รีวิว Before Sunrise (1995)
หนังโรแมนติกฉากหลังยุโรป เรื่องราวของคนแปลกหน้าสองคนที่เจอกันบนรถไฟแล้วตกลงกันมาเดินเล่นในเวียนนาก่อนที่ฝ่ายชายจะนั่งเครื่องบินกลับบ้านไป และฝ่ายหญิงจะนั่งรถไฟต่อไปยังปารีส หนังรักเรื่องเยี่ยมที่หลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อมาบ้างแล้ว เรื่องนี้เป็นไตรภาค ภาคนี้เป็นภาคแรกเมื่อปี 1995
อีกสองภาคหลังตามมาในปี 2004 และ 2013 เราได้ยินชื่อเสียงของผู้กำกับคนนี้จากหนังของเขาเมื่อสองปีที่แล้วอย่าง Boyhood ที่ถ่ายทำเหมือนเป็นหนังชีวิตจริงๆเรื่องหนึ่งแต่เรายังไม่มีโอกาสได้ดู
เราชอบไปเดินร้านขายแผ่นหนังใต้ลิโด้ เราเล็งเรื่องนี้ไว้หลายรอบแล้วแต่ส่วนใหญ่จะซื้อแต่แผ่นละ 59-79 บาทเลยไม่มีโอกาสได้ซื้อมาดูสักที สุดท้ายก็สู้ความอยากดูไม่ไหวเลยซื้อมะซะเลย
เราคิดว่าเราเป็นคนชอบหนังรักที่ไดอะล็อคดีๆ ฉากหลังหวานๆ ภาพสวยๆ เคมีตัวละครที่เข้ากันอะไรประมาณนี้ ซึ่งเรื่องนี้มีหมดเลย เราขอพูดเรื่องแรกก่อนเลยคือความสนุก เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดูเพลินมากด้วยองค์ประกอบหลายๆอย่างที่มันถูกใส่มาอย่างดี
เหมือนเราไม่ได้กำลังดูหนัง แต่เรากำลังตามติดชีวิตของคนสองคนจริงๆที่เพิ่งเจอกัน ซึ่งมันไม่ได้น่าเบื่อเลย กลับมีแต่ความน่าสนใจโดยเฉพาะในบทพูด
บทพูดเรื่องนี้ดีมาก เหมือนคนเขียนบทคิดมาไว้แล้วว่าจะให้พวกเขาพูดประเด็นอะไรแล้วก็ทำออกมาได้อย่างดี
บทพูดมีเสน่ และเป็นข้อความที่ชวนให้คิดตาม เหมือนเรากำลังดูคนเล่าเรื่องเรื่องหนึ่ง ถกกันเรื่องหนึ่ง แต่คือบทมันดีมากจริงๆเลยทำให้ไม่เบื่อ
ในเรื่องของภาพเราก็ชอบมาเช่นกัน เราเป็นคนชอบหนังยุโรปอยู่แล้ว ยิ่งฉากหลังเป็นเวียนนายามค่ำคืน ไปในที่ต่างๆ มันช่างดูฝันหวาน ให้ความรู้สึกฟุ้งมาก สรุปคือเราชอบทั้งภาพ ทั้งบท ตัวละครก็เข้ากันมากๆ Ethan Hawke น่ารักมาก
ดูเป็นผู้ชายหลงทางในชีวิตที่ได้มาเจอผู้หญิงที่คุยเข้าขาและเข้าใจกัน
สรุปคือเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่น่าหยิบมาดู ขึ้น Top list หนังรักในดวงใจเราเรียบร้อย
โดยเฉพาะบทพูดนี่แหละที่มัดใจเราไว้เลย เราน่าจะเว้นช่วงก่อนจะดูภาคต่อไป เอาให้อารมณ์มันสุดก่อน แล้วเรารู้สึกว่าภาคต่อไปน่าจะดราม่าขึ้นเรื่อยๆ เราอยากแนะนำให้ทุกคนดูจริงๆนะ ถ้าว่างๆ หรืออยากดูหนังสบายๆหรือหนังรักสักเรื่อง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าจะตรงใจคุณและไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน
หนังเริ่มต้นมาด้วยการพบเจอกันระหว่างเซลีน และ เจสซี ทั้งสองคนได้มีโอกาสพูดคุยเปลี่ยนความคิดเหมือนกันบนรถไฟขบวนหนึ่งเป็นระยะเวลาสั้น ๆ แต่กลับคุยกันถูกปากอย่างน่าเหลือเชื่อ ทำให้เจสซีตัดสินใจชวนเซลีนลงที่เวียนนาจุดหมายไปทางในการเปลี่ยนเครื่องของเขา ทำให้ทั้งสองมีเวลาหนึ่งคือก่อนที่พระอาทิตย์จะขึ้นและจะต้องแยกย้ายกันไป
หนังรักที่มีโทนเรื่องโรแมนติกและทำให้เราได้คิดตามรวมทั้งยังตังคำถามเกี่ยวกับแนวคิดที่เรามีและตกหลุมรักตัวละครไปพร้อมกับที่พวกเขาตกหลุมรักกันเอง แม้จะเป็นบทสนทนาที่ดูฟุ้งแต่ในขณะเดียวกันมันก็จริงอย่างน่าเหลือเชื่อ ทุกอย่างในตัวภาพยนตร์มีสีของพระอาทิตย์ที่กำลังตกดินและดำเนินไปแค่การพูดคุยของคนสองคนกับฉากหลังของกรุงเวียนนา
สำหรับฉันเซลีนหรือตัวนางเอกมีแนวคิดที่น่าตกหลุมรัก เซลีนเป็นผู้หญิงเก่งเธอมีความฝันในช่วงวัยรุ่น , การเติบโต และในขณะเดียวกันก็มีความหวัง ไม่น่าเชื่อว่าหนังเรื่องนี้จะถูกสร้างในปี 1995 ก่อนที่ฉันจะเกิดเสียอีกเพราะตัวเซลีนนั้นตระหนักได้ถึง feminist
และพลังของผู้หญิงในขณะที่โลกตอนนั้นตั้งคำถามว่า feminist คืออะไรรวมทั้งบางคนก็เข้าใจไปแบบผิด ๆ ซึ่งเซลีนตอบคำถามข้อนี้ได้ดีมาก เซลีนรู้สึกว่ามันคือการอยู่โดยไม่ยึดผู้ชายเป็นหลักไม่ยึดตามแนวทางที่สังคมอยากให้ผู้หญิงคนนึงเป็น
แล้วถามว่าผู้ชายจะไปอยู่ตรงไหนในชีวิตผู้หญิงคนนึงล่ะ ? คำตอบคือมันจะมีพวกเขาอยู่แน่ ๆ เพราะในขณะเดียวกันการได้รักและการถูกรักก็ยังสำคัญเหลือเกินสำหรับผู้หญิงคนนึงเสมอ
รีวิว Before Sunrise (1995)
ฉากที่ฉันชอบที่สุดคือฉากการแกล้งโทรหาเพื่อนของทั้งสองในร้านอาหารแห่งหนึ่งเพื่อบอกความในใจของพวกเขาตั้งแต่ตอนแรกที่เจออีกฝ่ายจนได้พูดคุยแลกเปลี่ยนในหนึ่งคืนให้อีกฝ่ายได้รับรู้ คงเป็นการสารภาพรักทางอ้อมที่ตรงที่สุดในโลกสำหรับฉัน
แม้ในตอนสุดท้ายทั้งคู่จะต้องแยกจากกันจริง ๆ แต่พวกเขาก็ให้สัญญาว่าจะกลับมาเจอกันแม้เราจะไม่รู้ว่าทั้งคู่จะกลับมาเจอกันตามสัญญาที่ให้ไว้ไหมแต่แม้ทั้งคู่จะไม่ได้กลับมาเจอกันก็เชื่อได้ว่าหนึ่งคืนในเวียนนานั้นจะเป็นที่จดจำตลอดไป
ซึ่งแม้หนังเรื่องนี้จะมีภาคต่อที่เป็นการเฉลยเรียบร้อยแล้วว่าทั้งคู่ได้กลับมาเจอกันหรือไม่ แต่สำหรับฉันหนังเรื่องนี้ก็มีจุดจบในตัวมันเองอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับว่าคนดูเชื่อในความรักมากแค่ไหน สำหรับฉันในตอนแรกที่ไม่ได้ดูภาคสองฉันคิดได้ว่าทั้งคู่คงจะไม่กลับมาเจอกัน
มันคงเป็นเหมือนประโยคต้นเรื่องการที่เราได้คิดว่าชีวิตของเราถ้าได้รักกับผู้ชายคนนั้นในคืนนั้นจะเป็นอย่างไรนะ ?
Before Sunrise เล่าถึงการพบกันของ เจสซี และ เซลีน หนุ่มชาวอเมริกันกับสาวชาวฝรั่งเศสที่พบกันโดยบังเอิญ ทั้งคู่ได้มีโอกาสพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกันในช่วงการเดินทาง แล้วดันถูกคอกันเป็นอย่างมาก ทำให้เจสซีจึงถือโอกาสชวนเซลีนลงรถไฟเพื่อไปเที่ยวด้วยกันที่เวียนนา
ทั้งคู่มีเวลาแค่เพียงหนึ่งคืนก่อนที่พระอาทิตย์จะขึ้นเท่านั้น เพราะเจสซีจะต้องเดินทางกลับอเมริกาในวันต่อมา ในขณะที่เซลีนก็มีแผนที่จะกลับไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศส จึงเป็นจุดเริ่มต้นในความสัมพันธ์ของคนแปลกหน้าสองคน ที่แบ่งปันเรื่องราวและทัศนคติในชีวิตของตัวเองให้กับฝ่าย ด้วยความคิดที่ว่าพวกเขาคงไม่ได้เจอกันอีก
สำหรับ Before Sunrise จะเป็นหนังที่เราอยากแนะนำให้กับคอหนังรักที่ชอบหนังรักประเภทเรียบง่าย ชอบความรักผ่านบทสนทนา แนวคิด ทัศนคติของตัวละคร เพราะทั้งเรื่องเล่าผ่านบทสนทนาล้วนๆ เลยจริงๆ ดังนั้นหากคนที่ต้องการอะไรหวือหวา
โรแมนติกฟินจิกหมอน หรือใส่ดราม่าเข้ามาเป็นตัวดำเนินเรื่องแล้ว อาจจะยังไม่ตอบโจทย์เท่าไร เพราะทั้งเรื่องมีแค่ 2 คนคุยกันผ่านฉากหลังสวยๆ เท่านั้นจริงๆ ซึ่งใครที่ชอบหนังสไตล์คนรักกันในช่วงเวลาสัั้นๆ อย่าง Before We Go หรือ One Day แล้ว เรื่องนี้นับว่าขึ้นหิ้งที่ต้องดูเลย
ความรู้สึกหลังดู
อีกหนึ่งหนังรักโรแมนติกตลอดกาลของใครหลายคน ที่ยากจะหาเรื่องใดมาล้มแชมป์ได้ ทั้งๆ ที่เรื่องราวในหนังนั้นถ่ายทอดจากบทสนทนาของคนสองคนตลอดช่วงเวลาหนึ่งวัน ทั้งเรื่องสัพเพเหระรอบๆ ตัว รวมไปถึงแนวคิดของตัวเอง อย่างความฝัน ครอบครัว
และเรื่องราวที่ผ่านมาในชีวิต แต่กลับกลายเป็นเป็นว่าด้วยบทสนทนานี้ทำให้เราเห็นว่าทั้งคู่คือคนที่ใช่ของกันและกันอย่างชัดเจน รวมไปถึงความสัมพันธ์ที่ค่อยๆ พัฒนา และความรักที่ก่อตัวขึ้นอย่างสวยงามของทั้งคู่ ผ่านทางแค่การเดินเที่ยวและพูดคุยกันเท่านั้น
ในตอนท้ายของการจากลาที่ทั้งคู่สัญญาว่าจะได้กลับมาพบเจอกันอีก นับเป็นอีกหนึ่งฉากชวนเศร้า เพราะเราเองก็รู้ว่าสัญญานั้นอาจจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ก็ได้ (ซึ่งคนยุคหลังๆ จะรู้อยู่แล้วว่าเจอ เพราะมีหนังภาคต่อตามมาอีกถึง 2 ภาค)
แต่ ณ ตอนนี้คือช่วงเวลาที่ต้องแยกจากกันแล้ว และเป็นการจากลาด้วยความคิดที่ว่าอีกฝ่ายคือคนที่ใช่สำหรับเรา อย่างไรก็ตามการจากลาในครั้งนี้พวกเขาก็ยังมีความหวังที่จะได้พบกันอีก และถึงจะเป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ
แต่ความทรงจำครั้งนี้ก็จะติดตัวพวกเขาไปตลอดกาล ทำให้เรารู้สึกว่า Before Sunrises จะเป็นหนังที่พาคนดูได้มีโอกาสหวนรำลึกไปถึงรักครั้งเก่า รักที่มีช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตของเรา ไม่ว่ามันจะสมหวังหรือไม่ก็ตาม แต่สุดท้ายรักนั้นก็จะฝังใจเราไป ไม่ต่างจากความรักที่เกิดขึ้นของเจสซีและเซลีนเลย
ด้วยความที่หนังค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวกับผู้กำกับ เพราะได้แรงบันดาลใจมาจากชีวิตจริงของ Richard Linklater ที่ในปี 1989 ที่่ช่วงนั้นเขาได้ไปเยี่ยมน้องสาวมที่เมืองฟิลาดิเฟีย และได้มีโอกาสพบกับผู้หญิงที่ชื่อ Amy Lehrhaupt ทั้งคู่ได้ใช้เวลาเดินเที่ยว
พูดคุยกันในเมืองจนถึงช่วงเช้าอีกวัน จนกลายมาเป็นเรื่องราวของหนังเรื่องนี้ ทำให้ตัวบทของหนังจึงถ่ายทอดออกมาได้อย่างสวยงามละเมียดละไม ไปจนถึงบทสนทนาของสองตัวละครก็มีความชาญฉลาดและดึงคนดูได้อยู่หมัดกับทุกหัวข้อที่ตัวละครนั้นพูดคุยกันอย่างเข้าอกเข้าใจ
และยิ่งเมื่อนำไปประกอบกับการถ่ายตัวละครบนฉากหลังสวยๆ ในกรุงเวียนนาแล้ว มันก็ยิ่งเสริมให้บทสนทนาอันแสนธรรมดาเหล่านั้นดูมีพลังขึ้นมาไม่น้อยเลยทีเดียว เลยทำให้ Before Sunrises เป็นอีกหนึ่งหนังรักโรแมนติกในแบบที่เต็มไปด้วยบทสนทนาแต่ชาไปถึงหัวใจของคนยุค 90s จริงๆ
เรื่องราวที่เกิดขึ้นต่อจาก before sunrise เวลาที่ผ่านไปนานถึง 9 ปีไม่สามารถทำลายความสัมพันธ์ของเจสซี่และเซลีนได้เลยแม้แต่น้อย ทั้งคู่ได้กลับมาเจอกัน พูดคุยอย่างถูกคอกันเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือความโตขึ้น ผ่านประสบการณ์ เห็นโลกใบนี้มากว้างขึ้น
ส่วนตัวชอบภาคนี้มากกว่าภาคแรก เรารู้สึกว่าท็อปปิกที่ทั้งคู่พูดคุยกันมันดีพขึ้น ลึกขึ้น โตขึ้น แต่ก็ทำให้เห็นมุมมองที่หลากหลายและความผูกพันที่มากขึ้นของคนทั้งคู่เข้าไปอีก มันยิ่งทำให้เรามองเห็นถึงความสัมพันธ์ของพระนางที่ชัดเจนขึ้นว่าทั้งคู่นั้นเป็นคนที่ใช่ของกันและกันมากขนาดไหน
ชอบที่ตัวพระเอกก็มีลูกมีภรรยาแล้ว ฝ่ายนางเอกก็บอกว่ามีแฟนหรือคนที่ชอบแล้ว แต่ต่างฝ่ายก็ยังต่างคิดถึงกันตลอด เล่าย้อนไปถึงเรื่องเมื่อ 9 ปีที่แล้วเหมือนกับว่ามันพึ่งเกิดขึ้นไม่นาน ความผูกพันตรงนี้มันก็ยังไม่ได้จางหายไปไหน มันดีมากจริงๆ
ใครหาว่าภาคนี้ surreal เราขอค้าน เราก็ยังรู้สึกว่าทุกอย่างมันก็ยังดู real สมจริงตามเคย พระนางคู่เดิมที่เพิ่มเติมคือไม่ได้ยังวัยรุ่นเอ๊าะๆเหมือนภาคที่แล้ว ทั้งคู่โตขึ้น เป็นผู้ใหญ่ขึ้น ทั้งรูปร่างหน้าตาและความคิด เหมือนเราได้โตตามตัวละครมาด้วย เหมือนกับว่าเราหวนกลับมาพบเจอกับพงกเค้าทั้งสองอีกครั้งหลังจากผ่านไป 9 ปีจริงๆ ชอบมากๆ
สิ่งที่ชอบมาตั้งแต่ภาคที่แล้วจนมาถึงตอนนี้ก็คือวิวของเมืองต่างๆในฝรั่งเศส ภาคนี้อยู่ในปารีส คือหนังทำให้เราหลงรักฝรั่งเศสจนอยากไปตามรอยซักครั้งเลย ทั้งสถานปัตยกรรมต่างๆ ภาษา เพลง ผู้คน เราตกหลุมรักวัฒนธรรมของประเทศนี้ผ่านหนังเรื่องนี้อ่ะเอาจริง โดยเฉพาะเวลานางเอกพูดภาษาฝรั่งเศษ เรารู้สึกว่ามันสวยงามมากๆ
ถ้าหากเราเกิดในยุคนั้นที่ before sunrise พึ่งฉายแล้วต้องรออีก 9 ปีเพื่อมาเจอภาคต่ออย่าง before sunset เราว่ามันต้องอินและจมดิ่งลึกเข้าไปในใจมากกว่านี้อีกหลายสิบเท่าแน่ๆ ขนาดแค่นี้ยังรู้สึกตื้นตันแล้วก็หัวใจพองโตขนาดนี้เลย5555555
หนังรักโรแมนติกตลอดกาล ที่โดดเด่นในเรื่องบทพูด มีฉากหลังสวยงาม เหมาะกับคอหนังยุค 90
หมวดหมู่ : Drama Romantic
สัญชาติ : American
กำกับโดย : Richard Linklater
ความยาว : 1 ชั่วโมง 41 นาที
นักแสดงนำ : Ethan Hawke , Kulie Deply , Erni Mangold