รีวิว โควิด23 ไวรัสล้างโลก

ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังคืบคลานและแผลงฤทธิ์ไม่จบไม่สิ้นไปทั่วโลกเป็นระยะเวลาเกือบจะครบ 1 ปีเต็มแล้ว ก็มีหนังฮอลลิวูดที่ปล่อยออกมาได้ตรงจังหวะ ผลงานอำนวยการสร้างของเจ้าพ่อหนังระเบิดภูเขาเผากระท่อมแห่งฮอลลิวูด ‘ไมเคิล เบย์’ เขามาพร้อมกับ “Songbird โควิด-23 ไวรัสล้างโลก” ช่างเป็นอะไรที่เหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบันมากๆ    รีวิวหนังฝรั่ง

Songbird โควิด-23 ไวรัสล้างโลก มีฉากหลังเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนโลกในอนาคตอันใกล้ ปี 2024 ที่ในช่วงเวลานั้นไวรัสตัวร้ายที่แพร่ระบาดและกลืนกินมนุษยชาติมานานหลายปี กระทั่งไวรัสได้กลายพันธุ์และเพิ่มระดับความรุนแรงเป็นโควิด-23 ที่ส่งผลต่อสุขภาพผู้ที่ติดเชื้ออย่างรุนแรง ทำให้มีการแบ่งกลุ่มคนออกเป็นส่วนๆ ผู้ที่มีภูมิต้านทานโรคสูงจะมีอิสระมากกว่าผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ ที่ภาครัฐสั่งให้พวกเขาอยู่แต่ในบ้านเท่านั้น   ดูหนัง

หนังโฟกัสที่เรื่องราวการในชีวิตท่ามกลางเมืองที่ปกคลุมไปด้วยการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส แต่เน้นที่ความรักระหว่าง นิโก้ กับ ซาร่า คู่รักพยายามดิ้นรนออกไปจากเมืองนี้ เพื่อไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ในสถานที่ที่พวกเขาเชื้อว่าไร้เชื้อไวรัสและยังปลอดภัย แต่หนทางสู่อิสรภาพไม่ใช่เรื่องง่ายๆ พวกเขายังต้องเผชิญหน้ากับบททดสอบที่ท้าทายมากมาย

รีวิว โควิด23 ไวรัสล้างโลก

เท่าที่เราเคยทราบข่าวกันมา Songbird นับว่าเป็นหนังเรื่องแรกๆ ที่มีการเปิดกล้องถ่ายทำกันในช่วงระหว่างที่ยังมีมาตรการสั่งล็อกดาวน์ที่นครลอสแองเจลิสอยู่ พวกเขาจึงได้ถ่ายทำหนังเรื่องนี้ท่ามกลางความท้าทายและได้เก็บภาพบรรยากาศเมืองที่เงียบร้างไร้ผู้คนบางส่วนเอาไว้ได้อย่างสมจริง เว็บหนัง แต่นั่นก็อาจจะเป็นเพียงส่วนดีส่วนเดียวของหนังเรื่องนี้

Songbird กลายเป็นหนังที่มีดีแค่เพียงเนื้อหาที่เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันได้เป็นอย่างดี ผู้ชมสามารถอินและสัมผัสถึงบรรยากาศต่างๆ ได้อย่างคล้อยตาม ท่ามกลางองค์ประกอบต่างๆ ของหนังที่ค่อนข้างกระท่อนกระแท่นพอสมควร หนังมาพร้อมกับพล็อตหลักที่เป็นความรักของหนุ่มสาวที่ต้องผ่าฟันอุปสรรคจากไวรัสร้ายในครั้งนี้ แต่กลับโยนเหตุและผลต่างๆ ทิ้งไปตามทาง  โควิด23 ไวรัสล้างโลก สปอย

การดำเนินเรื่อง

แน่นอนว่าการแสดงของ “เค.เจ. อาปา” และ “โซเฟีย คาร์สัน” พวกเขาทำหน้าที่ของตัวเองออกมาได้ดี แต่บทหนังที่ค่อนข้างเฉิ่มเชยและไร้มิติมากๆ ทำให้ตัวหนังออกมาค่อนข้างน่าเบื่อและไปไม่สุดสักทาง กลายเป็นสูตรสำเร็จง่ายๆ บนพื้นฐานการบิ้วจังหวะให้มีความตื่นเต้นและระทึกใจอยู่ตลอดเวลาด้วยการใส่ซาวน์ดนตรีคลอเอาไว้ตลอดทั้งเรื่อง ที่เป็นอีกลายเส้นเด่นๆ ของหนังไมเคิล เบย์    ดูหนังฟรี

ทางด้านงานสร้างของ “อดัม เมสัน” ก็ถือว่าค่อนข้างน่าพอใจ แต่อาจจะเพราะด้วยข้อจำกัดต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างการถ่ายทำ ทำให้หนังยังคงขาดความสมจริงในบางจุด และยังดูธรรมดาๆ เหมือนกับหนังแผ่นหรือหนังฉายตามทีวีที่ใช้ทุนสร้างแค่เพียงไม่กี่แสนเหรียญในการทำหนังเรื่องนี้ ภาพรวมที่ออกมาจึงทำให้ดูเป็นหนังที่ยังทำได้ไม่ถึงมาตรฐานสักเท่าไหร่  โควิด23 ไวรัสล้างโลก เนื้อเรื่อง

รีวิว โควิด23 ไวรัสล้างโลก

พล็อตเรื่อง

แม้ว่าจะมองเห็นเจตนาดีในความพยายามเชื่อมโยงและขยายบทไปสู่ตัวละครสมทบอื่นๆ ที่เสริมเข้ามา แต่ปรากฏว่าหนังก็ขยี้ไปไม่ถึงจุดอยู่ดี ถึงจะได้ “เดมี มัวร์”, “แบรดลีย์ วิตฟอร์ด” หรือ “อเล็กซานดร้า ดาแดริโอ” มาร่วมสมทบ แต่ผลลัพธ์ที่ออกมากลับกลายเป็นว่าพวกเขาไม่มีความน่าจดใจใดๆ เลย เพราะบทหนังที่ตื้นเขินและเชย แทบจะไม่มีเสน่ห์อะไรเลยด้วยซ้ำ  ดูหนังออนไลน์

แต่อย่างไรก็ตาม ในแง่ของความบันเทิง Songbird โควิด-23 ไวรัสล้างโลก ก็ถือว่ายังทำออกมาพอใช้ได้ ตัวหนังไม่ได้ทำให้คนดูหงุดหงิดไปตลอดทาง แม้ว่าในช่วงแรกๆ จะค่อนข้างปูเรื่องได้น่าเบื่อ แต่ก็พบว่าหนังใช้จังหวะนี้เกลี่ยบทและแนะนำตัวละครต่างๆ ได้ค่อนข้างดี โควิด23 ไวรัสล้างโลก ซับไทย  ก่อนจะปรับอารมณ์และเพิ่มความลุ้นระทึกถึงคนดูได้ในช่วงครึ่งหลัง

รีวิว โควิด23 ไวรัสล้างโลก

รีวิว โควิด23 ไวรัสล้างโลก บทสรุป

ในโลกอนาคตปี 2024 เมื่อไวรัสโควิด 23 ระบาดร้ายแรงเริ่มกลายพันธุ์ และคร่าชีวิตผู้คนไปมากกว่า 110 ล้านรายทั่วโลก แต่แล้วหายนะก็บังเกิดกับ นิโก (เคเจ อาปา) ชายหนุ่มผู้มีภูมิคุ้มกัน เมื่อ ซารา (โซเฟีย คาร์สัน) แฟนสาวของเขาที่ไม่เคยมีโอกาสเจอกันอีกเลยนับตั้งแต่เกิดเหตุไวรัสระบาด กำลังจะถูกเจ้าหน้าที่บุกมาถึงที่พักภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังถูกต้องสงสัยว่าติดเชื้อ นิโกจึงต้องรีบเดินทางฝ่ามฤตยูไวรัสล้างโลกนี้ พร้อมทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยซาร่าให้ได้ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

ปี2020 (และน่าจะปีนี้ด้วย) เป็นปีแห่งความวิปโยคโศกศัลย์และฉิบหายวายป่วงของวงการภาพยนตร์จริง ๆ ครับ ไม่น่าเชื่อว่า โควิด-19 จากไวรัสตัวหนึ่งจะทำให้ทั้งวงการภาพยนตร์ต้องชะงักตั้งแต่การถ่ายทำ ส่วนเรื่องไหนที่ทำทุกอย่างเสร็จแล้ว ก็ต้องมาสะดุดเพราะโรงหนังปิด หรือไม่ถ้ากัดฟันฝีนฉาย ก็มีโอกาสเสี่ยงเจ๊งไม่คุ้มทุนอีก เพราะคนดูไม่ค่อยกล้าออกไปนั่งในโรงหนัง คือเรียกได้ว่าง่อยเปลี้ยกันทั้งอุตสาหกรรมตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำเลย

แต่แม้คนในอุตสาหกรรมหนังหลายคนจะขยาดกับโควิด-19 มากแค่ไหน แต่ก็ยังมีคนกลุ่มหนึ่ง ที่นำโดยผู้อำนวยการสร้างชื่อดังอย่างไมเคิล เบย์ ผู้กำกับ Armageddon (1998), Pearl Harbor (2001), The Purge (2013) และแฟรนไชส์หุ่นยนต์ตีกัน Transformers (2007-2017) คือไม่แน่ใจเหมือนกันว่าแกคิดยังไงนะครับ เพราะช่วงโควิดระบาด แทนที่พี่เบย์จะหยุดพักกองในช่วงล็อกดาวน์เพื่อไม่ให้เสี่ยงต่อการติดโควิด พี่แกดันอยากใช้เมืองลอสแองเจลิสที่กำลังเงียบเชียบจากมาตรการล็อกดาวน์ในปีที่แล้ว เป็นโลเกชันหลัก ๆ ในการถ่ายทำและเป็นฉากดำเนินเรื่อง เพื่อให้ได้บรรยากาศล็อกดาวน์ที่สมจริงสมจัง

แต่แน่นอนแหละ ใครมันจะไปอนุญาต 555 จนกระทั่งในที่สุด ทีมงานก็ได้อนุญาตให้ถ่ายทำ โดยทีมงานได้เลือกลอสแองเจลิสเป็นสถานที่เดียวในการถ่ายทำ และใช้เวลาถ่ายทำเพียง 4 เดือน เรียกได้ว่ากลายเป็นหนังเรื่องแรก ๆ เลยที่ถ่ายเสร็จหลังช่วงการล็อกดาวน์ โชคยังดีที่ไม่มีใครในกองถ่ายหนังเรื่องนี้ชิงติดโควิด-19 ไปก่อนที่โควิด 23 จะมาถึงจริง ๆ  โควิด23 ไวรัสล้างโลก บทสรุป

Songbird โควิด-23 ไวรัสล้างโลก ถือว่าเป็นหนังที่มาได้ถูกจังหวะ และน่าจะเป็นหนังที่เกี่ยวกับเชื้อโคโรนาไวรัสเรื่องแรกๆ ของโลกที่ถูกตีแผ่ ในแง่ข้อเท็จจริงและงานสร้างหนังยังคงล้มเหลว แต่หนังก็มีดีที่สามารถโทนบรรยากาศได้อย่างสมจริงและทำให้คนดูคล้อยตามได้ไม่ยาก แม้ว่าจะบทสรุปของหนังก็ยังไม่สามารถหาทางออกให้กับมนุษย์ได้เหมือนกับในโลกปัจจุบันก็ตาม

ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง Songbird โควิด-23 ไวรัสล้างโลก
ประเภท: ดราม่า / ระทึกขวัญ / โรแมนติก
ผู้กำกับ: อดัม เมสัน
นำแสดงโดย: เค.เจ. อาปา, โซเฟีย คาร์สัน, เดมี มัวร์, เคร็ก โรบินสัน
ความยาว: 84 นาที
เข้าฉาย: 21 มกราคม 2021

รีวิว โควิด23 ไวรัสล้างโลก

โดยรวมหนัง

พล็อตสั้น ๆ ของหนังเรื่อง “นกร้องเพลง” ก็คือโลกในอีก 3-4 ข้างหน้านี่แหละครับ ในปี 2024 แน่นอนว่าเชื้อไวรัสโควิดยังคงอยู่ แถมทะลึ่งกลายพันธ์ุในชื่อใหม่ว่า โควิด-23 ที่ร้ายแรงกว่าเดิม คนตายไปนับร้อยล้านคน ก็เลยต้องประกาศล็อกดาวน์และการใช้เคอร์ฟิว จำกัดพื้นที่ คนติดเชื้อต้องถูกควบคุมตัวส่งไปอยู่ในคิวโซน ค่ายกักกันแบบปิดตาย รวมถึงห้ามประชาชนออกนอกเคหะสถานโดยไม่จำเป็น คนที่มีภูมิต้านทานโควิด 23 ที่มีป้ายข้อมือสีเหลืองที่มีแถบเก็บข้อมูลดิจิทัลเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์ออกนอกบ้าน หรือนอกพื้นที่ได้ และรัฐบาลมีสิทธิ์ใช้มาตรการรุนแรงเข้าปราบปรามอย่างเด็ดขาดได้ทุกเมื่อสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืน

ตัวละครหลักของเรื่องก็คือไอ้หนุ่มนิโก พนักงานส่งของด้วยจักรยานผู้มีภูมิต้านทานไวรัส ที่ได้พบรักกับซารา หญิงสาวในอพาร์ตเมนต์ที่อาศัยอยู่กับยาย แต่ทั้งคู่ไม่สามารถออกมาเจอกัน หรือมีสัมพันธ์ทางกายได้อีกเลยนับจากประกาศล็อกดาวน์ จนเมื่อวันหนึ่ง ซาราถูกสงสัยว่าอาจติดเชื้อโควิด 23 นิโกจึงต้องหาทางช่วยซาราให้รอดพ้นจากเงื้อมมือการควบคุมของภาครัฐที่โคตรเข้มงวด หนีออกไปจากลอสแองเจลิสให้ได้ พร้อมกับต้องเผชิญกับสถานการณ์กดดันของการไล่ล่า การควบคุม และเชื้อโควิด 23 ที่ร้ายแรงในระดับที่ถ้าติดก็ทำใจได้เลยว่าต้องตายแน่ ๆ ภายใน 48 ชั่วโมง

จริง ๆ ตัวหนังพยายามที่จะขับเน้นความเป็นไซไฟ-ดิสโทเปียที่บวกความโรแมนติกเข้าไป ซึ่งเอาจริง ๆ ผมคิดว่า มันมีศักยภาพพอที่จะทำให้มันกลายเป็นหนังบล็อกบัสเตอร์ที่ดูสนุกและจริงจังได้นะครับ สิ่งที่ผมว่าโอเคเลยสำหรับหนังเรื่องนี้คือ การหยิบเอากิมมิกจากสถานการณ์โควิด-19 และธีมของ New Normal มาต่อยอดให้มีความเป็นไซไฟได้น่าสนใจและใกล้ตัวมาก ๆ  โควิด23 ไวรัสล้างโลก สนุกไหม

การคิดต่อยอดว่า ในอนาคตอีก 3-4 ปีข้างหน้า ชีวิตและเทคโนโลยีที่เราใช้มันจะเป็นอย่างไรบ้าง การตรวจหาไวรัสจะทันสมัยโคตร ๆ ชนิดที่ใช้สมาร์ตโฟนสแกนหน้าก็ตรวจได้ หรือตู้ไปรษณีย์ต่อไปจะติดระบบยูวีเพื่อฆ่าเชื้อไวรัสได้ และเปิดได้จากทั้งในและนอกบ้านเพื่อลดการเข้าออกบ้านโดยไม่จำเป็น

ในขณะที่ต่อไป การสัมผัส การจับมือ การกอด การจูบ หรือแม้แต่มีเซ็กส์กับคนแปลกหน้า จะกลายเป็นเรื่องย้อนยุค (Nostalgia) ที่หลายคนโหยหา แต่ไม่กล้าทำ รวมถึงการควบคุมตัวของภาครัฐที่พยายามควบคุมโรคด้วยมาตรการขั้นรุนแรง การคุมตัวคนติดไวรัสเข้าสถานกักกันที่สภาพโหดร้ายยิ่งกว่าคุก นี่ถือเป็นจุดที่ผมคิดว่า น่าสนใจมาก และคิดว่า ถ้าโควิด-19 มันยังระบาด อีกหน่อยสภาพชีวิตและบ้านเมืองก็คงจะประมาณนี้แหละ

ไหน ๆ สถานการณ์หนังโลกในยุคโควิด-19 นี้ก็ง่อยเปลี้ยจะแย่แล้วครับ ผมเองก็ขอบคุณทีมงานที่ยังเสียสละกล้าหาญออกไปทำให้อย่างน้อย ๆ อุตสาหกรรมหนังก็ไม่ชะงักงัน ส่วนคนดูอย่างเรา ๆ ถ้าอยากไปดูเพื่อสนับสนุนโรงหนัง ก็ไปดูได้แบบเพลิน ๆ นั่นแหละครับ แต่ก็ต้องไม่พยายามคิดถึงว่า นี่เป็นหนังที่ไมเคิล เบย์ เป็นผู้อำนวยการสร้างและกำกับพาร์ตแอ็กชันเอง หรือหวังว่าดูแล้วจะได้ Message ที่มากกว่าเป็นหนังที่ได้แรงบันดาลใจโควิด-19 นอกจากการกระตุ้นเตือนให้เราไม่ลืมสแกนไทยชนะ ล้างมือ ใส่แมสก์ตลอดเวลาที่ดูหนัง   หนังฝรั่ง netflix

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *