอนิเมะเรื่อง BEASTARS season 2 (2021) เป็นเรื่องราวในโลกที่เต็มไปด้วยสัตว์ทุกชนิดที่อาศัยอยู่ร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นสัตว์กินพืชหรือสัตว์กินเนื้อ โดยกฎเหล็กของการอยู่ร่วมกันคือ สัตว์กินเนื้อห้ามเขมือบสัตว์กินพืชเป็นอันขาด ในโลกนี้สัตว์กินเนื้อจึงมีชีวิตอยู่ได้โดยการเป็นมังสวิรัติ
โดยเรื่องราวในภาคสองจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ “เลโกชิ” หมาป่าสีเทาผู้อ่อนโยนซึ่งเป็นนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายของโรงเรียนเชอร์รีตันได้ทำการสืบสวนเกี่ยวกับคดีเขมือบเท็ม อัลปาก้าที่เป็นหนึ่งในสมาชิกชมรมละครที่ขึ้นชื่อเรื่องมิตรภาพระหว่างสายพันธุ์ โดยเขาได้รับการขอร้องจาก “โรคุเมะ” ยามของโรงเรียนเชอร์รีตัน
เขาจึงต้องต่อสู้กับสัญชาตญาณของตัวเองและทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น โดยขณะนั้นเลโกชิก็ต้องพัฒนาความสัมพันธ์และทำความเข้าใจกับ ฮารุ กระต่ายแคระที่เขาแอบชอบด้วย ในเวลาเดียวกันนั้นกวางแดงลูอิส ดาวเด่นของชมรมละครผู้เป็นตัวเก็งของตำแหน่งบีสตาร์ก็ได้ตัดสินใจเกี่ยวกับเส้นทางใหม่ของตัวเอง
เรื่องราวการเดินทางของพวกเขาที่เต็มไปด้วยสีสันและกลิ่นอายของวัยรุ่น มิตรภาพ ความรักและเลือดจึงได้เริ่มต้นขึ้น
คุ้มค่ากับการรอคอยสำหรับการกลับมาของ BEASTARS season 2 หลังจากที่ผ่านไปแล้ว 2 ปี สำหรับอนิเมะภาคแรกที่ออกมาในปี 2019 จาก Netflix (ตอนแรกคิดว่าจะไม่ทำภาคต่อซะแล้ว) เกริ่นก่อนว่าในภาคแรกเป็นการเล่าเรื่อวราวพื้นฐานเกี่ยวกับโลกของบีสตาร์และการอยู่ร่วมกันของสัตว์กินพืชและสัตว์กินเนื้อ
โดยมีปมเกี่ยวกับคดีเขมือบอัลปาก้าเท็ม และปูเรื่องมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งตัวละครได้ไปข้องเกี่ยวกับด้านมืดของสังคมที่เต็มไปด้วยอาชกรรมและความอันตราย ในตอนแรกคิดว่าเป็นอนิเมะใส ๆ วัยมิตรภาพแต่พอดูมาเรื่อย ๆ จนถึงอีพีสองหรือสามก็จะพบว่านี่มันอนิเมะเรท 18+ ชัด ๆ ส่วนตัวชอบในความครีเอทของไอเดียและการสร้างเรื่องราวต่าง ๆ ที่เป็นด้านมืด เช่น ตลาดมืด แก๊งต่าง ๆ เป็นต้น
ในซีซันสอง กลิ่นอายของความเป็นบีสตาร์ก็ยังคงอยู่ดังเดิมแต่มีเพิ่มเติมในส่วนของความรักกุ๊กกิ๊กโลกสดใสระหว่างเลโกชิกับฮารุ อีกทั้งยังมีตัวละครที่เข้ามามีบทบาทเพิ่มอีกด้วย เช่น พีน่า อัลปาก้าสุดหล่อกับ จูโน่ หมาป่าสีเทาเพศเมียผู้มีเสน่ห์ที่เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ในชมรมละคร
ในซีซันนี้โดยรวมรู้สึกว่าทำออกมาได้ดีและรู้สึกประทับใจ มาตรฐานเรื่องยังคงเดิม ภาพยังสวยและเพลงประกอบเข้ากันดี อาจจะมีประเด็นบางประเด็นที่ขัดใจและยังไม่เคลียร์ (สามารถอ่านเพิ่มเติมในย่อหน้าสปอยล์) ซึ่งคิดว่าถ้าอธิบายให้ละเอียดกว่านี้อาจจะทำให้เนื้อเรื่องดูสมเหตุสมผลและลื่นไหลขึ้น
(ถ้าไม่ได้คิดอะไรมากและสามารถมองข้ามประเด็นเหล่านี้ไปได้ ก็จะทำให้ดูอนิเมะอย่างมีอรรถรสต่อไปได้)
ในเรื่องของเนื้อหามองว่าความเข้มข้นในซีซันนี้เพิ่มมากขึ้น เราจะได้เห็นตัวละครขบคิดและต่อสู้กับความคิด ความเป็นจริงและความถูกต้องในแบบของตนเอง ด้วยความที่ตัวละครในเรื่องเป็นวัยรุ่น อย่างเลโกชิก็อายุประมาณมัธยมปลาย (17-18 ปี) ทำให้การบรรยายความรู้สึกในซีซันนี้อ่อนไหวและซับซ้อนขึ้นจากซีซันแรก
(อาจเป็นเพราะเรื่องราวที่เข้มข้นขึ้น) ด้วยความซับซ้อนทางด้านอารมณ์และการกระทำนี้ทำให้การกระทำหลาย ๆ อย่างและการตัดสินใจของตัวละครสามารถถูกอธิบายและไปคิดต่อให้มีความสมเหตุผลขึ้นได้ ซึ่งต้องทำความเข้าใจในส่วนนี้ดี ๆ ว่าตัวละครกำลังคิดอะไรหรือถกเถียงอะไรกับตัวเอง
รีวิว BEASTARS season 2 (2021)
การนำเสนอเรื่องราวของตัวละครที่เป็นวัยรุ่นในด้านของความละเอียดอ่อนทางอารมณ์และการกระทำ จึงทำให้มีความ Coming of age นิด ๆ ส่วนตัวชอบในการตีความความเป็นวัยรุ่นของอนิเมะเรื่องนี้ซึ่งนำเสนอผ่านตัวละครหลัก เช่น คาแรคเตอร์ของเลโกชิที่มีความสุขุมแต่ก็หุนหันพลันแล่นและยึดในแนวทางของตัวเองเป็นหลัก,
คาแรคเตอร์ของลูอิสที่ดูเป็นผู้ใหญ่ มีเหตุผล และซ่อนความรู้สึก แต่แท้จริงแล้วลูอิสมีความรู้สึกอ่อนไหวสับสนภายใน ตัดสินใจตามสิ่งที่ตนเองต้องการและเห็นว่าดี (ลูอิสก็มีความหุนหันพลันแล่นคล้าย ๆ กับเลโกชิแต่อาจจะแสดงออกมาในบริบทที่แตกต่างกัน), คาแรคเตอร์ของแจ็ค
สุนัขสายพันธุ์แลบราดอร์ริทรีฟเวอร์ที่มีความเป็นมิตรและเป็นเพื่อนที่ดีของเลโกชิมาโดยตลอด ซึ่งเป็นคนที่เก็บรายละเอียด คิดมาก วิตกกังวลเรื่องเลโกชิอยู่เสมอ จะเห็นได้ว่าแจ็คให้ความสำคัญกับเลโกชิมากและเขาก็รู้สึกเศร้าที่ไม่สามารถทำให้เลโกชิรู้สึกแฮปปี้กับชีวิตขึ้นมาได้หรือช่วยแก้ไขปัญหาที่เลโกชิเผชิญอยู่ไม่ได้ เป็นต้น
ในซีซันสองบอกแค่ว่าตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นไปได้ยากที่ผู้ร้ายจะเป็นคนนอก (แต่ในเรื่องก็ไม่ได้พูดถึงการสอบสวน ซึ่งสามารถใช้นิติวิทยาศาสตร์ช่วยได้) แต่ในเรื่องก็ไม่ได้แสดงให้เห็นที่เกิดเหตุว่าเหลืออะไรให้สืบ (เห็นเพียงรอบทุบประตู) ทำให้เป็นช่องโหว่ใหญ่ ๆ เลยในเรื่องที่ทำให้เรื่องราวดำเนินต่อแบบไม่ค่อยเมคเซนส์
เพราะเชอร์รีตันเป็นโรงเรียนดังที่ขนาดว่าบีสตาร์ของโรงเรียนนี้สามารถมีอิทธิพลต่อคนทั้งเมืองได้ก็แสดงว่าไม่ธรรมดา แต่ทำไมถึงไม่มีการสอบสวนอย่างจริงจังและรีบหาตัวคนร้าย (ในอนิเมะก็ไม่ได้แสดงให้เห็นตอนตำรวจสืบสวนซะด้วย) ทำให้เป็นจุดที่กวนใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ถ้าหากจะหาเหตุผลเพื่อมาอธิบาย (แบบคิดเอง)
ก็อาจจะเป็นไปได้ว่า สังคมในเมืองนี้มีระบบที่แย่ คดีเขมือบอาจจะไม่ใช่คดีที่ตำรวจให้ความสำคัญ รวมถึงอาจมีความซ้อนทับในเรื่องผลประโยชน์ ความเชื่อมั่นของประชาชน การปิดข่าวและทิ้งคดีให้เงียบไปอาจเป็นทางเลือกที่ดี
แต่หากเป็นแบบนี้มันกก็แย้งกับเหตุการณ์ในอนิเมะที่มีการประชุมของเหล่าผู้นำของเมืองกับผู้อำนวยการโรงเรียนซึ่งมีการพูดเกี่ยวกับคดี (แสดงว่าคนก็ยังให้ความสำคัญกับการหาตัวคนร้ายอยู่ การหาตัวคนร้ายน่าจะนำความเชื่อมั่นของประชาชนมาอีกครั้ง)
อีกกรณีนึงก็คืออาจเป็นเพราะเนื้อเรื่องไม่ได้การสืบสวนคดี (แบบจริงจัง) เลยอาจไม่เน้น ต้องติดตามในซีซันต่อไปว่าจะมีอะไรมาเพิ่มเติมในจุดนี้มั้ย
ความรู้สึกหลังดู
ทำไมเลโกชิต้องกินขาลูอิส
ส่วนตัวแล้วค่อนข้างงงกับฉากนี้พอสมควรเพราะจู่ ๆ เลโกชิที่พยายามจะเป็นมังสวิรัติมาตลอดก็งับขาลูอิสซะงั้น แม้ว่าลูอิสจะเสนอเท้าตัวเองให้เพราะมีอดีตฝังใจแต่การกินขาลูอิสก็น่าตกใจอยู่ดี โดยเหตุการณ์นี้อาจจะอธิบายได้ด้วยเหตุผลที่ว่า ลูอิสต้องการพ้นจากคำสาปที่เขามี (อิงจากบทพูด) คือรอยสักหมายเลขสี่ที่เท้า
และเลโกชิก็ต้องการพลังในการต่อสู้ ทางฝั่งลูอิสที่คิดได้ว่าจริง ๆ แล้วเขาก็ไม่ได้เกลียดสัตว์กินเนื้อและยังเข้าอกเข้าใจอีก ลูอิสจึงทำการโน้มน้าวเลโกชิให้ทำตามคำพูดของตน และต่อมาเลโกชิก็คิดว่าเขาไม่อาจหนีความจริงที่เป็นสัตว์กินเนื้อและต้องกินเนื้ออยู่ดี รวมถึงคำพูดที่ลูอิสโน้มน้าวให้ช่วยทำลายคำสาป เลโกชิจึงตอบตกลง
ทำไมอิบูกิต้องเสียสละตัวเอง
ตรงฉากนี้หลายคนอาจจะงงว่าทำไมอิบูกิต้องแสร้งว่ากำลังจะกินลูอิสด้วย อาจเป็นไปได้ว่าทางเดียวที่ลูอิสซึ่งเป็นหัวหน้าแก๊งชิชิมิคือการฉากเพื่อให้ลูอิสามารถหนีไปได้แบบไม่ติดค้าง ถ้าลูอิสทิ้งแก๊งไปเฉย ๆ อาจจะทำให้ลูอิสมีความผิดและถูกตามล่าได้ (ความคิดเห็นส่วนตัว) การใช้เหตุผลว่าเป็นเพราะอิบูกิกำลังจะกินลูอิส ทำให้ลูอิสต้องหนีไปเป็นเหตุผลที่ฟังขึ้นและสมเหตุสมผลสำหรับคนในแก๊ง
ความสัมพันธ์ของเลโกชิกับฮารุ
เลโกชิชอบฮารุโดยที่ไม่รู้ว่ามีอารมณ์ซ้อนทับกับสัญชาตญาณผู้ล่าหรือไม่ แต่ต่อไปเลโกชิก็เคลียร์ในความรู้สึกของตนเองว่าชอบฮารุจริง ๆ ส่วนฮารุอาจยังไม่ได้ชอบเลโกชิแต่ก็รู้สึกประทับใจในความอ่อนโยนของเลโกชิ ต่อมาเมื่อเลโกชิและฮารุได้มีเวลาคุยกันมากขึ้น ฮารุก็ชอบเลโกชิกลับ
ความสัมพันธ์ของเลโกชิกับลูอิส
หลายคนอาจจิ้น(หรือชิป)ลูอิสกับเลโกชิเพราะบทพูดของทั้งสองที่ดูจะกันดีและดูลึกซึ้งเหลือเกิน ส่วนตัวมองว่าเลโกชิอาจมองลูอิสเป็นแสงสว่างและผู้นำที่สามารถทำให้สถานการณ์ที่เป็นอยู่ดีขึ้น(รวมถึงตัวของเขาเอง) และด้วยสถานการณ์ต่าง ๆ
ที่เป็นเหตุให้ลูอิสและเลโกชิมาเจอและข้องเกี่ยวกันก็ทำให้ทั้งคู่เป็นเพื่อนกันไปโดยปริยาย (แบบงง ๆ ) แม้ว่าอนิเมะจะไม่ใช่อนิเมะวายและเลโกชิก็มีคู่ที่ชัดเจน แต่ด้วยกลิ่นอายและการกระทำของตัวละครก็อดคิดไม่ได้ว่าอาจมีอะไรในกอไผ่
ทำไมเลโกชิไม่แจ้งตำรวจ
ทุกคนในเรื่องที่รู้ว่าเลโกชิรู้ตัวคนร้ายก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “แจ้งตำรวจสิ” แต่เลโกชิไม่แจ้งและบอกว่าเขามีแนวทางของตัวเอง ซึ่งเป็นประเด็นทางความคิดที่เลโกชิพยายามจะต่อสู้กับริซว่าสัตว์กินพืชและสัตว์กินเนื้อสามารถมีมิตรภาพที่แท้จริงได้
โดยริซเองไม่เชื่อและบอกว่ามิตรภาพที่แท้จริงที่สัตว์กินพืชและสัตว์กินเนื้อจะมีต่อกันได้คือการล่าและกินสัตว์กินพืช เลโกชิจึงจะพิสูจน์โดยการต่อสู้และฝึกฝนตัวเองเพื่อมาต่อสู้กับริซโดยที่ไม่กินเนื้อ แต่ภายหลังเลโกชิก็เปลี่ยนความคิดว่าการที่เขากินเนื้อและยอมรับตัวเองว่าเป็นสัตว์กินเนื้อก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่แย่
หลังจากที่เลโกชิชนะริซ ริซก็เห็นว่าลูอิสกับเลโกชิยังเป็นเพื่อนกันอยู่หลังจากที่เลโกชิกินขาของลูอิสและสามารถควบคุมตัวเองไม่ให้กินลูอิส(ทั้งตัว)ได้ จึงทำให้ริซยอมมอบตัวและยอมรับว่าสิ่งที่เลโกชิพูดเกี่ยวกับมิตรภาพที่แท้จริงระหว่างสัตว์กินพืชและสัตว์กินเนื้อสามารถเป็นไปได้
ความแตกต่างระหว่าง Beastars และ Zootopia
เมื่อปี 2016 ได้มีอนิเมชันเรื่องหนึ่งที่มีคอนเซปต์เรื่องคือโลกของสัตว์ ความแตกต่างโดยชัดเจนของทั้งสองเรื่องคือเรทที่แตกต่างกันและความดาร์คแบบนิดหน่อยของบีสตาร์ตอนดู Zootopia รู้สึกว่าจะเป็นอนิเมชันที่เป็นมิตรกับเด็กและผู้ใหญ่ อีกหนึ่งความแตกต่างคือบีสตาร์จะเน้นการเติบโตและความเป็นวัยรุ่น โดยมีกลิ่นอายของความ coming of age
ส่วนที่เหมือนกันคือมีการพูดถึงประเด็นความขัดแย้งและความไม่เท่าเทียมเช่นเดียวกับในเรื่องบีสตาร์
ในโลกที่สัตว์มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ ทั้งสัตว์กินเนื้อและสัตว์กินพืชต่างอาศัยอยู่ร่วมกัน เรื่องราวเกิดขึ้นในรั้วโรงเรียนเชอร์รีตันเมื่อหมาป่าเทาหนุ่ม เลโกชี สมาชิกชมรมการแสดงที่ไร้ทักษะทางสังคม ถูกต้องสงสัยว่าเป็นสาเหตุการตายของสมาชิกสัตว์กินพืชในชมรมเพราะเพียงเป็นสัตว์กินเนื้อและหน้าตาดุไม่เป็นมิตร
แต่แท้จริงแล้วภายในเชากลับเป็นสุภาพบุรุษที่จริงจังและชอบช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน โดยเก็บซ่อนความว้าวุ่นไม่เข้าใจตัวเองต่อ ฮารุ กระต่ายสาวรุ่นพี่แบบที่วัยรุ่นเผชิญว่านี่มันคือความรักหรือแค่ความกระหายอยากล่าเหยื่อกันแน่นะ
เป็นอีกมังงะดังของอาจารย์ อิตางากุ พารุ ที่เคยได้รับรางวัลชนะเลิศในการประกวดมังงะไทโช ครั้งที่ 11 และ รางวัลสร้างสรรค์ผลงานใหม่ยอดเยี่ยม จากงานวัฒนธรรมเท็ตสึกะ โอซามุ ครั้งที่ 22 ในปี 2018 ด้วยวิธีคิดการนำเสนอเรื่องราวดราม่าหนักหน่วงในชีวิตวัยรุ่นญี่ปุ่นทั้งการกลั่นแกล้งอย่างรุนแรง การตีตราผู้อื่น
ตลอดจนปัญหาทางเพศศึกษา ความว้าวุ่นของฮอร์โมนที่ชวนสับสนว่านี่คือความรักหรือแค่ความใคร่ และจิตวิทยาวัยรุ่นที่เผชิญความเปลี่ยนแปลงในโมงยามที่ก้ำกึ่งระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ ซึ่งพลาดพลั้งหลงทางได้ง่ายแสนง่าย ทั้งหมดถูกเอามานำเสนอผ่านสังคมสัตว์กินพืชกับกินเนื้อที่มีดราม่าชนชั้นกัน
ทั้งยังเรื่องของสัญชาตญาณดิบต่าง ๆ ที่ตอบโจทย์การนำเสนอปัญหาวัยรุ่นได้ถ้วนถี่ ฉลาดหลักแหลม แถมย่อยง่ายเพราะเหล่าตัวละครเป็นสัตว์หน้าตาน่ารักทั้งสิ้น
เมื่อมีการถูกดัดแปลงเป็นฉบับแอนิเมชันทีวีซีรีส์ ผู้กำกับ มัตสึมิ ชินิจิ ที่เคยช่วยกำกับหนังยาวของจิบลิอย่าง Pom Poko และ Porco Rosso ก็ได้เลือกจะถ่ายทอดผ่านเทคนิคสมัยใหม่อย่าง 3D โมเดลเรนเดอร์ให้เป็น 2D ซึ่งในเรื่องนี้หลายฉากทำได้เนียนจนนึกว่าเป็นงานวาดมือเสียด้วยซ้ำ
ข้อสำคัญก็คือการตัดขอบโมเดลที่ให้ความรู้สึกแบบหมึกในมังงะก็ทำให้ไม่ค่อยรู้สึกเป็นสามมิติแปลก ๆ แบบเทคนิคพวก Cel-shading ในยุคแรก ๆ และก็ทำให้แอนิเมชันเรื่องนี้มีภาพและความลื่นไหลของภาพที่สวยงามมาก ๆ ด้วย ยิ่งโมเดลตัวละครสัตว์นี่จะทั้งเท่ ทั้งน่ารัก ก็ดูเหมาะมาก ๆ ด้านเสียงเองก็เจ๋งไม่แพ้ภาพ
โดยเฉพาะเพลงประกอบที่เป็นของขายสำคัญในแอนิเมชันทีวีซีรีส์ก็ได้ ALI มาเป็นผู้ร้องเพลงเปิดชื่อ Wild Side และเพลงช้า A Tale of Moon ที่ได้ Chica มาขับร้องก็ท่วงทำนองสวยมาก ๆ น่าจะประทับใจแฟนแอนิเมะไม่เบาเลย
รู้สึกประทับใจในหลายส่วน ส่วนแรกในเรื่องของความรักที่เลโกชิมีให้กับฮารุ ซึ่งเลโกชิก็ได้ตกตะกอนทางความคิดแล้วว่าการที่เขาช่วยฮารุไม่ได้แปลว่าเขาเป็นเจ้าของฮารุ (จากซีซันแรก) และในซีซันนี้เลโกชิก็ได้บอกกับฮารุว่า การที่เขาแอบชอบฮารุนั้นไม่ได้หมายความว่าฮารุต้องมาเป็นแฟนเขา อารมณ์ประมาณว่า
“รักแบบไม่ต้องการครอบครอง” แค่เห็นคนที่รักมีความสุขก็โอเคแล้ว ซึ่งความคิดแบบนี้ค่อนข้างหาได้ยากในหมู่วัยรุ่น
สรุป
BEASTARS season 2 (2021) สามารถรักษามาตรฐานได้เป็นอย่างดี อาจจะมีบางจุดที่ดูงง ๆ และไม่สมเหตุผล แต่ถ้าไม่คิดมากก็สามารถดูต่อไปได้ รวมถึงเนื้อเรื่องที่เหมือนและไม่แหวกไปจากมังงะต้นฉบับ ทำให้หากสนใจสามารถไปติดตามอ่านมังงะกันได้ โดยมังงะของเรื่องมีทั้งหมด 22 เล่ม และจบแล้วด้วย โดยสามารถติดตามซีซันสองได้ใน