ถ้าใครยังจำประสบการณ์ความสยองเเบบสะพรึงสุดขีดจาก Hereditary เมื่อปีที่เเล้วได้ …มาคราวนี้คนดูจะได้รับชมไปอีกแนวทางหนึ่งเเต่ยังคงสไตล์แบบเฉพาะตัวของผู้กำกับ อารี แอสเตอร์ ทั้งการจู่โจมของความสะพรึงเเบบไม่ทันตั้งตัว มาในรูปแบบที่คาดไม่ถึง ความเหวอทางด้านเนื้อหาที่ไปไกลเเละถลำลึกมากกว่าคำว่า รุนเเรง หนังเรื่องเป็นยาขมอยู่สองอย่างสำหรับผู้ชมทั่วไปที่พิสมัยความหวือหวาเเละต้องการให้หนังเร่งกำลังเสิร์ฟความแหวะสยองแบบต่อเนื่อง …คือหนังที่ยาวนาน เเตะ 140 นาทีกว่าๆ กับการที่มันแทรกประเด็นที่พันลึกผ่านการนำเสนอที่ค่อยๆ ให้คนดูจับต้นชนปลายเอาเอง ถ้าเทียบกับ Hereditary หนังเรื่องนี้ดิ่งลึกมากกว่าทั้งในเเง่เนื้อหา วิธีการนำเสนอ ในขณะเดียวกันมันก็ดูค่อนข้างยากมากขึ้นตามลำดับ สิ่งที่ชอบในหนังคือ มันลุ่มลึกมากขึ้นในการนำเสนอ หนังไม่จำใส่การบิ้วท์อารมณ์คนดูเเบบดาดๆ ทั่วไป หลายครั้งหนังจับเอาลู่ทางอื่นๆ ที่ดูแปลกตาเเละตอบสนองอารมณ์คนดูได้ดี …เท่าที่จำได้ ฉากในหมู่บ้านแห่งพิธีกรรม ถ้าไม่มีเหตุการณ์ที่พลิกผันเกิดขึ้น หนังแทบจะไม่มีซาวน์ประกอบเป็นรองพื้น คือเงียบถึงเงียบมากดีจริงๆ แอสเตอร์ ยังคงควบคุมจังหวะจะโคนกระตุกขวัญได้เป็นอย่างดีแบบที่เขาถนัด การแทรก Jump cut เข้ามาเเบบไม่ทันตั้งตัว ฉากสยองเหวอกินที่รับประกันความนรกแตก เพี้ยน เฮี้ยนเเละอึดอัดใจเสมือคนดูไปอยู่ในเหตุการณ์จริง มันไม่ใช่หนังสำหรับทุกคนเเน่นอน ด้วยท่วงท่าการเล่า วิธีนำเสนอและอารมณ์รสชาติแบบตัวผู้กำกับ ทำให้เป็นหนังที่อัศจรรย์พันลึกในด้านความสยองที่แปลกดี ประมาณว่าหนังมันมีสไตล์ของมัน ทำแบบนั่นแบบนี้ก็น่ากลัวได้ …เเละดูจบเเล้ว สามารถมาคุยถกเถียงกับเพื่อนได้อย่างสนุกสนานออกรสออกชาติ