รีวิว Jackass Forever

ปฏิบัติการความฮาจากแก๊งเพื่อนสุดเกรียน ฉลองการกลับมารวมตัวกันของเพื่อนรักสายฮาหักเหลี่ยมโหด แจ็คแอสทีมเดิมกลับมาสร้างเสียงฮา มาพร้อมความดิบเถื่อน ฮาแบบเล่นแรงเจ็บแรง โดยมีนักแสดงใหม่ ๆ มาร่วมสร้างเซอร์ไพรส์

สมมุติตอนนี้คุณอายุ 50 กว่า คุณนัดกับแก๊งเพื่อนสุดห้าวสมัยหนุ่มกลับมารวมตัวกัน คุณคิดว่ากิจกรรมนั้นคืออะไร? แต่ละคนก็คงมีภาพเพื่อนตัวแสบของตัวเองและมีกิจกรรมในใจที่บ้าสุด ๆ ได้ตามรสนิยมและสังขารใช่มั้ย แต่นั่นคงไม่น่าจดจำเท่ากับมาทำอะไรบ้า ๆ

เหมือนสมัยตัวเองอายุ 20 หรือ 30 และแม้กิจกรรมเหล่านั้นจะเสี่ยงตายทั้งเราและเพื่อน แต่ถ้ามันจะสร้างความทรงจำและเสียงหัวเราะแบบที่คุณจะไม่เสียใจทีหลังที่ได้ทำล่ะ เพราะตอนนี้คุณอายุ 50 คงทำแบบนี้ไม่ได้อีกบ่อย ๆ และคุณก็ไม่รู้ว่าวันตายจะมาถึงเมื่อไหร่

‘Jackass’ เป็นแฟรนไชส์จากรายการโทรทัศน์ของ MTV ที่เอาบรรดานักเสี่ยงตายและนักกีฬาเอ็กซ์สตรีมมาทำอะไรห่าม ๆ ด้วยสูตรตลกเจ็บตัวที่สมจริงไม่เสแสร้งจนเกิดเป็นวัฒนธรรมร่วมสมัย และต่อยอดออกไปเป็นทั้งฉบับหนังโรงและรายการแยกย่อยอีกหลายรายการ

ซึ่งถ้านับตั้งแต่กำเนิดบนโลกทีวีมาตั้งแต่ปี 2000 สำหรับแฟน รายการนี่จึงเป็นความผูกพันกับเหล่าตัวละครนำอย่างกัปตันขี้แกล้ง จอห์นนี่ น็อคซ์วิลล์ (Johnny Knoxville) ขี้โม้สุดห่าม สตีฟ-โอ (Steve-O) โฉดชอบโชว์ คริส พอนติอุส (Chris Pontius)

จอมซกมก เดฟ อิงค์แลนด์ (Dave England) หนุ่มแคระใจใหญ่ วี แมน (Wee Man) อ้วนสุดเฉื่อย เพรสตัน เลซี (Preston Lacy) และตัวสุดท้ายผมชอบสุดโดยส่วนตัวคือ เป้าซ้อมสุดฮาที่มีทักษะการพูดขยี้ได้ทวีก๊ากอย่าง แดนเจอร์ เอห์เรน (Danger Ehren)

อาจรวมถึงสมาชิกนอกกล้องอย่างผู้กำกับหนัง เจฟฟ์ เทรเมน (Jeff Tremaine) ผู้กำกับชื่อดังมากรางวัลที่มาอำนวยการผลิตอย่าง สไปก์ จอนซ์ (Spike Jonze) และบรรดาทีมงาน ตากล้องต่าง ๆ ด้วยที่เห็นผลุบโผล่อยู่ตลอดเรื่อง ก็เป็นสมาชิกที่ขาดไม่ได้เลย

และจริง ๆ ถ้าใครติดตามมาตั้งแต่ต้นจะมีตัวหลักอีก 2 คนคือ ไรอัน ดันน์ (Ryan Dunn) ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ไปเมื่อปี 2010 และ แบม มาร์เกรา (Bam Margera) ที่มีปัญหาจนถูกไล่ออกจากหนังภาคนี้ ถ้ามองแง่ลึกก็คงตอกย้ำว่า เราไม่รู้ว่าเพื่อนรักจะจากเป็นหรือจากตาย จะมาทำอะไรร่วมกันแบบนี้ไหวอีกสักแค่ไหน ถ้าตอนนี้หัวใจยังเรียกร้องและทำได้ก็จงทำ

ซึ่งสำหรับแฟนคลับแก๊งเดนตายกลุ่มนี้ ก็ต้องบอกว่าในหนังภาคต่อนี้ แม้จะเป็นภาคที่ 4 ของหนังโรง (โดยไม่รวมพวกภาคแยก) และมีท่าทีเหมือนว่าจะตัวแสดงจะโรยราและเหมือนอำลาอยู่ในที แต่เอาเข้าจริงระดับความเหี้ย_มโหดของการแกล้งกันนั้นไม่ได้เพลาลงเลย

ฉากเด็ด ๆ เลยคือ ฉากเปิดตัวที่แซวหนังไคจูด้วยไข่จู๋ ฉากปิดประตูตีแมวในความมืด ฉากจุดระเบิดตดใต้น้ำ ฉากทดสอบกระจับระดับโลก และการเล่นกับสัตว์ทั้งหลาย (ส่วนมากจะเป็นฉากที่เอห์เรน หรือสตีฟ-โอ เป็นตัวหลักถึงจะฮาหน่อยเพราะพี่แกจะออกท่าทางฮาสุด)

รีวิว Jackass Forever

เห็นคำวิจารณ์หนึ่งจากต่างประเทศบอกว่า มันคือขีดสุดแห่งความอันตรายที่ทำเรารู้สึกเป็นห่วงสวัสดิภาพในชีวิตพวกเขา แต่ทั้งที่ห่วงก็ยังอดขำไม่ได้อยู่ดี คือมันเป็นอย่างนั้นเลยเราเห็นพวกเขาฟกช้ำ กระดูกหัก สลบคอพับ อวัยวะเพศบวมบี้แบน และอื่น ๆ

ที่ชวนนึกถึงการทดลองมนุษย์สุดโหดสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 อยู่ไม่น้อย (แต่อันนี้พวกเขาเลือกเองนะ) ก็เป็นห่วงมาก แต่ตอนดูมันก็ตลกอยู่ดี ส่วนหนึ่งอาจเพราะเรารู้ว่าพวกเขาเตรียมใจจะโดนอยู่แล้ว ไม่ใช่คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ที่โดนแกล้งอย่างน่าสงสารด้วยล่ะ

และดูเหมือนว่าในภาคนี้นอกจากจะไม่ใช่การวางมือ แต่ยังจะหนักไปทางนำสมาชิกรุ่นใหม่ที่ดูมีแววเข้ามาแจมให้แฟนรายการได้คุ้นเคยมากขึ้น เป็นการผลัดใบทีละนิดมากกว่า ที่น่าสนใจเลยคือ พูพีส์ (Poopies) ที่ดีกรีความห่ามและบ๊องถือว่าเกินมาตรฐานเพื่อน ๆ อยู่

และอีกคนคือ แซค โฮล์มส์ (Zach Holmes) พี่จ้ำม่ำที่ลูกบ้าไม่แพ้ใครจนได้ฉายา แซ็กแอส (Zackass) เลยทีเดียว ส่วนอีก 2-3 คน ยังไม่ค่อยโดดเด่นนัก

สำหรับใครที่ไม่ได้คุ้นเคยกับ ‘Jackass’ และคิดจะดูภาคนี้เลย ก็พอดูได้แต่ก็จะไม่สนุกสุด เจอความแป้กบ้างเป็นระยะด้วยการเล่าเรื่องแบบฉากต่อฉากไม่มีการเชื่อมโยงหรือโครงเรื่องให้ตามนัก ก็คือดูการเล่นแผลง ๆ เปลี่ยนคน เปลี่ยนกิจกรรมไปเรื่อย ๆ ยาวบ้าง สั้นซะส่วนมาก

ดูไปนาน ๆ ก็จะเริ่มชินชาและอาจไม่ค่อยขำแล้ว จริง ๆ ถ้าเล่าให้มีโครงอย่างการผลัดกันแกล้งไปมาแก้แค้นเอาคืนหน่อยน่าจะสนุกขึ้น

ตรงนี้ถ้าใครจะเริ่มต้นกับ ‘Jackass’ ส่วนตัวแนะนำให้ไปดู ‘Jackass Presents: Bad Grandpa’ หนังภาคแยกเรื่องก่อนหน้าที่มีเส้นเรื่องให้ตามได้หน่อยจะสนุกกว่า และต้องเตือนก่อนเลยว่าหนังเรื่องนี้สุดโต่งในทางของมันมาก คุณจะเห็นงวงเห็นไข่แบบเต็มตาอย่างไม่เคยเต็มตาเท่านี้มาก่อนทั้งโคลสอัปและสโลว์โมชัน คือถ้าใจคุณไม่ได้ห่ามขนาดนั้น คุณอาจจะไม่ได้เหมาะกับหนังแนวนี้ครับ

ดูหนังฟรี

รีวิว Jackass Forever

ความรู้สึกหลังดู

หากว่าคุณเป็นคนที่เกิดและเติบโตทันในช่วงเรืองรองของยุค 90s เป็นต้นมา แน่นอนว่าคุณจะต้องคุ้นเคยกับพวกเขา แม้ว่าจะไม่คลุกคลีหรือรู้จักลึกซึ้งแต่อย่างใด แต่พวกเขาก็คืออดีตหัวโจ๊กตัวท็อปแห่งฮอลลิวูดที่เกาะกลุ่มมิตรภาพมาอย่างนาน

และก็ได้โอกาสกลับมาอีกครั้งใน “Jackass Forever” ที่อาจจะเป็นการสร้างสรรค์ผลงานเต็มรูปแบบของพวกเขาเป็นทางทิ้งทวน ซึ่งการมาในครั้งนี้ของชาวแก๊ง ก็นับว่าเป็นจังหวะที่ดี ความบันเทิงสัปดนในรูปแบบของพวกเขา เป็นสิ่งที่โลกตอนนี้กำลังต้องการ(หรือเปล่า?)

Jackass Forever ก็คงจะไม่ต้องเกริ่นเรื่องย่ออะไรเลย เพราะมันไม่มีอยู่แล้ว เป็นแค่การรวมตัวของชาวแก๊งสมาชิกที่มีนับสิบคนที่สรรหาก่อเรื่องเจ็บตัวและก่อความมันส์สนใจเฉพาะตัวใส่หัวพวกเขากันเอง โดยที่แคสติ้งดั้งเดิมยังคงกลับมาครบ

ไม่ว่าจะเป็น “จอห์นนี่ น็อกซ์วิลล์”, “สตีฟ-โอ”, “คริส พอนเทียส”, “เดฟ อิงแลนด์”, “วีแมน”, “เอเรน แม็คเกย์”, “ชอว์น แม็คไอเนอร์นีย์”, “เพรสตัน เลซีย์”, “เดวอน วิลสัน” หรือ “เจฟฟ์ เทรเมน” ผู้กำกับคู่บุญของชาวแก๊งนับเดินตามรายกันมาตั้งแต่จุดเริ่มต้น

ต้องยอมรับตรงๆ ว่า หลังจากที่ดู Jackass Forever จบลงแล้ว คิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะกลับมาเขียนรีวิวออกมายังไงดี? เล่าความรู้สึกที่มีแบบไหนดี? หรือจะเขียนแปะผู้อ่านแค่สั้นๆ ประโยคเดียวว่า “สนุกดี ไปดูเหอะ!” แค่นั้นก็พอนะ เอาเป็นว่า Jackass Forever ก็ยังคงเป็นหนังตลกเจ็บตัวสูตรสำเร็จของพวกเขาที่ก่อกำเนิดหนังชุดนี้มาตั้งแต่เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ในครั้งนี้เป็นการกลับมาอีกหนในรอบทศวรรษ ก็ถือว่าพวกเขากลับมาจัดเต็ม ทั้งหวาดเสียว ทั้งขำขัน ทั้งขยะแขยง ทั้งสะพรึง

ดูหนังใหม่

รีวิว Jackass Forever

บอกเลยว่าแค่ฉากโหมโรงเปิดเรื่องก็ต้องเทคะแนนให้สิบเต็มสิบไปเลย เพราะเป็นการเปิดฉากที่ทั้งตราตรึงและสุดสะพรึงไปคราวเดียวกัน นับว่าเป็นการบียอนด์อีกขึ้นของตระกูล Jackass ที่เล่นแบบนี้เลยตั้งแต่ฉากแรก รู้สึกขำและรู้สึกสะอิดสะเอียนไปควบคู่กันอย่างประหลาดใจ ราวกับว่าหนังเรื่องนี้ของพวกเขาจะเป็นการทิ้งทวนแล้วจริงๆ จึงจำเป็นจะต้องเล่นใหญ่จัดเต็มให้ผู้ชมได้จดจำไปอีกนานแสนนาน และมันก็ทำหน้าที่เช่นนี้ได้สมความปรารถนาจริงๆ

Jackass Forever ก็ยังคงเป็นหนัง Jackass ในรูปแบบเดิมๆ เป็นการแสดงสตั้นท์แบบแผลงๆ ที่หนังต้องขึ้นคำเตือนย้ำๆ ทั้งก่อนฉายและหลังฉายว่า ‘ไม่ควรเก็บเอาไปทำตามที่บ้าน’ เพราะพฤติกรรมทุกๆ อย่างของพวกเขานั้น อันตรายมากๆ ถึงที่สุด และแผลงเกิดกว่าที่คนทั่วไปจะรับได้ด้วยซ้ำ หากว่าไม่มีการฝึกซ้อมและตระเตรียมคิวกันเอาไว้ แม้ว่าจะรู้สึกแขยงหนังไปตลอดทาง แต่นั่นกลับกลายเป็นความบันเทิงอย่างน่าประหลาดใจ ที่เชื่อว่าผู้ชมก็ต้องการมารับและพวกเขาก็ต้องการมอบให้

จึงกลายเป็นหนังแอคชั่นตลกแบบเจ็บตัวที่แสบสันต์ ที่ทำให้เรารู้สึกบิดไปบิดมาอยู่บางครั้ง ไม่เข้าใจถึงจุดประสงค์ของการทำแผลงๆ ของพวกเขาในหลายอย่าง แต่มันกลับเป็นความบันเทิงและความสนุกที่เป็นเสน่ห์หลักของหนังชุดนี้ ที่ไม่ประหลาดใจที่สามารถทำออกมาต่อเนื่องได้ยาวนานและเข็นออกมาเป็นภาคที่ 4 แล้ว

แต่ก็ต้องยอมรับว่าด้วยอายุของแฟรนไชส์หนังเรื่องนี้ก็ดำเนินมานานถึง 20 ปี สัมผัสได้ว่ามุกต่างๆ ของพวกเขาก็เริ่มจืดจางไปบ้าง นำเอามุกเดิมๆ ที่เคยใช้จากภาคก่อนมาปรับปรุงทดลองใหม่บ้าง แต่ก็ถือว่าเป็นองค์ประกอบเดิมๆ ที่ไม่ทำให้รู้สึกติดขัดใจ อีกทั้งทีมนักแสดงต่างก็ไม่ได้ฟิตปั๋งเหมือนกับตอนหนุ่มๆ อีกแล้ว แม้ว่าความคึกคะนองและมิตรภาพของพวกเขายังเหนียวแน่น แต่ด้วยวัยที่โรยราไปตามเวลา พฤติกรรมแผลงๆ และเจ็บตัวของพวกเขาก็ต้องเซฟตี้เรื่องสุขภาพเอาไว้เป็นหลัก

รีวิว Jackass Forever

ก็เอาเป็นว่า หาก Jackass Forever จะเป็นภาคสุดท้ายของหนังชุดนี้ ก็น่าจะเป็นการฉากที่ค่อนข้างลงตัวและกลมกล่อมในระดับที่น่าพอใจ เป็นความบันเทิงที่ผู้ชมหนังชุดนี้ต้องการเป็นอย่างดี และเชื่อว่าหลายคนก็น่าจะเฝ้ารอคอย Jackass 4.5 ตามออกมาเป็นธรรมเนียมของแฟรนไชส์หนังเรื่องนี้เสมอๆ (แต่ไม่รู้ว่าจะมีหรือไม่นะ) คงต้องบอกว่า หนังสนุกดี บันเทิงดี และสะใจดี ใครที่เป็นแฟนหนังชุดนี้ก็ไม่ควรพลาด แต่คงต้องย้ำเตือนว่า หนังเรื่องนี้ไม่เหมาะกับเด็กและเยาวชนเลยแม้แต่น้อย เพราะความรุนแรงและภาพต่างๆ ไม่เหมาะสมเยอะเกินกว่าจะเซ็นเซอร์หมดจริงๆ

ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง Jackass Forever

ประเภท: แอคชั่น / ตลก
ผู้กำกับ: เจฟฟ์ เทรเมน
นำแสดงโดย: จอห์นนี่ น็อกซ์วิลล์, สตีฟ-โอ, คริส พอนเทียส
ความยาว: 96 นาที
กำหนดฉายในไทย: 10 มีนาคม 2022 (ในโรงภาพยนตร์)

 รีวิวหนังออนไลน์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *