รีวิว Appleseed
โลกมนุษย์ในอะนิเมะกำลังถึงจุดวิกฤต เมื่อเกิดสงครามทำลายล้างจนต้องก่อร่างสร้างเมืองขึ้นมาใหม่ “โอลิมปัส” ยูโทเปียของมนุษย์ แต่ก็กลับกลายเป็นว่า นครแห่งนี้มีมนุษย์สองสายพันธุ์อาศัยร่วมกันอยู่
เรื่องย่อแม้กระทั่งการปกครอง ก็ยังมีสองฝักสองฝ่าย ฝ่ายบริหารนำโดย อะธีนา เรเยส หัวหน้าฝ่ายบริหาร (เธอเป็นไบโอรอยด์) ส่วนนายพลยูรานัส ควบคุมกำลังทหาร เขาเป็นมนุษย์ผู้จงเกลียดจงชังไบโอรอยด์อย่างมาก ขณะที่ตัวเอกของเรื่อง ก็ยังมีสองเผ่าพันธุ์
Hitomi หญิงสาวผู้เป็นไบโอรอยด์ เธออยู่ในหน่วย ES.W.A.T. เธอคือคนที่พา เดอนาน คนุท (Deunan) มนุษย์ผู้หญิงผู้เชี่ยวชาญในการต่อสู้ เข้าสู่โอลิมปัส
สิ่งที่เดอนานได้รู้ก็คือ ไบโอรอยด์รุ่นแรกกำเนิดมาจากยีนของคาร์ล คนุท ผู้เป็นพ่อของเธอ, อะธีนา เรเยส ก็เป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่ตามหาและต้องการตัวเธอ, บริอารีออส (Briareos) คนรักหนุ่มของเธอกลายเป็นไซบอร์กหลังได้รับบาดเจ็บหนัก เขามาอยู่กับ ES.W.A.T. เป็นผู้ดูแลความปลอดภัยให้เดอนาน และเก็บงำความลับบางอย่างเอาไว้
ในเมืองโอลิมปัส มีตึกใหญ่อย่าง ทาร์ทารัส กับไดดาลัส ซึ่งเป็นที่ตั้งของ IN หรือเครือข่ายปัญญา ที่เรียกว่า “ไกอะ” ที่เติบโตไปพร้อมกับเครือข่าย และคอยตรวจสอบทุกสิ่งในโอลิมปัส โดยเฉพาะไบโอรอยด์
ไบโอรอยด์ มีอารมณ์ความรู้สึกน้อยมาก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มี สิ่งที่พวกเขาไม่มีแน่ๆ ก็คือ ความรู้สึกทางเพศ ทำให้พวกเขาไม่มีกิจกรรมทางเพศ และให้กำเนิดบุตรไม่ได้ ไม่มีความรู้สึกรักและโกรธ ทำให้พวกเขาไม่มีวันจะก่อสงคราม ตรงกันข้ามกับมนุษย์ ซึ่งมีสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด
ผมติดตามเรื่องนี้มานานแล้ว หนังสือการ์ตูนผมไม่เคยอ่านหรอกแต่เคยดูเวอชั่นที่เป็น cell shading ปี2004แล้วชอบมาก สนุกดีภาพสวยก็เลยติดตามต่อมาเรื่อยๆ (ภาคทีวีซีรี่ยังไม่ได้ดูแต่จะหามาดูเพราะเห็นว่ามีขายในไทยด้วยหาง่ายดี)
ส่วนภาคalphaนี้เป็นราวก่อนหน้าที่ดูนันกับบารีออสจะไปอยู่ที่โอลิมปุส เราจะได้เห็นโลกหลังสงครามที่อยู่นอกโอลิมปุส งานสร้างไม่ใช้cell shadingแล้วแต่หันมาใช้cgแบบเต็มรูปแบบแทน แสงเงาสวยมากแลดูสมจริง แต่ฟิสิกส์อื่นๆหลายๆฉากแม่งดูกากมากจนน่าตกใจ
โดยรวมก็พอกล้อมแกล้มดูไปจนจบได้ สนุกพอประมาณ(มีน่าเบื่อดำเนินเรื่องอืดบ้างเหมือนกัน) แต่ยังไงซะแฟนๆเรื่องนี้ไม่ควรพลาด(ดูภาพสวยๆบางฉากก็ยังดี)
จากบทความเกี่ยวกับ ‘Appleseed’ หนที่แล้ว ผมเพิ่งเกริ่นให้ทุกคนได้รู้จักกับอะนิเมะเรื่องนี้ไปเท่านั้น ยังไม่ได้เอ่ยถึงในรายละเอียดกันสักเท่าไหร่ วันนี้ เรามาว่าเรื่องนี้กันอีกที ดีมั้ยครับ
โลกมนุษย์ในอะนิเมะกำลังถึงจุดวิกฤต เมื่อเกิดสงครามทำลายล้างจนต้องก่อร่างสร้างเมืองขึ้นมาใหม่ “โอลิมปัส” ยูโทเปียของมนุษย์ แต่ก็กลับกลายเป็นว่า นครแห่งนี้มีมนุษย์สองสายพันธุ์อาศัยร่วมกันอยู่
มนุษย์ ผู้เป็นสายพันธุ์ดั้งเดิม และ ไบโอรอยด์ มนุษย์สายพันธุ์ใหม่
ต่างฝ่ายต่างพยายามควบคุมกันและกัน ต่างพยายามจะไม่ให้ตนเองตกอยู่ในสถานะเสียเปรียบ
แม้กระทั่งการปกครอง ก็ยังมีสองฝักสองฝ่าย ฝ่ายบริหารนำโดย อะธีนา เรเยส หัวหน้าฝ่ายบริหาร (เธอเป็นไบโอรอยด์) ส่วนนายพลยูรานัส ควบคุมกำลังทหาร เขาเป็นมนุษย์ผู้จงเกลียดจงชังไบโอรอยด์อย่างมาก
ขณะที่ตัวเอกของเรื่อง ก็ยังมีสองเผ่าพันธุ์
Hitomi หญิงสาวผู้เป็นไบโอรอยด์ เธออยู่ในหน่วย ES.W.A.T. เธอคือคนที่พา เดอนาน คนุท (Deunan) มนุษย์ผู้หญิงผู้เชี่ยวชาญในการต่อสู้ เข้าสู่โอลิมปัส
รีวิว Appleseed
สิ่งที่เดอนานได้รู้ก็คือ ไบโอรอยด์รุ่นแรกกำเนิดมาจากยีนของคาร์ล คนุท ผู้เป็นพ่อของเธอ, อะธีนา เรเยส ก็เป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่ตามหาและต้องการตัวเธอ, บริอารีออส (Briareos) คนรักหนุ่มของเธอกลายเป็นไซบอร์กหลังได้รับบาดเจ็บหนัก เขามาอยู่กับ ES.W.A.T. เป็นผู้ดูแลความปลอดภัยให้เดอนาน และเก็บงำความลับบางอย่างเอาไว้
ในเมืองโอลิมปัส มีตึกใหญ่อย่าง ทาร์ทารัส กับไดดาลัส ซึ่งเป็นที่ตั้งของ IN หรือเครือข่ายปัญญา ที่เรียกว่า “ไกอะ” ที่เติบโตไปพร้อมกับเครือข่าย และคอยตรวจสอบทุกสิ่งในโอลิมปัส โดยเฉพาะไบโอรอยด์
ไบโอรอยด์ มีอารมณ์ความรู้สึกน้อยมาก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มี สิ่งที่พวกเขาไม่มีแน่ๆ ก็คือ ความรู้สึกทางเพศ ทำให้พวกเขาไม่มีกิจกรรมทางเพศ และให้กำเนิดบุตรไม่ได้ ไม่มีความรู้สึกรักและโกรธ ทำให้พวกเขาไม่มีวันจะก่อสงคราม
ตรงกันข้ามกับมนุษย์ ซึ่งมีสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด
จากบทความครั้งที่แล้ว เรายังไม่ได้เอ่ยถึงกันเลยว่า อะไรคือ Appleseed มันคืองานวิจัยของ ดร.กิลเลียน ที่ถูกเชื่อว่าถูกทำลายไปนานแล้ว และถูกเฉลยในช่วงท้ายๆ ของอะนิเมะ ก่อนที่จะจบลงด้วยฉากไคลแมกซ์สุดตระการตานั้น
ภาพ 3 มิติที่ดูคล้ายของจริงมากๆ การเคลื่อนไหวต่างๆ ของมนุษย์และไบโอรอยด์ช่างเหมือนคนจริงๆ อย่างมากมาย มีแต่ส่วนที่ร่างกายเท่านั้นที่ทำให้ดูเป็น 2 มิติ เพื่อที่จะยังแลดูเป็นการ์ตูนอยู่เท่านั้น ฉากพื้นหลังและโลเกชั่นต่างๆ ใส่พื้นผิวเสียดูใกล้เคียงของจริงมากทีเดียว ฉากเปิดและฉากปิดใกล้เคียงกันอย่างหนึ่ง คือ ความมันและความตื่นเต้น
ทุกวันนี้ ผมรู้สึกว่า อนิเมชั่นที่ฉายตามโรงเริ่มไม่มีอะไรน่าสนใจ คนทำยังคงเล่นอยู่กับอะไรเดิมๆ จากแมลง ก็เปลี่ยนเป็นปลา จากปลาก็มาเล่นกับเพนกวิน (จากนั้น ก็เพนกวินกันใหญ่ แถมบางทียังกลับมาเล่นปลาอีก) เปลี่ยนมาเล่นกับหนู แล้วก็ไปเล่นกับผึ้งอีก
เนื้อหาสาระมีประเด็นเดียว เพราะเน้นให้เด็กดู สีสันสดใส แต่นั่นล่ะ ผมก็เลยเริ่มหมดความสนใจไปทุกที วันนี้ ก็เลยหยิบอะนิเมะมาดูดีกว่า “Appleseed”
นี่คืออะนิเมะจากญี่ปุ่น เรื่องราวที่ค่อนข้างซับซ้อน มีปมขัดแย้งหลายปม และแฝงไว้ด้วยปรัชญา นี่คือจุดเด่นของอะนิเมะ ซึ่งต่างจากแอนิเมชั่นฝั่งฮอลลีหวูดและยุโรปอย่างชัดเจน สำหรับของคนไทย ก็เชื่อว่า ไม่ต่างอะไรกับฝั่งฮอลลีหวูดและยุโรป เน้นทำให้เด็กดูเหมือนกัน
ความรู้สึกหลังดู
เรื่อง Appleseed
กำกับโดย Shinji Aramaki
ปี 2004
แนว Sci-Fi / Action / Animation
ภาพ 3 มิติที่ดูคล้ายของจริงมากๆ การเคลื่อนไหวต่างๆ ของมนุษย์และไบโอรอยด์ช่างเหมือนคนจริงๆ อย่างมากมาย มีแต่ส่วนที่ร่างกายเท่านั้นที่ทำให้ดูเป็น 2 มิติ เพื่อที่จะยังแลดูเป็นการ์ตูนอยู่เท่านั้น ฉากพื้นหลังและโลเกชั่นต่างๆ ใส่พื้นผิวเสียดูใกล้เคียงของจริงมากทีเดียว
ฉากเปิดและฉากปิดใกล้เคียงกันอย่างหนึ่ง คือ ความมันและความตื่นเต้น
ฉากเปิด เริ่มที่การต่อสู่ในเมืองร้างของตัวเอก อย่าง เดอนาน คนุท ที่ถูกไล่ล่าจากกลุ่มทหารรับจ้าง ผู้ไล่ล่าอย่างเอาจริงเอาจัง แต่ดูเหมือนไม่คิดจะเอาชีวิต กะจับเป็นว่างั้นเถอะ แต่ฉากปิด กลับยิ่งตระการตากว่า และสุดมันยิ่งกว่า
แคแรคเตอร์ผู้หญิง เดอนาน และฮิโตมิ เรียกได้ว่า ทำออกมาให้กลายเป็นสาวญี่ปุ่นที่โดนใจมากๆ จนเลือกไม่ถูกว่า จะขอคนไหนเป็นแฟนดี
ในส่วนของการออกแบบอาวุธยุทโธปกรณ์ก็ค่อนข้างดี ทำได้สวยทีเดียว
– หุ่นแลนด์เมท เป็นหุ่นที่ห่อหุ้มร่างมนุษย์ไว้ และให้มนุษย์เป็นผู้ควบคุมอยู่ภายใน ซึ่งจริงๆ เราก็เคยจินตนาการของอาวุธแบบนี้กันมานานแล้ว จากการ์ตูนญี่ปุ่น
– รถยนต์ ในยุคนั้นก็ถูกพัฒนาให้แล่นลอยตัวสูงจากพื้นถนน ฮิโตมิบอกว่า ใช้ระบบแรงดึงดูด อีกทั้งมันยังถูกขับไปโดยอัตโนมัติ แต่ก็มีล้อที่ใช้สำหรับให้มุษย์ขับด้วย
– ผมชอบมากก็ตรงเครื่องบินของหน่วย ES.W.A.T. นี่แหละ นี่มีการผสมผสานกันระหว่าง เฮลิคอปเตอร์ กับเครื่องโดยสาร ทำให้ลงจอดได้ในทุกโลเกชั่น และปรับทิศทาง-ความเร็วได้หลากหลาย ไม่รู้เหมือนกัน ว่าตอนนี้ โลกเรามีเครื่องบินแบบนี้หรือยัง
ในส่วนของเพลงประกอบ เน้นไปที่เพลงภาษาอังกฤษ น่าจะเพราะขายไปจำหน่ายทั่วโลก เพราะตัวอักษรของไทเทิลก็ยังเป็นภาษาอังกฤษเลยนี่นะ
ภาพยนตร์อะนิเมะเรื่องนี้ ใส่รายละเอียดไว้มากพอดู ไดละล็อกการสนทนาที่ทิ้งความสงสัยไว้ครึ่งๆ กลางๆ รอให้ผู้ชมพบกับคำตอบที่กระจ่างขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังไงก็คงต้องศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมอยู่ดี (บางที่ เล่าไปเสียเกือบหมดแล้ว ว่าอะไรเป็นอะไร ถ้าอย่างนั้น คุณจะดูสนุกหรือนั่น?)