รีวิว The Dig กู้ซาก
วันนี้แอดจะมารีวิวหนังเรื่อง The Dig กู้ซาก ขุดซากเรือโบราณก่อนสงครามจะมาภาพยนตร์ที่ดัดแปลงจากหนังที่เขียนขึ้นจากเรื่องจริงของนักขุดค้นทางโบราณคดีที่ได้รับการว่าจ้างจากคุณนายเจ้าของที่ดิน ให้ไปขุดเนินดินจนพบซากเรือโบราณที่เก่าแก่ หนังภาพสวย เพลงเพราะ ดำเนินเรื่องดี แถมยังมีบทหนังที่เยี่ยมยอด
เล่าหลายสิ่งสอดคล้องกันแต่เรียบง่ายหนังภาพสวย เพลงเพราะ ดำเนินเรื่องดี แถมยังมีบทหนังที่เยี่ยมยอด เล่าหลายสิ่งสอดคล้องกันแต่เรียบง่าย
แถมมีแง่มุมชวนคิดมากมายอบอวนอยู่ในหนังมีภาพยนตร์อีกหนึ่งเรื่องในบริการสตรีมมิงออนไลน์อย่าง Netflix ที่ผมจดไว้ในใจว่าอยากจะเปิดดู แต่ก็ปล่อยมันผ่านมาหลายวัน จนวันนี้นี่แหละ ถึงจะได้เปิดดูมันสักที เรื่องราวที่สร้างจากเรื่องจริงของนักขุดค้นทางโบราณคดีที่นำแสดงโดยราล์ฟ ไฟน์ เรื่องนี้ ‘The Dig กู้ซาก’ ที่ได้รับคะแนนดีมีเสียงชื่นชม
เป็นหนังที่ย้อมสีภาพให้ดูเก่าแต่อบอุ่น ใส่โทนสีเหลืองมองดูสบายตา กับเรื่องราวที่ย้อนไปในอดีต ได้พบเจอกับ แครี มัลลิแกน อีกครั้ง
และครั้งนี้ เราได้เจอกับโวลเดอมอร์ เอ้ย ราล์ฟ ไฟน์ ด้วย
เรื่องย่อหนัง ‘The Dig’
บาซิล บราวน์ (Ralph Fiennes/ราล์ฟ ไฟน์ จากภาพยนตร์อย่าง ‘Kubo and the Two Strings’, ‘Spectre’, ‘Harry Potter and the Deathly Hallows’ และ ‘Schindler’s List’) นักขุดค้นและนักโบราณคดีที่ถูกเรียกตัวมายังผืนดินที่ อีดิธ พริตตี้ (Carey Mulligan/แครี่ มัลลิแกน จากภาพยนตร์อย่าง ‘Shame’, ‘Never Let Me Go’ และ ‘The Great Gatsby’) สาวหม้ายลูกหนึ่งที่เป็นเจ้าของอยู่ เธอเองก็มีความสนใจในด้านโบราณคดีไม่แพ้กัน และเธอจ้างวานให้เขาขุดค้นหลุมฝังศพซึ่งน่าจะเป็นของชนไวกิ้งหรือเก่าแก่กว่านั้น
ช่วงเวลาที่ประเทศอังกฤษกำลังเผชิญกับสงคราม บราวน์จำต้องเร่งขุดค้นให้เสร็จก่อนที่สงครามจะทำลายทุกสิ่งที่รอคอยให้เขาได้พบเจอ
ระหว่างนั้น บราวน์ต้องพบเจอหลายสิ่ง ทั้งดินที่เขาขุดเอง ทั้งคนของพิพิธภัณฑ์ ทั้งผู้คนมากมายที่เข้ามาเพราะเรือโบราณลำนี้
ภาพยนตร์ที่เราได้ชมในทีวี แทนที่จะได้ชมบนจอใหญ่ในห้องมืด ที่จริงเป็นหนังที่ภาพสวยมาก ดนตรีก็เพราะ เรื่องราวก็ดี จนคิดว่า ถ้าได้ฉายในโรงหนังให้คนอย่างเราชม มันจะดีกว่าแค่ไหนกันนะ รีวิวหนังฝรั่ง
รีวิว The Dig กู้ซาก
อดีต มันพูดได้
หนังเรื่องนี้มันเกี่ยวกับอะไรน่ะเหรอ? แมสเสจในนั้นมีหลายหลายมากเลยนะ หยิบตรงไหนก็กลายเป็นประเด็นให้พูดถึงมันได้หมด เรื่องราวในหนังมันดูเรียบง่าย ทุกอย่างถูกนำเสนอออกมาเหมือนจะไม่ซับซ้อน แต่ดูเอาจริงเอาจังก็พบว่ามีอะไรอย่างหลายอย่างเหลือที่แทรกซึมอยู่ในหนัง ‘กู้ซาก’ เรื่องนี้
บาซิล บราวน์ บอกว่า อดีตมันพูดได้ สิ่งต่างๆ จากอดีตที่ถูกค้นพบ ย่อมบ่งบอกเรื่องราวอันเกี่ยวข้องกับมันให้คนปัจจุบันได้รับรู้ คุณนายพริตตี้ก็อ่านหนังสือเรื่องการขุดค้นสุสานของตุตันคามุน และเอามาเล่าให้บราวน์ฟัง ส่วนบราวน์ก็ตอบกลับไปด้วยถ้อยคำในหนังสือ
“กาลเวลาได้สูญเสียความหมายของมันไปแล้ว”
วันที่เขาพูดคุยกับเมย์ผู้เป็นภรรยา เธอชวนให้เขาฉุกคิดตัดสินใจว่า จะยอมรับการเป็นคนงานของพิพิธภัณฑ์ไปก่อน เผื่อว่าวันใดวันหนึ่ง เขาอาจกลับมามีชื่อถูกจารึกไว้ หรือจะยอมสูญเสียโอกาสนั้นไปตลอดกาล ในที่สุด เขาก็เลือกจะไปขุดค้นซากโบราณต่อ เพราะความถนัดและชื่นชอบมัน เขาได้รับการปลูกฝังความเป็นนักขุดค้นทางโบราณคดีมาจากรุ่นพ่อรุ่นปู่ แม้จะเป็นงานที่ได้รับเงินค่าจ้างไม่เพียงพอจะจ่ายค่าเช่าบ้านก็ตามที
“คุณบอกฉันว่างานของคุณไม่เกี่ยวกับอดีตหรือปัจจุบัน แต่เพื่ออนาคต เพื่อให้คนรุ่นหลังรู้ว่าพวกเขามาจากไหน”
โรเบิร์ต กับ บราวน์
สองคนต่างวัยที่มีความผูกพันกันมาก ทั้งยังมีผลต่อการกลับมาขุดค้นต่อของบราวน์ยิ่ง คำสัญญาของบราวน์ที่ให้กับโรเบิร์ต ว่าจะช่วยให้เขามองเห็นดวงดาวด้วยกล้องจุลทรรศน์ การสำรวจจักรวาลเป็นอะไรที่โรเบิร์ตหลงใหล ชีวิตของเด็กมุ่งหน้าไปพร้อมกับความฝันและอนาคต
เด็กน้อยโรเบิร์ด (Archie Barnes) ที่มีจินตนาการถึงการเดินทางสู่อวกาศ หลงใหลในดวงดาว แต่บราวน์คือชายผู้ชื่นชอบในงานที่เกี่ยวกับอดีต สองวัยที่มีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาเดียวกัน แต่เกี่ยวพันกันอย่างประหลาด
รอรี่ กับ เพ็กกี้
รอรี่ โรแมกซ์ (Johnny Flynn จากหนังเรื่อง Emma.) หนุ่มลูกพี่ลูกน้องของคุณนายพริตตี้ ที่มาช่วยงานขุดค้น แต่ที่เห็นส่วนใหญ่ของเขาก็ถ่ายภาพเหตุการณ์ครั้งนี้เอา มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เขาดูจะสนิทสนมกับ เพ็กกี้ พิกกอตต์ (Lily James จากหนังเรื่อง ‘Cinderella’, ‘Pride and Prejudice and Zombies’ และ ‘Yesterday’) ภรรยาของสจ๊วร์ต (Ben Chaplin จากหนังเรื่อง ‘Snowden’ และ ‘The Thin Red Line’) มากเป็นพิเศษ ขณะที่สจ๊วร์ตก็มักจะเรียกเธอว่า มาร์กาเร็ต อยู่เสมอ จนน่าสงสัยว่านั่นเป็นชื่อของใคร
ความรู้สึกหลังดู
หลากหลายแง่มุม ซับซ้อนแต่เรียบง่าย
แค่บทหนังที่สร้างจากเรื่องจริง แต่ได้เล่าหลายอย่างไว้ในเนื้อเดียวกัน สงคราม(ที่กำลังมา)กับการขุดค้น ไวกิ้งในอดีตกับนักบินอวกาศในอนาคต พิพิธภัณฑ์กับนักขุดค้น หญิงม่ายกับชายธรรมดา ไหนจะเรื่องของตัวละครตัวเล็กตัวน้อยเหล่านั้นอีก
บางสิ่งที่ยืดยาวไปกว่าสงครามรบพุ่งชั่วประเดี๋ยวประด๋าว ก็คือ การขุดค้นทางโบราณคดีที่ขุดเอาอดีตออกมาเปิดเผยให้คนปัจจุบันได้เรียนรู้รากเหง้า ขณะที่สงครามที่กินเวลาไม่กี่ปีแต่สร้างความเสียหายและคราบน้ำตา
พิพิธภัณฑ์ที่ไม่ยอมให้เขาขุดด้วยเหตุผลว่าเขาไม่มีคุณสมบัติทั้งที่มีความสามารถสูงกว่า เหมือนคนที่มักเชื่อถือในวุฒิการศึกษามากกว่าความสามารถ
ลองเปิดดูแล้วอาจจะพบมากกว่านี้ก็ได้
ชอบทั้งด้านงานภาพ ดนตรีประกอบ รวมทั้งการเล่าเรื่อง
ระหว่างดูหนังเรื่องนี้ไป ผมก็พบว่าตัวเองชอบงานภาพและดนตรีประกอบของมันเอามากๆ หนังใช้เทคนิคหนึ่งหลายหนในเกือบสองชั่วโมง
เดินเรื่องของภาพของเหตุการณ์หนึ่ง แต่ใช้เสียงของอีกเหตุการณ์หนึ่ง
แมสเสจในหนังนั้นอบอวลไปด้วยเรื่องของ คุณค่าของทุกสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปในกาลเวลา บางคนเลือกจะขุดค้นอดีตที่ผ่านไปนานเพื่อให้กลับมาอยู่ในความสนใจของผู้คนและไม่เลือนหาย ทั้งได้เรียนรู้อดีต ทั้งศึกษาเข้าใจที่มา บางคนเลือกจะเก็บภาพเหตุการณ์สำคัญไว้ด้วยฟิล์มและรูปถ่าย ที่กลายเป็นบันทึกหลักฐานหนึ่งสำหรับช่วงเวลาในอนาคต บางคนมีชีวิตอยู่ท่ามกลางสิ่งของที่เป็นตัวแทนแห่งความทรงจำในอดีต
คนเรามีชีวิตอยู่บนโลกนี้เพียงไม่กี่สิบปี สิ่งที่เราทำอาจยังอยู่ต่อไปแม้ร่างกายจะสูญสลายไปนานแล้ว
ชื่อภาพยนตร์: The Dig / กู้ซาก
ผู้กำกับภาพยนตร์: Simon Stone
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Moira Buffini (screenplay), John Preston (novel)
นักแสดง: Carey Mulligan, Ralph Fiennes, Lily James, Johnny Flynn
ดนตรีประกอบ: Stefan Gregory
แนว/ประเภท: Biography, Drama, History
ความยาว: 112 นาที
ประเทศ: อังกฤษ
ปี: 2021
อัตราส่วนภาพ: 2.00 : 1
เรท: ไทย/-, USA/PG-13
วันเข้าฉายในประเทศไทย: 29 มกราคม 2021 บน Netflix
ผู้ผลิต/ผู้จัดจำหน่าย/สตูดิโอ: Netflix, Magnolia Mae Films, Clerkenwell Films
บทและพล็อต – 9.3
งานภาพ – 9
เพลง/ดนตรีประกอบ – 8.3
โปรดักชัน – 8.2
การดำเนินเรื่อง – 8.4
การแสดง – 8.9