รีวิว Planet 51
ในประเพณีฮอลลีวูดในปี 1950 ยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาวได้ลงจอดบนโลกและถูกกองทหารล้อมไว้อย่างน่ากลัว “Planet 51” เป็นความจริงตามประเพณี แต่คราวนี้ เรือมาจากโลก และลงจอดบนดาวเคราะห์ดวงน้อยที่มีคนสีเขียวอาศัยอยู่ ยังคงเป็นปี 1950 อย่างไรก็ตาม
ใช่ บน Planet 51 พวกเขาพูดภาษาอังกฤษได้ “Lollipop” อยู่ในตู้เพลง และพวกมันก็แล่นไปอย่างรวดเร็วในรถเล็กๆ ที่ดูเหมือนเป็นการผสมผสานระหว่างนักกินน้ำมันจากยุค 50 กับรถโดมฟองสบู่แห่งอนาคต อันที่จริงแล้ว Planet 51 ก็เหมือนกับส่วนขาวดำของ “Pleasantville” มาก ทุกคนน่ารักและเป็นมิตร ยกเว้นผู้ก่อการสงครามอย่างนายพลกรอว์ (ให้เสียงโดยแกรี่ โอลด์แมน) และมันยากที่จะรู้ว่าเขากลัวใคร เพราะเท่าที่เราบอกได้ นี่คืออารยธรรมที่ปราศจากศัตรู
แม้ว่าจะไม่ได้ทำให้ฉันผิดหวัง แต่ “Planet 51” ก็เป็นแอนิเมชั่นที่ดูดีและร่าเริงในแบบ 2 มิติอันรุ่งโรจน์ ไม่ได้ใช้ความพยายามแม้แต่น้อยที่จะอธิบายว่าทำไมร่างโคลนที่พูดภาษาอังกฤษของโลกแห่ง “American Graffiti” จึงมีอยู่ในที่อื่นในจักรวาล เป็นไปได้อย่างไร?
นอกจากนี้ ภายใต้ทฤษฎีที่ปรากฏขึ้นของลิขสิทธิ์ ฉันคิดว่า (แต่ไม่แน่ใจ) สิ่งนั้นเป็นไปได้ทั้งหมด บางแห่ง. ตราบใดที่มันสอดคล้องกับกฎแห่งฟิสิกส์ ฉันไม่แน่ใจว่าพวกเขาอธิบายอย่างไรว่าฝนทำมาจากหิน คุณคิดว่าในที่สุดหินจะฝังทุกอย่าง บางทีพวกเขาละลาย?
ไม่ใช่ว่าวิทยาศาสตร์บนดาวเคราะห์ 51 มาถึงระดับของการอธิบายเรื่องดังกล่าวแล้ว เลม (จัสติน ลอง) ฮีโร่ของมันเพิ่งได้งานเป็นวิทยากรที่หอดูดาวดาราศาสตร์ ซึ่งเขาอธิบายว่าจักรวาลกว้าง “หลายร้อยไมล์”
เขาได้รับการเติมเต็มอย่างอ่อนโยนโดยชัค เบเกอร์ (ดเวย์น จอห์นสัน) นักบินอวกาศชาวอเมริกันที่ลงจอดบนดาวดวงนี้ ในตอนแรกเขาและเล็มต่างหวาดกลัวซึ่งกันและกัน แต่หลังจากที่ทั้งสองผูกพันกันและชัคพบว่าเขาสามารถสูดหายใจบรรยากาศของ Planet 51 ได้
เขาก็พบกับปริศนาในการใช้ยานลงจอดเพื่อกลับไปยังวงโคจรของมัน อาจเป็นเพราะตั้งใจที่จะอยู่และมองไปรอบ ๆ เขามาถึงแล้วกับ Rover ซึ่งเป็นลูกผสมระหว่าง WALL-E และสุนัขที่เป็นมิตรและชอบที่จะวิ่งหนีไปรอบ ๆ และรวบรวมก้อนหินเหมือนที่ Rovers ทุกคนทำ
เห็นได้ชัดว่าไม่มีทางที่การ์ตูนแอนิเมชั่นสำหรับครอบครัวจะหลีกเลี่ยงตอนจบในฉากแอคชั่นได้ และนายพลกรอว์ลก็นำทัพไปต่อสู้กับชัคผู้คุกคาม อย่างน้อยการต่อสู้ก็ดุเดือดและไม่รุนแรงนัก และทุกอย่างจบลงอย่างมีความสุข อ๊ะ นั่นมันสปอยหรือเปล่า
ภาพยนตร์เรื่องนี้เขียนโดยโจ สติลแมน ผู้เขียนเรื่อง “เชร็ค” เป็นแอนิเมชั่นที่สวยงามในสเปน และยังใช้ความสามารถด้านเสียงของเจสสิก้า บีล, ฌอนน์ วิลเลียม สก็อตต์ และจอห์น คลีส ความบันเทิงตัวเล็ก ๆ เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง
แม้ว่าจะมีเพลงป๊อปอ้างอิงถึงช่วงทศวรรษ 1950 ของอเมริกาก็ตาม ฉันเชื่อว่าอาจมีเด็กหลายล้านคนที่ยังไม่เคยได้ยินชื่อเอลวิสมาก่อน เมื่อทศวรรษนั้นค่อยๆ หายไปในกระจกมองหลังของเรา ดูเหมือนว่าจะมีความหมายที่ยิ่งใหญ่และยั่งยืนมากขึ้นเรื่อยๆ อะไรนะ ฉันไม่แน่ใจ
อวกาศ พรมแดนสุดท้าย สิ่งหนึ่งที่เรายังไม่รู้จริงๆ มากนักและยังคงเป็นที่ดึงดูดใจสำหรับหลายๆ คน ที่จริงแล้วมีใครอยู่ไหม? ตามฮอลลีวู้ด ใช่แล้ว พวกเขาสามารถแบ่งออกเป็นสองกลุ่มที่แตกต่างกัน: เป็นมิตรหรือต้องการทำลายเรา แต่ถ้าโต๊ะถูกพลิกกลับและมนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์ต่างดาวจริงๆ
บริเวณรอบนอกของดาวเสาร์มีดาวเคราะห์ 51 ซึ่งยังไม่เคยถูกแตะต้องโดยการสำรวจของมนุษย์ นักบินอวกาศชัค เบเกอร์ (ดเวย์น จอห์นสัน) ต้องการเป็นมนุษย์คนแรกที่เหยียบโลกใบนี้ ลงจอดเพื่อปักธงชาติอเมริกาที่นั่น เพียงเพื่อจะพบว่าดาวเคราะห์ดวงนี้เต็มไปด้วยมนุษย์ต่างดาว
ซึ่งใช้ชีวิตแบบอเมริกันในทศวรรษ 1950 อันงดงาม ข้างหน้าและตรงกลางคือวัยรุ่นเล็ม (จัสติน ลอง) ที่วางแผนชีวิตไว้ก่อนแล้ว รวมทั้งชีวิตที่มีความสุขยืนยาวโดยมีนีร่า (เจสสิก้า บีล) เพื่อนบ้านข้างบ้านเป็นภรรยาของเขา
รีวิว Planet 51
เมื่อเรือของชัคมาถึงสวนหลังบ้าน เล็มต้องพบกับปัญหาระหว่างชีวิตที่ยุ่งเหยิงอย่างที่รู้ๆ กัน หรือการช่วยชัคหาทางกลับบ้าน ระหว่างทางเขาได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนสนิทสคิฟฟ์ (ฌอน วิลเลียม สก็อตต์) ในขณะที่ถูกไล่ตามโดยหัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจของรัฐบาลโดยนายพลกรอว์ (แกรี่ โอลด์แมน) และศาสตราจารย์คิปเปิล (จอห์น คลีส) บ้าๆ
จดหมายรักสำหรับภาพยนตร์ B และการย้อนรำลึกถึงค่านิยมและวัฒนธรรมในอุดมคติของทศวรรษ 1950 Planet 51 เป็นภาพยนตร์ที่ไม่รู้จริงๆ ว่าต้องการเป็นอะไรหรือต้องการเป็นใคร Planet 51 เขียนโดย Joe Stillman ชายผู้อยู่เบื้องหลัง Shrek และ Shrek 2 เป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นสำหรับเด็กที่คิดถึงกลุ่มเป้าหมายโดยสิ้นเชิง
เต็มไปด้วยความคิดเห็นด้านข้างและมุกตลกที่จะสร้างความบันเทิงให้แฟนหนังที่รอบรู้และในความเป็นจริงเป็นส่วนที่ดีที่สุดของภาพยนตร์ Planet 51 ไม่ได้เชื่อมต่อกับที่ที่มันนับ เนื้อเรื่องหลัก
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ วงการแอนิเมชั่นกับสตูดิโออย่าง Pixar และ DreamWorks ต่างเสียดสีกันมาก เนื่องจากพวกเขาได้พยายามสร้างสมดุลในการสร้างเรื่องราวที่เน้นเรื่องตลกๆ แปลก ๆ ให้กับเด็กๆ เป็นหลัก ซึ่งผู้ใหญ่ก็อาจหัวเราะเยาะได้ เด็ก ๆ ยังคงเฝ้าดูไม่มีใครฉลาดกว่า ด้วย Planet 51 สูตรนี้ได้รับการเปลี่ยนจากหัวของมันและแย่กว่านั้นสำหรับสูตรนี้
ความรู้สึกหลังดู
ในภาพภาษาสเปนที่ประสบความสำเร็จนี้มีทั้งเรื่องขบขัน การผจญภัยที่คำราม แอ็กชัน ระทึกขวัญ และอีกมากมาย เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับนักบินอวกาศชาวอเมริกัน กัปตันชาร์ลส์ “ชัค” เบเกอร์ (พากย์โดย ดเวย์น จอห์นสัน) ลงจอดบนดาวเคราะห์ 51
โดยคิดว่าเขาเป็นคนแรกที่เหยียบมัน เขาประหลาดใจมากที่เขาพบว่าดาวเคราะห์ดวงนี้อาศัยอยู่โดยคนสีเขียวตัวเล็ก ๆ ที่อาศัยอยู่ในโลกที่มีรั้วไม้สีขาวอย่างมีความสุข และผู้ที่กลัวอย่างเดียวคือมันจะถูกบุกรุกโดยผู้รุกรานจากต่างดาวอย่างชัค
แต่บนดาวเอเลี่ยนนี้ สื่อได้ติดแท็กนักบินอวกาศว่าเป็นสัตว์ประหลาดกินสมอง สร้างซอมบี้ ทำให้เบเกอร์วิ่งหนี ดาวเคราะห์ดวงนี้ตั้งอยู่ในยุค 50 และถึงแม้จะมีการออกแบบจำนวนมากบนดาวเคราะห์เอเลี่ยน แต่ก็ไม่มีอะไรมีวงล้อ ที่นั่น Chuck พบกับ Lem (ชื่อที่เปล่งออกมาโดย Justin Long เป็นตัวย่อของ Lunar Excursion Module ด้วย LEM ของ NASA ถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Apollo
เพื่อลงจอดมนุษย์อวกาศบนดวงจันทร์) ซึ่งเป็นวัยรุ่นทั่วไปที่พยายามหาหญิงสาวที่ชื่อ Neera ( เสียงของเจสสิก้า บีล) และต่อยอดอาชีพของเขาที่ท้องฟ้าจำลองในท้องถิ่น ในขณะที่โมดูลคำสั่งของ Chuck ชื่อ Odyssey (นี่คือชื่อเดียวกับโมดูลคำสั่งที่ใช้ในภารกิจ Apollo 13) กำลังโคจรรอบโลก
ยอดเยี่ยมและน่าขบขัน C.G. ภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่ผลิตอย่างฟุ่มเฟือยและประสบความสำเร็จอย่างมาก ภาพเคลื่อนไหวที่งดงามและน่าทึ่งพร้อมนักแสดงที่โดดเด่นและน่าอัศจรรย์ นักบินอวกาศชื่อชัคและเล็ม เพื่อนรักของเขา เรื่องราวแสนสนุกของพื้นที่นอกโลกที่เต็มไปด้วยการผจญภัย สถานการณ์ที่น่าขบขัน การต่อสู้ เสียงหัวเราะ อารมณ์
แต่เจ้าของ Planet One ผู้สร้างรายการโทรทัศน์สำหรับเด็กและวัยรุ่นในสหรัฐอเมริกา ขู่ว่าจะฟ้อง โปรดิวเซอร์ของภาพยนตร์เรื่องนี้เลือกที่จะเรียกภาพยนตร์เรื่อง Planet 51 (2009) ซึ่งยอมรับ Area 51 ว่าเป็นศูนย์กลางของการสืบสวนเรื่องจานบินในอเมริกา ผลงานแอนิเมชั่นของสเปนกำลังเคาะประตูตลาดโลก โดยได้รับแรงหนุนจากความมุ่งมั่นที่เพิ่มขึ้นของผู้แพร่ภาพกระจายเสียงส่วนตัว เช่น Antena 3 TV Planet 51 มูลค่า 60 ล้านดอลลาร์ของ Ilion Animation Studios
ซึ่งเป็นรถกระบะจาก Sony ในสหรัฐฯ ปูทางด้วยคะแนน 105.7 ล้านดอลลาร์ทั่วโลกในปี 2010 ก่อนหน้านี้ โปรดิวเซอร์ผู้ยิ่งใหญ่ Julio Fernandez จากโรงงาน Fantastic ได้ผลิตภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่ประสบความสำเร็จเช่น ¨El Raton Perez I และ II¨ หรือ “The Hairy Tooth Fairy”, ¨Donkey Xote¨ , ¨Gisaku¨ , ¨El Cid : the legend¨
โดย Jose Pozo และ ¨Goomer¨ ภาพยนตร์ที่คาดว่าจะวางจำหน่ายในสเปนอีก 2 เรื่อง ได้แก่ “Justin and the Knights of Valour” ที่มีงบประมาณ 28.6 ล้านดอลลาร์ อำนวยการสร้างโดย Antonio Banderas และ Foosball มูลค่า 20 ล้านดอลลาร์ของ Juan Jose Campanella ของอาร์เจนตินาเป็นแอนิเมชัน
ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับความสนใจจากผู้สร้างภาพยนตร์ที่สมบูรณ์แบบสามคนอย่าง Jorge Blanco, Javier Abad และ Marcos Martinez ด้วยงบประมาณสูงถึง 70 ล้านเหรียญ ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่แพงที่สุดที่ผลิตในสเปน การผลิตใช้เวลา 16 เดือน โดยประมาณครึ่งหนึ่งของเวลาที่ใช้ในการสร้างภาพยนตร์พิกซาร์ เรตติ้ง: สูงกว่าค่าเฉลี่ย คุ้มค่าแก่การรับชม
